วิชาทางโลก

ละวิชาทางโลก เพื่อให้ได้พบสุญญตา 

ละ วิชาทางโลก เพื่อให้ได้พบสุญญตา

คนเราไม่ควรเรียนแต่ วิชาทางโลก ไว้เพื่อประกอบอาชีพเลี้ยงกายเพียงอย่างเดียว จิตใจจะแห้งเหี่ยวขาดพลัง เราต้องศึกษาธรรมเพื่อนำชีวิตบ้าง ไม่ให้ชีวิตเป็นทุกข์ ได้มาก็ไม่ทุกข์ เสียไปก็ไม่ทุกข์ อยู่ก็ไม่ทุกข์ ตายก็ไม่ทุกข์ แล้วชีวิตนี้เราจะต้องการอะไรอีก ในเมื่อใจมันพอแล้ว

ฉะนั้น จงเรียนวิชาที่เป็นปัญญาเฉพาะหน้า คือ วิชาของพระพุทธเจ้า เรียนแล้วให้อยู่เหนือโลก อยู่เหนือโลก อยู่เหนือทุกข์ ไม่ใช่อยู่เหนือโลกอย่างที่ไปดาวอังคารได้นะ ไปถึงดาวอังคารก็ยังอยู่ในจักรวาลนี้อยู่ดี ยังมีความทุกข์อยู่ อย่างนั้นใช้ไม่ได้

ให้อยู่เหนือโลกภายใน คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เช่น ตาเมื่อทำหน้าที่ดูแล้วยังเกิดความยินดียินร้ายอยู่ อย่างนี้ยังไม่อยู่เหนือโลกภายใน ถ้าให้อยู่เหนือตาก็ต้องศึกษาตา ตัวที่เห็นรูปและตัวความเห็นที่มีการปรุงแต่งเกิดดับ ๆ ที่มันทยอยกันดับไม่มีแก่นสาร เรียกว่า อนิจจัง อนัตตา สุญญตา ว่างจากตัวตน

รูปที่ตาเห็นก็คือเงาหรือแสงที่เกิดดับอย่างถี่ยิบ สาดเข้ามาแล้วกระทบกับประสาทตา การรับรู้ทางประสาทตาก็เกิดดับ ว่างจากตัวตนแต่ถ้าจิตขาดปัญญา เห็นไม่ตลอดสายแล้วเข้าไปยึด นำมาเก็บบันทึกเอาไว้ในสมอง ถึงเวลาสัญญาก็ดึงมาคิดวนไปวนมาเหมือนวัวเคี้ยวเอื้อง ติดอยู่ในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ เกิดดับอยู่อย่างนั้นไม่รู้จักจบจักสิ้นสักที เรียกว่า “วัฏฏสงสารในปัจจุบัน”

เมื่อปฏิบัติแล้วรู้ว่าสิ่งทั้งปวงเป็นอนิจจัง เป็นอนัตตา เป็นสุญญตา คือ ว่างจากตัวตน ดับทุกสิ่งทุกอย่างทั้งโลกภายในและโลกภายนอก จิตก็จะฉลาด อยู่เหนือโลกเหนือจักรวาลโดยไม่ต้องมีความทุกข์ ได้พบและสัมผัสโลกใหม่อันสงบเย็น เป็นที่ซึ่งพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลายอยู่ในโลกใหม่ คือโลกที่พ้นจากความเกิด แก่ เจ็บ และตาย เป็นโลกที่ว่างจากตัวตน

หากแม้นร่างกายยังอยู่ในโลกนี้ ก็อยู่ด้วยความว่าง กินด้วยความว่าง ทำงานด้วยความว่าง กินด้วยความว่าง ทำงานด้วยความว่าง มีความว่างอยู่ตลอดเวลา สักแต่ว่ากิน อาบ ถ่าย ยืน เดิน นั่น นอน ทุกขณะมีความว่างควบคุมหมด ไม่มีสัตว์ ไม่มีตัวตน ไม่มีบุคคล ไม่มีเรา ไม่มีเขา มีเพียงแต่สุญญตาธาตุเท่านั้น เป็นโลกใหม่ที่อยู่ในโลกใบเก่า ยังกิน ยังนอน ยังทำทุกสิ่งเหมือนเดิมหมด

แต่ต่างกันตรงที่โลกเก่าอยู่ด้วยความมี มีนั่น มีนี่ แต่โลกใหม่อยู่ด้วยความว่างจากตัวตน เพราะไม่ยึดมั่นถือมั่นด้วยอุปาทาน อยู่ด้วยปัญญา เพราะเห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา และสุญญตา เหมือนงูออกจากคราบ เหมือนผีเสื้อออกจากดักแด้ เหมือนอยู่เหนือโลกเหนือจักรวาลทั้งหมด เหนือบุญ เหนือบาป เหนือดี เหนือชั่ว เหนือของที่เป็นคู่ทุกอย่าง ไม่เว้นแม้แต่สุขจอมปลอมซึ่งก็คือทุกข์นั่นแหละ

นี่คือว่างอย่างพระอรหันต์เจ้าและพระพุทธเจ้าท่านมี นี่คืออกจากทุกข์ ออกจากวัฏฏสงสารอันไม่รู้จักจบสิ้น การทลายกำแพงแห่งวัฏฏะนี้ ยากที่มนุษย์แต่ละคนจะทำได้ ถ้าขาดความเพียรที่ถูกต้อง แต่ก็ไม่เกินความสามารถหากมีอดทนความพยายาม ความหนักแน่น ความจริงจัง ความต่อเนื่อง โดยอาศัยสมาธิที่ไม่หย่อนไม่ตึงจนเกินไปและมีปัญญากำกับอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ยังต้องหาครูบาอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเพื่อเป็นที่ปรึกษา หมั่นฟัง อ่าน ปฏิบัติ พิจารณาใคร่ครวญอยู่เสมอ

อย่าอวดดี อย่าอวดเก่ง อย่าดูถูกดูแคลนอาจารย์ ไม่ควรกลัว และไม่ควรกล้า แต่ควรวางตัววางใจให้ถูกต้อง แล้วไม่ช้าเกินรอก็จะพบสุญญตาอย่างแน่นอน

 

ที่มา : ไม่ใช่กู เขียนโดย หลวงพ่อเอี๊ยน วิโนทโก หนังสือสำนักพิมพ์อมรินทร์ธรรมะ

ภาพ : www.pexels.com


บทความน่าสนใจ 

พระพุทธพจน์ว่าด้วยเรื่อง สุญญตา (ความว่าง)

สุญญตาทาน : ทานแห่งความว่างที่ไม่ต้องมีผู้ให้และผู้รับ โดย ท่านพุทธทาสภิกขุ

ความว่างเปล่า – พระราชญาณกวี

เส้นทางสู่ “ความว่าง” ของอ้อม - สุนิสา สุขบุญสังข์

ทำงานด้วย จิตว่าง ทำอย่างไร พระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญ มีคำตอบ

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.