เวรกรรม …ไม่ต้องรอชาติหน้า | เรื่องเล่าจากผู้อ่าน
ดิฉันมักจะได้ยินได้ฟังเรื่อง เวรกรรม บาปบุญคุณโทษจากผู้เฒ่าผู้แก่และญาติผู้ใหญ่อยู่เป็นประจำ ท่านมักจะปลูกฝังให้เราคิดดี พูดดี ทำดี และเชื่อในเรื่องผลของกรรมเสมอ ทุกวันหลังรับประทานอาหารเย็นเสร็จ เราก็มักจะมานั่งสนทนาพูดคุยเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตประจำวัน วันนี้ก็เช่นกัน คุณพ่อได้เล่าเรื่องของครอบครัวหนึ่งให้พวกเราฟัง
ครอบครัวนี้อาศัยอยู่ด้วยกันทั้งหมด 3 คน มียาย แม่ และลูกสาว ผู้เป็นแม่ทำงานเป็นข้าราชการ เงินเดือนจึงไม่ได้มากมายอะไรนัก เธอมีลูกสาวเพียงคนเดียวและหลังจากที่สามีของเธอเสียไป เธอก็พยายามเลี้ยงดูลูกคนนี้อย่างดีที่สุด ลูกอยากได้อะไรก็จะซื้อจะหามาให้ด้วยหวังว่าลูกจะรู้สึกถึงความรักและความห่วงใยของแม่ เธอไม่อยากให้ลูกรู้สึกขาดความอบอุ่น แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่เธอหวังกลับไม่เป็นอย่างที่หวัง
“แม่เอาเสื้อหนูไปไว้ไหนน่ะ! เสื้อสีฟ้าที่หนูเพิ่งซื้อมา แม่เอาไปไว้ไหนบอกมานะ!” หรือ “โอ๊ย! ยายไปห่าง ๆ หนูหน่อยได้ไหม ตัวยายน่ะเหม็นมาก เหม็นจนอยากจะอ้วกเลยออกไปห่าง ๆ ไป”…คำพูดแต่ละคำทั้งดูถูกทั้งเสียดสี แต่เป็นคำพูดที่ลูกสาวมักจะใช้กับแม่และยายเสมอ ๆ โดยลืมไปว่าท่านทั้งสองคือผู้มีพระคุณและบุพการี แม้เธอจะสอนและว่ากล่าวตักเตือนลูกอยู่เสมอ แต่ก็ไม่เป็นผล มีแต่หนักข้อขึ้นทุกวัน จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น
วันนั้นลูกสาวของเธอกำลังด่ายายอยู่ด้วยเหตุที่ว่ายายรีดเสื้อของแกไหม้ เธอจึงบอกให้ลูกขอโทษ แต่ลูกยังคงพูดต่อไปทำเหมือนไม่ได้ยินคำพูดของเธอ เธอโมโหมากจึงตบหน้าลูกสาวฉาดใหญ่ ลูกโกรธร้องไห้ แล้วพูดเสียงดังว่า “แม่จะต้องเสียใจแม่ตบตีลูกตัวเอง แม่จะต้องได้รับกรรม!”
พูดจบลูกของเธอก็วิ่งออกจากบ้านไป หลังจากวันนั้นเธอก็ไม่ได้พบหน้าลูกอีกเลย จนกระทั่งคืนวันหนึ่งเธอได้รับโทรศัพท์จากตำรวจว่า ลูกสาวของเธอกำลังถูกนำตัวส่งห้องไอซียู เธอตกใจมากรีบไปโรงพยาบาลและได้ฟังเหตุการณ์ทั้งหมดจากเพื่อนของลูกที่ไปเที่ยวสถานบันเทิงด้วยกัน ซึ่งเพื่อนเล่าว่า วันนั้นโชคไม่ดีที่เกิดมีปากเสียงกับกลุ่มเด็กเมายาและลงไม้ลงมือกัน ลูกและเพื่อนพยายามจะวิ่งหนี แต่บังเอิญมีผู้ชายมาขัดขาไว้ทำให้ล้มลง จากนั้นคู่กรณีก็ใช้เหล็กท่อนใหญ่ฟาดลงที่ลำคอลูกสาวเธออย่างแรงจนทำให้แกสลบไป
แม่เป็นกังวลและเครียดมาก เฝ้ารอดูอาการของลูกสาวตลอดทั้งคืน เธอได้แต่สวดมนต์ภาวนาขอให้ลูกปลอดภัย หลังจากเวลาผ่านไปราวสองชั่วโมง หมอก็เดินออกมาจากห้องไอซียูพร้อมกับบอกข่าวร้ายและข่าวดีไปพร้อม ๆ กัน ข่าวดีคือ ลูกของเธอปลอดภัย พ้นขีดอันตรายแล้ว แต่เมื่อได้ฟังข่าวร้ายเธอก็ถึงกับต้องทรุดลงนั่งกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง ลูกสาวของเธอกล่องเสียงแตก พูดไม่ได้อีกแล้ว
ผู้เป็นแม่เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นและคิดโทษตัวเองที่ทำรุนแรงกับลูกในวันนั้น เธอพยายามหาเหตุผลร้อยแปดว่าทำไมเหตุการณ์เลวร้ายนี้จึงต้องเกิดกับครอบครัวของเธอ และในที่สุดก็ได้คำตอบจากปากแม่ของเธอเอง…
“มันเป็นบาปกรรมยังไงล่ะ ลูกเอ็งมันทำบาปทำกรรมด้วยการด่าทอให้ร้ายบุพการีและผู้มีพระคุณ กรรมจึงตามลงโทษให้มันต้องเป็นแบบนี้ บาปกรรมน่ะไม่ต้องรอให้ถึงชาติหน้าหรอก แค่ชาตินี้มันก็ตามทันแล้ว”
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้คงจะทำให้ลูกสาวของเธอคิดได้ เพราะแม้จะพูดอะไรไม่ได้ แต่น้ำตาที่ไหลออกมาทำให้เธอรู้ว่าลูกคงเสียใจกับการกระทำในอดีตไม่น้อย เธอเองก็ได้แต่ปลอบใจลูกและหวังว่าวันใดวันหนึ่งในอนาคต บาปกรรมที่แกเคยก่อไว้อาจจะเบาบางลงและจางหายไป…
และ…เมื่อถึงวันนั้น ลูกสาวเธออาจจะดีขึ้นกว่านี้
ที่มา นิตยสาร Secret
เรื่อง นรรชนก แซ่ชี
บทความน่าสนใจ