เมื่อพูดถึงกระแสตอบรับที่ว่าจบจุฬาฯมาขับแท็กซี่ คุณแก้วยอมรับว่า ตอนแรกรู้สึกตกใจ เพราะไม่ได้มองมุมนี้เลย ไม่ได้มองว่าจบตรงนี้แล้วไม่ควรจะมาทำตรงนี้ เพราะคิดว่าเป็นอาชีพสุจริตเหมือนกัน คนอื่นอาจจะมองว่าเสียดายความรู้ความสามารถที่เรียนมาเยอะแยะ ทำไมไม่ทำงานอื่นที่สบายกว่านี้ ซึ่งเธอไม่ได้รู้สึกเสียดาย เพราะงานขับแท็กซี่ก็ใช้ความสามารถเยอะ เป็นอาชีพที่มีเกียรติ สุจริต ไม่น่าอาย ตั้งแต่เป็นข่าวดังขึ้นมาก็ไม่มีใครดูถูกเหยียดหยาม มีแต่คนชื่นชม โดยเฉพาะเพื่อน รุ่นพี่ และอาจารย์ เข้ามาอุดหนุนเป็นลูกค้าเยอะมาก และให้กำลังใจ บอกว่าภูมิใจมากที่เธอทำให้ภาพลักษณ์ของมหาวิทยาลัยดูดีขึ้น เพราะไม่เลือกงาน ไม่ใช่เรียนจบแล้วเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ตามที่หลายคนเคยพูดเอาไว้
นอกจากนั้นเธอยังมีอิสระในการทำงาน มีเวลาพักผ่อน และมีเวลาอยู่กับครอบครัว ได้รู้จักผู้คนมากขึ้น ลูกค้าที่มาใช้บริการจะมีเรื่องมาเล่าให้ฟังตลอด ลูกค้าบางคนช่วยบอกทาง เป็นข้อดีที่ได้ศึกษาผู้คน เธอสามารถนำมาใช้ในงานเบื้องหลังที่ยังไม่ทิ้งคอนเน็กชั่นได้ด้วย
ยิ่งไปกว่านั้นอาชีพ ขับแท็กซี่ ยังทำให้เธอมีเวลาเรียนภาษาญี่ปุ่นอีกด้วย ตอนนี้เธอสอบได้สองระดับแล้ว คือ N4 และ N5 และกำลังจะสอบระดับ N3 ในเร็ว ๆ นี้
คุณแก้วทิ้งท้ายไว้อย่างน่าฟังว่า สำหรับคนที่เพิ่งจบใหม่ หรือคนที่ทำงานมานานแล้ว มีความรู้สึกว่าอยากจะเปลี่ยนงาน แต่ไม่กล้า อยากจะให้มองที่ศักยภาพของตัวเองว่าเราอาจจะไม่ได้ทำได้อย่างเดียว เราอาจจะทำได้ดีหลายอย่าง เพียงแต่เรายังไม่เคยใช้ศักยภาพอีกด้านหนึ่งของตัวเอง ทำอะไรก็ได้ที่ 1. เลี้ยงตัวเองได้ 2. สุจริต ไม่เบียดเบียนใคร ไม่เบียดเบียนตัวเอง 3. มีความสุข สามารถทำให้บรรลุเป้าหมายของเราเองได้ในอนาคต
“อย่าไปมองว่างานบางงานไม่น่าจะเหมาะกับเรา เราเรียนมาแบบนี้เราก็ต้องทำงานนี้ บางอย่างไปแบกมันไว้มันก็หนัก เรื่องของศักดิ์ศรีอะไรยังงี้ เราเลือกสิ่งที่มันสำคัญกับชีวิตของเราดีกว่า”
-วรรณกวี อยู่วัฒนา
ขอบคุณข้อมูลจาก เส้นทางเศรษฐี, Wealth Me Up, Kapook, AmarinTV
ขอบคุณภาพจาก Kaew Wankawee Yoowattana, Kaew’s Taxi, one31
บทความน่าสนใจ
ดนตรีบำบัดช้าง นักเปียโนอังกฤษบรรเลงเพลงกล่อมช้างตาบอดที่เมืองกาญฯ
เอริน กรูเวลล์ ครูผู้เปลี่ยนเด็กเกเรให้กลายเป็นนักเขียนเพื่ออิสรภาพ
คุณแม่ลูกสามทิ้งงานเงินดี หันมาอุทิศตนช่วยเหยื่อการค้ามนุษย์