ดังแล้วแยกวง
1 ปี ต่อมา ไวพจน์ เพชรสุพรรณได้สังเกตพฤติกรรม นิสัยใจคอของผึ้งแล้ว คิดจะปั้นดาวดวงใหม่ จึงแต่งเพลงให้เธอร้อง ความโชคดีในครั้งนั้นนับว่าเป็นใบเบิกทางให้เธอก้าวสู่การเป็นนักร้องเต็มตัว เริ่มเป็นที่รู้จักจนมีคนเสนอว่า ความสามารถระดับนี้ร้องเพลงได้วันละ 80-90 บาท ไม่ได้ ต้องเป็นหัวหน้าวง เพราะจะได้เงินถึง 300 บาท เธอจึงลาออกจากวงของคุณไวโพจน์ มาตั้งวงของตนเอง แต่ด้วยชื่อเสียงที่ยังดังไม่มากพอ จึงทำให้ต้องแยกวงกันไปคนทิศคนละทาง แล้วกลับมามีโอกาสร้องเพลงอีกครั้งเมื่อได้พบกับครูมนต์ เมืองเหนือ ท่านแนะนำให้เธอเปลี่ยนชื่อ จึงใช้ชื่อในวงการว่าพุ่มพวง ดวงจันทร์มาตั้งแต่นั้น และเป็นผู้มีพระคุณช่วยที่ผลักดันเธอจนเป็นที่รู้จัก ด้วยการบันทึกเพลงของเธอลงบนแผ่นเสียง และเดินทางไปมอบให้กับสถานีวิทยุต่าง ๆ ช่วยประชาสัมพันธ์เพลงของเธอให้เป็นที่รู้จัก จนกระทั่งเธอกลายเป็นนักร้องคุณภาพได้รับรางวัลเสาอากาศทองคำพระราชทาน และแจ้งเกิดกับเพลงของครูลพ บุรีรัตน์คือ “กระแซะเข้ามาซิ” ด้วยจริตที่กล้าแสดงออกของเธอ ผนวกกับความที่เป็นเพลงสนุกสนาน จึงทำให้เธอโด่งดังเป็นพลุแตก
ร้องเพลงได้ทั้งที่อ่านหนังสือไม่ออก
เพลงของพุ่มพวง ดวงจันทร์เป็นที่ยอมรับของกลุ่มวัยรุ่นและคนกรุงเทพฯในเวลานั้น ทั้งที่เพลงลูกทุ่งไม่ที่เป็นนิยมในคนกลุ่มนี้เลย เรียกได้ว่าเป็นนักร้องลูกทุ่งคนแรกที่ทำให้เกิดปรากฎการณ์นี้ ด้วยการแต่งตัวตามแฟชั่นและการพูดจาที่ฉาดฉานจึงทำให้เธอเป็นที่สนใจของคนกลุ่มนี้ แต่ที่จริงแล้วเธอต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากที่จะจดจำเนื้อร้องทั้งหมด จากเสียงของนักแต่งเพลงที่อัดเทปไว้ เพราะเธออ่านหนังสือไม่ออก ในช่วงแรก ๆ ของการเป็นนักร้อง เธอได้รับการดูถูก และเหยียดหยามต่าง ๆ นานา แต่เมื่อตัดสินใจเข้ามาแล้ว สิ่งที่เธอทำได้อย่างเดียวคือใจต้องสู้ ใช้ความมานะ ร้องเพลงจนชิน และจำให้แม่น
ไม่ยอมแพ้
พุ่มพวง ดวงจันทร์ประสบความสำเร็จในฐานะนักร้องลูกทุ่งดังแห่งยุค ได้แสดงภาพยนตร์จนมาพบรักกับคุณไกรสร ลีละเมฆินทร์ และได้จดทะเบียนสมรสด้วยกัน ถึงแม้เธอจะท้องก็ออกเดินสายไปตามจังหวัดต่าง ๆ และยังเป็นที่สนใจของบรรดาแฟนเพลงอยู่ดี ไม่มีทีท่าว่ากระแสความชื่นชอบในตัวของเธอจะลดลงเลย เธอเดินสายร้องเพลงไปตามจังหวัดต่าง ๆ จนกระทั่งใกล้คลอด แต่ด้วยวงการบันเทิงไทยในตอนนั้น เมื่อศิลปินมีครอบครัวเชื่อกันว่ากระแสจะตก ทำให้ต้นสังกัดปลดเธอออก แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้ และกลับมาโด่งดังอีกครั้งกับเพลง”หนูไม่รู้” ซึ่งเป็นอัลบั้มที่เธอทำด้วยตัวเธอเอง
เส้นทางชีวิตของผึ้งน้อย ณ ไร่อ้อยที่ได้โบยบินสู่การเป็นราชินีลูกทุ่ง ทำให้เรารับรู้ว่า เธอคือหญิงเกร่งที่ไม่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ ด้วยความศรัทธาที่มีต่ออาชีพที่เธอรักมาตั้งแต่วัยเด็ก ทำให้เธอไม่ล้มเลิกหน้าที่ของการเป็นนักร้องจนถึงช่วงสุดท้ายของชีวิต
ที่มา
www.youtube.com/ข่าวดังข้ามเวลา-พุ่มพวง ดวงจันทร์
www.youtube.com/จันทร์กะพริบ-พุ่มพวง ดวงจันทร์
ภาพ
www.facebook.com/Pumpuang.Duangjan
บทความน่าสนใจ
นักร้องลูกทุ่งสายบุญ ไผ่ พงศธร สร้างศาลาอเนกประสงค์ถวายวัดที่บ้านเกิด
สิวะ แตรสังข์ นักร้องดังยุค 30 ชีวิตพบกับความสงบ หลังจากเข้าหาธรรมะ
เป็นผู้หญิงทำมาหากิน สุนารี ราชสีมา ขายน้ำพริกและหมี่โคราชไกลถึงเนเธอร์แลนด์
