นุ่น

นุ่น – ศิรพันธ์ กับหนทางสู่สุขแบบชาวพุทธ 100%

นุ่น – ศิรพันธ์ กับหนทางสู่สุขแบบชาวพุทธ 100%

คุ้นกับชื่อ “ดากานดา” ไหมคะ หญิงสาวน่ารักและมีเสน่ห์เป็นธรรมชาติจากภาพยนตร์เรื่อง เพื่อนสนิท ซึ่งโด่งดังมากในปี 2548 นับว่าเป็นภาพยนตร์เรื่องแรก ๆ ที่ทำให้วงการภาพยนตร์ไทยกลับมาครองหัวใจคนไทยได้อีกครั้งหลังจากที่ซบเซาไปนาน และทำรายได้เกือบร้อยล้านบาท ตามมาด้วยรางวัลการันตีคุณภาพอีกมากมาย (นุ่น)

นุ่น-ศิรพันธ์ วัฒนจินดา คือดาราสาวผู้รับบท ดากานดา นางเอกของเรื่อง และจากวันนั้นจนถึงวันนี้ ก็ยังสัมผัสได้ถึงความน่ารักสดใสไม่เปลี่ยนแปลง…และเมื่อได้คุยกันอย่างใกล้ชิด จึงได้ทราบว่า นอกเหนือจากความงามภายนอกแล้ว เธอยังมี ธรรมะ แฝงอยู่ภายในใจมากเกินกว่าที่เราเคยคิดไว้

เข้าวงการบันเทิงทำให้ชีวิตเปลี่ยนไปไหมคะ

เปลี่ยนไปมากค่ะ นุ่นเริ่มมีคนรู้จักจากภาพยนตร์เรื่อง เพื่อนสนิท พอสัปดาห์แรกที่หนังฉาย จากคนธรรมดาคนหนึ่งกลายเป็นคนที่ใครๆ ก็ยิ้มให้ มีคนเข้ามากอด มาขอถ่ายรูป เป็นความรู้สึกที่ดีมาก แต่สัปดาห์ต่อมามีสื่อเล่มหนึ่งติดต่อให้ไปถ่ายภาพเซ็กซี่แล้วนุ่นตอบปฏิเสธ วันรุ่งขึ้นนุ่นถูกเขียนว่าในหนังสือพิมพ์เป็นครั้งแรกว่า ดังแล้วหยิ่ง พออ่านจบนุ่นรู้สึกเสียใจมาก ร้องไห้อย่างหนัก เก็บตัวอยู่แต่ในห้อง แต่เหมือนธรรมะจัดสรร นุ่นหันไปเห็นหนังสือท่านพุทธทาสเรื่อง ตัวกู ของกู เปิดเจอประโยคแรก “ที่เราทุกข์เพราะคำด่าของคนอื่น เพราะว่าเรายึดติดว่ามีตัวกู ถ้าเราไม่มีตัวกู ไม่ยึดมั่นถือมั่นว่าเขาด่าฉัน นี่คือตัวฉัน เราก็จะไม่ทุกข์”

วินาทีนั้นนุ่นรู้สึกเลยว่า โห…ธรรมะแจ๋วอย่างนี้นี่เอง! ธรรมะคือหลักของเหตุและผล ถ้านุ่นชื่ออื่นหรือไม่มีชื่อเลย แล้วมีคนมาว่า นุ่น-ศิรพันธ์ ต่อให้เขาด่าเจ็บแสบแค่ไหน ก็คงไม่รู้สึกเจ็บ เพราะนั่นไม่ใช่เรา เราก็ไม่ต้องเดือดร้อน ตอนนี้นุ่นก็เลยสะสมหนังสือธรรมะไปแล้ว และถ้ามีโอกาสก็มักบอกใครต่อใครเสมอว่าหนังสือธรรมะเหมือนเป็นยา เวลาเจอเรื่องไม่สบายใจก็สามารถบรรเทาและรักษาอาการทางจิตใจได้

เรื่องที่ทำให้ทุกข์ใจที่สุดในชีวิตคือเรื่องอะไรคะ

นุ่นมีความฝันตั้งแต่เด็กว่าอยากทำละครเวที อยากถือวิทยุสื่อสาร (หัวเราะ) แล้วมีคนมาดูละครที่นุ่นจัด แต่ในความเป็นจริง ความที่นุ่นเป็นเด็กเรียนดี พ่อกับแม่เลยอยากให้เป็นหมอ เพราะท่านคิดว่าเป็นอาชีพที่มีเกียรติ สามารถเลี้ยงตัวเองได้ ใจนุ่นไม่อยากเป็นหมอเลย แต่ก็หาเหตุผลมาปฏิเสธพ่อแม่ไม่ได้ ช่วงสอบเอนทรานซ์คุณพ่อถึงขนาดทำตารางอ่านหนังสือให้ ส่วนคุณแม่ก็คอยดูแลเสิร์ฟอาหาร

แต่นุ่นแย่มาก ปิดประตูห้องทำเป็นว่ากำลังอ่านหนังสือทั้ง ๆ ที่ไม่ได้อ่าน ในใจก็คิดว่า “คอยดูนะ แม่ทำให้นุ่นเสียใจ นุ่นจะไม่อ่านหนังสือ ถ้าสอบหมอไม่ติด แม่ก็ต้องเสียใจเหมือนกัน” พอถึงวันที่ประกาศผล นุ่นคิดภาพไว้ในใจไว้แล้วว่าแม่ต้องโวยวายแน่นอน แต่วินาทีที่แม่อ่านจดหมายแล้วรู้ว่านุ่นสอบไม่ติด แม่กลับโผเข้ามากอดนุ่นแล้วปลอบว่า “สอบไม่ติดก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องเสียใจนะลูก” เท่านั้นแหละ นุ่นบ่อน้ำตาแตกเลย รู้สึกผิดมาก รู้เลยว่าความรักของแม่ยิ่งใหญ่แค่ไหน

นุ่นตั้งปณิธานไว้ตั้งแต่ตอนนั้นเลยว่า จะไม่ทำให้พ่อแม่เสียใจอีกแล้ว ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม พอสอบใหม่ปรากฏว่าติดวิศวกรรมศาสตร์ นุ่นเลยตั้งใจเรียนมาก จนถึงวันที่เรียนจบ นุ่นรวบรวมความกล้าสารภาพความจริงว่าตอนนั้นนุ่นไม่ได้อ่านหนังสือเลย แทนที่พ่อแม่จะโกรธ แต่ท่านกลับให้อภัยนุ่น เรื่องนี้เป็นเรื่องที่นุ่นสะเทือนใจและรู้สึกผิดมาก จำไม่มีวันลืมเลยค่ะ

นุ่น

เรียนจบวิศวกรรมมา แต่ต้องมาเป็นนักแสดง ปรับตัวอย่างไรคะ

ช่วงแรกนุ่นสับสนมากค่ะ เพราะการเป็นนักแสดงต้องใช้จินตนาการสูงมาก แต่นุ่นจบวิศวกรรมซึ่งใช้แต่เหตุและผล ทางทีมผู้จัดเลยส่งนุ่นไปเรียนการแสดงเพิ่ม แม้ทุกวันนี้นุ่นจะทำงานในวงการบันเทิงมาหลายปีแล้ว แต่นุ่นก็ยังไปเรียนเพิ่มเองอยู่เรื่อย ๆ เพราะรู้สึกว่าชีวิตคือการเรียนรู้ ถ้าเราเริ่มรู้สึกว่าตัวเองเก่งเมื่อไร แปลว่าจบเลยนะ เราจะกลายเป็นคนที่มีความทะนง มีตัวมีตน ไม่เชื่อฟังใคร นุ่นคิดว่าตัวเองยังต้องเรียนรู้อีกเยอะค่ะ ยังมีอีกหลายบทบาทที่นุ่นต้องฝึกฝน

มีความรู้สึกอย่างไรคะ ที่ถูกเรียกว่าเป็น นางเอกลูกเป็ดขี้เหร่

ช่วงแรก ๆ เสียใจค่ะ แต่คนที่มาเปลี่ยนมุมมองให้คือพ่อกับแม่ ครอบครัวเราสนิทกันมาก พอคุณพ่อทราบก็บอกว่า “ก็ดีนะเป็นลูกเป็ดขี้เหร่ เพราะสุดท้ายกลายเป็นหงส์ไม่ใช่เหรอ” สิ้นประโยคนี้เท่านั้นแหละ นุ่นเข้มแข็งขึ้นมาทันทีทันใดเลย ใครว่าเป็นลูกเป็ดขี้เหร่อีกก็ไม่สะทกสะท้านแล้ว (หัวเราะ) ปกติแล้วถ้าเจอเรื่องที่ทุกข์ใจมาก ๆ นุ่นจะหมกตัวอยู่แต่ในห้อง สักพักจะมีกระดาษ A4 ที่อัดแน่นไปด้วยคำสอนของคุณพ่อสอดเข้ามาที่ใต้ประตู พ่อจะเลือกเขียนเรื่องที่ทำให้นุ่นได้เรียนรู้เพื่อออกจากปัญหา จากเดิมที่เคยปิดประตูหนีปัญหา แต่ตอนนี้พอเจอปัญหาปุ๊บ นุ่นจะเริ่มจากการร้องไห้เสียใจให้พอ แล้วกลับมาเรียนรู้กับปัญหาจนเข้าใจ จนหมดทุกข์

มุมมองความรักของคุณนุ่นเป็นอย่างไรคะ

นุ่นโตขึ้นมากเพราะธรรมะค่ะ แต่ก็ยอมรับนะคะว่า ถ้ารักครั้งนี้ไม่สมหวัง ช่วงแรกนุ่นก็คงยังร้องไห้เสียใจเหมือนเดิม แต่ธรรมะจะดึงให้กลับมามีสติ ยอมรับความเป็นจริงได้เร็วขึ้น และความรักนี่แหละที่ทำให้นุ่นได้เรียนรู้การเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ทำให้ได้เตือนตัวเองว่า เมื่อหลายปีก่อนความรักนี้ได้เกิดขึ้น และทุกวันนี้ความรักนี้กำลังตั้งอยู่ แต่สักวันความรักนี้อาจจะดับไป ไม่ว่าจากการเลิกราหรือการตายจากกันไปก็ตาม ที่สวนโมกข์นานาชาติสอนนุ่นว่า คนเรามักจะมองเห็นความผิดของคนอื่น 90% และเห็นความผิดของตัวเองแค่ 10% แต่ที่จริงแล้วสิ่งที่ควรทำคือเราควรมองความผิดของตัวเอง 90% แล้วมองความผิดของคนอื่นแค่ 10% ถ้ามองได้แบบนี้ ความรู้สึกโกรธ ความน้อยใจ ความทุกข์ใจต่าง ๆ จะบรรเทาลง เพราะเราไม่ไปโทษคนอื่น แต่โทษตัวเราเองก่อน

เพราะอะไรถึงได้ไปปฏิบัติธรรมคะ

เพราะมีความทุกข์ค่ะ มีช่วงหนึ่งที่นุ่นทุกข์มาก เลยไปนั่งสมาธิสวดมนต์ที่หอจดหมายเหตุพุทธทาส กรุงเทพฯ นั่งอยู่อย่างนั้นทั้งวันจนดึกดื่นติดต่อกันหลายวัน ทางหอจดหมายเหตุฯ คงจะเห็นว่านุ่นทุกข์มาก จึงแนะนำนุ่นให้ไปปฏิบัติธรรมที่สวนโมกข์นานาชาติร่วมกับรายการพื้นที่ชีวิต ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นเวลา 5 วัน เรียกได้ว่าการปฏิบัติธรรมครั้งนี้เป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตของนุ่นเลย ไปวันแรกนั่งสมาธิไม่ได้เลย ยุกยิกตลอดเวลา แต่พอเข้าวันที่ 3 จู่ ๆ ก็สามารถนั่งสมาธิได้เป็นชั่วโมง ๆ เห็นความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี ยิ่งทำให้นุ่นเชื่อว่าร่างกายและจิตใจคนเราสามารถเรียนรู้และฝึกฝนได้จริง ๆ จากนั้นมานุ่นก็ได้เป็นพิธีกรรายการ พื้นที่ชีวิต (เคยออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส)

นุ่น

ได้เรียนรู้อะไรจากการเป็นพิธีกรรายการ พื้นที่ชีวิต บ้างคะ

รายการนี้ทำให้นุ่นได้มีโอกาสเรียนรู้วิถีชีวิตของกลุ่มคนที่น่าสนใจมากมาย มีโอกาสไปสัมภาษณ์พระอาจารย์ที่นุ่นนับถือ ท่านทำให้นุ่นเข้าใจเรื่องความรักได้อย่างแท้จริงว่า รักคือการให้ ให้อย่างมีเมตตา กรุณา มุทิตา กับคนที่เรารัก และสิ่งสำคัญคือต้องมีอุเบกขาคือการปล่อยวาง เมื่อเราให้ความรักไปอย่างดีที่สุด ให้อย่างเต็มที่ที่สุดแล้ว แต่สิ่งที่ได้กลับมาไม่เป็นอย่างที่เราหวัง เราก็ต้องรู้จักปล่อยวาง

อีกอย่างการเป็นพิธีกรรายการนี้ทำให้นุ่นได้รู้จักกับมูลนิธิสือจี้ของประเทศไต้หวัน ที่นี่สอนธรรมะจากเรื่องจริงแล้วนำมาทำเป็นละคร พระภิกษุณีทุกรูปจะไม่รับเงินบริจาค แต่จะทำงานแล้วนำเงินมาทำนุบำรุงศาสนา ที่นุ่นประทับใจมากคือ มูลนิธินี้จะสอนให้ขอบคุณคนด้อยโอกาสที่เราให้ความช่วยเหลือ เพราะคนเหล่านั้นเป็นผู้เปิดโอกาสให้เราได้ทำความดี จึงทำให้โรงพยาบาลของมูลนิธิมีอาสาสมัครมาต่อคิวยาวเป็นเดือน ๆ เพื่อขอเข้ามาช่วยงาน ยิ่งทำให้นุ่นเกิดแรงบันดาลใจอยากทำความดีโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทนบ้าง ตอนนี้นุ่นสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่า นุ่นเป็นชาวพุทธ 100%

เป็นอย่างไรคะ

นุ่นเชื่อว่าสิ่งแวดล้อมที่ดีมีผลต่อชีวิตมากค่ะ นุ่นพยายามดึงตัวเองเข้าไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี ในวงการบันเทิงมีผู้ใหญ่หลายท่านที่นุ่นนับถือแล้วชักชวนกันไปทำบุญ พอคุณแม่ชีศันสนีย์ทราบว่านุ่นชอบเรื่องธรรมะ ท่านก็ชวนให้นุ่นเป็นอาสาสมัครแสดงละครสั้นเรื่อง ผู้หญิงคนนี้ไม่อยากชื่อบุญรอด และท่านยังชวนให้นุ่นเขียนนิตยสารธรรมสวัสดี ฉบับเดือนกันยายน 2554 ด้วย

สิ่งต่าง ๆ ที่ได้เรียนรู้มาทำให้นุ่นเกิดแรงบันดาลใจค่ะ นุ่นตั้งใจที่จะเป็นคนดีแบบที่ไม่หวังผลตอบแทนใด ๆ ต่างจากแต่ก่อนที่ยังอธิษฐานขอผลของความดี แต่ตอนนี้นุ่นมีโปรเจ็คท์มากมายที่คิดอยากจะทำเพื่อแบ่งปันให้คนอื่น เช่น อยากซื้อที่ดินที่เชียงใหม่แล้วสร้างเป็นสถานปฏิบัติธรรม เปิดให้คนทั่วไปได้เข้ามาเจริญสติและได้เรียนรู้คำสอนของพระพุทธเจ้า นุ่นอยากให้คนที่เคยทุกข์เหมือนกับนุ่นได้มาปฏิบัติธรรม เพราะนุ่นเชื่อว่าธรรมะจะช่วยให้เขาหาทางออกได้ค่ะ

 

ที่มา:  คอลัมน์ Idol Secrets นิตยสาร Secret

เรื่อง  ชลธิชา แสงใสแก้ว

ภาพ  วรวุฒิ วิชาธร

Secret Magazine (Thailand)


บทความน่าสนใจ

นักร้องลูกทุ่งสายบุญ ไผ่ พงศธร สร้างศาลาอเนกประสงค์ถวายวัดที่บ้านเกิด

อุ้ม สิริยากร พุกกะเวส “วันนี้ฉันคือ ผู้ปรารถนานิพพาน”

บี้ – สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว เมื่อจังหวะ “ธรรม” กระแทกหัวใจซูเปอร์สตาร์

แพทย์หญิง คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ “ความตายคือแบบฝึกหัด”

© COPYRIGHT 2024 AME IMAGINATIVE COMPANY LIMITED.