จาก ผึ้งน้อย ณ ไร่อ้อย สู่บัลลังก์ ราชินีลูกทุ่งในดวงใจ : พุ่มพวง ดวงจันทร์ – Secret
“ไม่เด่น ไม่ดัง จะไม่หันหลังกลับไป ทุกวันคืนนอนร้องไห้ เมื่อไรจะโชคดี….” เชื่อว่าไม่มีใครที่ไม่รู้จักเพลง “นักร้องบ้านนอก” ซึ่งเคยขับร้องโดยนักร้องลูกทุ่งหญิงชื่อดังแห่งยุค พุ่มพวง ดวงจันทร์ เป็นเพลงสะท้อนชีวิตของเธอที่ต้องจากบ้านเกิดมาเป็นนักร้อง และอีกบทเพลงหนึ่งก็เล่าชีวิตของเธอได้ดีไม่แพ้กันคือ “โลกของผึ้ง” ทุกคนรู้จักพุ่มพวง ดวงจันทร์จากบทเพลงที่เธอร้อง แต่ชีวิตของผึ้งน้อยนั้นกว่าจะโผบินจากไร่อ้อยมาสู่บัลลังก์ราชินีลูกทุ่ง และหัวใจของแฟนเพลงที่ไม่มีวันลืมเธอ ต้องเผชิญกับอุปสรรคนานัปการ
ความฝันของผึ้งน้อย ณ ไร่อ้อย
พุ่มพวง ดวงจันทร์ยอมรับว่าเส้นทางที่เธอก้าวเดินนั้น เป็นเส้นทางที่ลำบากและสาหัสสากรรจ์มาก กว่าเธอจะมายืนได้ในจุดนี้ ต้องผ่านอุปสรรคกองเท่าภูเขา เพราะเธอเกิดจากครอบครัวที่ยากจน เป็นครอบครัวชาวไร่ และมีพี่น้องหลายคน เธอเป็นลูกคนกลาง คือคนที่ 5 จากพี่น้องทั้งหมด 12 คน ด้วยความยากจนทำให้เธอเรียนไม่จบชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 เด็กหญิงผึ้งคิดเสมอว่าจะทำอย่างไรดีให้ครอบครัวไม่ลำบาก จึงร้องเพลงหาเงินมาตั้งแต่เด็ก โดยใช้ชื่อว่า “ผึ้งน้อย ณ ไร่อ้อย“เธอมีความฝันว่าอยากมีเสื้อผ้าสวย ๆ ใส่ อยากมีบ้าน มีรถ มีห้องแต่งตัว อยากมีรองเท้าส้นสูงสีแดงใส่ ถ้าเป็นจริงดังฝัน ครอบครัวน่าจะมีความสุข นับจากวันนั้นผ่านมา 17-18 ปี สิ่งที่เธอฝันไว้ก็กลายเป็นจริง ใครจะไปล่วงรู้แม้แต่เธอเองที่วันหนึ่งจะกลายเป็นนักร้องมีชื่อเสียง และได้ช่วยเหลือจุนเจือครอบครัวให้อยู่สุขสบาย
“ผึ้งน้อย ตัวหนึ่งนี้ บินหนีพิษภัยที่ผจญ ต้องทุกข์ต้องทน เพื่อชีพตน และคนร่วมเดิน “
– โลกของผึ้ง –
ร้องเพลงหาเงินตั้งแต่เด็ก
ด้วยความที่เป็นคนชอบร้องเพลงมาตั้งแต่เด็ก หลังจากช่วยเลี้ยงน้องและทำงานบ้านเสร็จ ก็จะออกไปร้องเพลงตามงานในหมู่บ้าน ผู้ฟังชอบก็ให้รางวัลคนละ 1 – 2 บาท วันนึงก็ได้ตกวันละ 10 กว่าบาท ถึงจะเป็นเงินที่น้อยแต่เธอก็ภาคภูมิใจ เพราะพอช่วยเป็นค่าอาหารให้กับที่บ้านได้ สมัยนั้นไข่ไก่ราคาฟองละสลึง เงิน 10 บาทก็ซื้อไข่ไก่ได้หลายฟอง จนกระทั่งวันหนึ่งความโชคดีได้มาเยือน วงดนตรีของไวพจน์ เพชรสุพรรณมาเล่นดนตรีที่งานประจำปีของจังหวัดสุพรรณบุรีพอดี ผู้ใหญ่บ้านซึ่งทราบความสามารถของเธอดี จึงเขียนจดหมายขอให้เด็กหญิงได้ขึ้นร้องเพลงบนเวทีด้วย ไวพจน์ เพชรสุพรรณเอ็นดูนักร้องรุ่นจิ๋ว ขอให้ร้องเพลงให้เขาฟังหนึ่งเพลง เด็กหญิงเลือกร้องเพลงรถด่วนขบวนสุดท้าย ด้วยความสามารถทางการร้องเพลงที่เกินวัย ทำให้คุณไวพจน์อนุญาตให้ขึ้นร้องเพลงได้ วันนั้นเธอได้เงินถึง 80 บาท มากกว่าทุกครั้งที่ได้มาเลยทีเดียว
อยู่วงดนตรีแล้วแต่ยังไม่เป็นนักร้อง
คุณพ่อคุณแม่พาเด็กหญิงมาฝากตัวกับคุณไวพจน์ เพชรสุพรรณ เพื่อหวังให้ลูกสาวได้เป็นนักร้อง แต่เมื่อเข้ามาอยู่ในวงดนตรีลุกทุ่งแล้วก็ยังไม่ได้ให้เป็นนักร้องทันที เธอช่วยเหลืองานทุกอย่างในวงเท่าที่เธอจะทำได้ และแล้วโอกาสที่จะได้ขึ้นบนเวทีก็มาถึง เมื่ออยู่ ๆ หางเครื่องขาด เด็กหญิงจึงได้กลับมาสัมผัสกับแสงสีอีกครั้ง ถึงจะไม่ได้ร้องเพลงโลดแล่นอยู่บนเวทีตามที่ฝัน แต่เธอกลับทำออกมาได้ด้วยดี ทั้งที่ไม่เคยเต้นหางเครื่องมาก่อน ไวโพจน์ เพชรสุพรรณซึ่งแอบดูอยู่ถึงกับทึ่งในความสามารถของเด็กหญิง แต่เมื่อพออยู่นาน ๆ เข้า เธอจึงได้รับโอกาสให้ช่วยร้องเพลงบ้าง สลับกับการเป็นหางเครื่องเป็นครั้งคราว
คลิกเลข 2 ด้านล่างเพื่ออ่านหน้าถัดไป >>>
