เฮเลน เคลเลอร์ เพราะพลังแห่งรัก และกำลังใจ เธอจึงมีวันนี้
ถ้าไปถามผู้พิการทางสายตา น้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก เฮเลน เคลเลอร์ แต่แท้จริงแล้ว เฮเลนเป็นผู้พิการถ้าห้าอย่าง ! คือ ตาบอดทั้งสองข้าง หูหนวกทั้งสองข้าง และเป็นใบ้ แต่เธอสามารถเรียนจบมหาวิทยาลัยโดยใช้เวลาเรียนเท่า ๆ กับคนปกติ
0
0
เฮเลนหาเลี้ยงชีพด้วยการเขียนหนังสือ โชว์ตัว และขายลิขสิทธิ์เรื่องราวของเธอให้บรอดเวย์และฮอลีวู้ดได้นำเรื่องราวไปสร้างละครเวทีและภาพยนตร์ ต่อมาเฮเลนได้ก่อตั้งมูลนิธิคนอเมริกันเพื่อคนตาบอด และขยายความช่วยเหลือไปสู่คนตาบอด และขยายความช่วยเหลือไปสู่คนตาบอดที่อยู่ต่างแดน ในปีสุดท้ายของชีวิต เฮเลนได้รับเหรียญ Presidential Medal of Freedom ซึ่งเป็นรางวัลสูงสุดสำหรับพลเมือง จากประธานธิบดีลินดอน จอห์นสัน
0
แม้เฮเลนจะจากไปแล้วหลายสิบปี แต่เรื่องราวของเฮเลน เคลเลอร์ ยังคงตราตรึงอยู่ในหัวใจของผู้คนมากมาย เพราะเฮเลน เคลเลอร์ ยังคงตราตรึงอยู่ในหัวใจของผู้คนมากมาย เพราะเฮเลนใช้ชีวิตของตัวเองพิสูจน์คำพูดที่ว่า “แม้ว่าโลกนี้จะเต็มไปด้วยความยากลำบาก แต่ก็มีวิธีเอาชนะความทุกข์ยากมากมายนัก”
0
อย่างไรก็ดี เฮเลนคงไม่สามารถเอาชนะข้อจำกัดอันหนักหนาสาหัสของเธอได้ ถ้าไม่มี แอนน์ ซัลลิแวน ครูของเธออยู่เคียงข้าง
0
0
ครั้งแรกที่ทั้งสองได้พบกัน เฮเลนเพิ่งมีอายุเพียง 6 ขวบ เนื่องจากเด็กหญิงตกอยู่ในสภาพของคนที่มองไม่เห็น หูไม่ได้ยิน ตั้งแต่อายุได้เพียง 19 เดือน เธอจึงไม่สามารถเข้าใจสิ่งใด ๆ ได้เลย ญาติ ๆ พากันเรียกเฮเลนลับหลังว่า “มอนสเตอร์” (สัตว์ประหลาด) เพราะเธอมีพฤติกรรมหลายอย่างคล้ายสัตว์ ฉุนเฉียว และอาละวาดตลอดเวลา
0
แอนน์ได้รับการว่าจ้างให้มาเป็นครูประจำตัวของเฮเลน แอนน์พยายามสอนภาษาด้วยการสะกดคำด้วยนิ้วมือและเขียนตัวหนังสือลงบนฝ่ามือของเฮเลน แต่ไม่สำเร็จ จนกระทั่งวันหนึ่ง ขณะที่ทั้งสองเดินเล่นอยู่ในสวน แอนน์มองเห็นคนงานกำลังโยกน้ำ เธอจึงดึงมือของเฮเลนไปรองใต้ก๊อกน้ำ ทันทีที่ได้สัมผัสกับสายน้ำเย็นฉ่ำที่ไหลลื่นผ่านฝ่ามือ เฮเลนก็เกิดตระหนักรู้ขึ้นมาว่า สิ่งนี้เองที่ใคร ๆ เรียกกันว่า “วอเตอร์” (น้ำ)
0
0
หลังจากนาทีนั้น แอนน์ก็ช่วยเป็นคนกลางในการถ่ายทอดคำพูดของคนอื่น ๆ แล้วแปลคำเหล่านั้นเป็นภาษาของการสัมผัส เฮเลนจึงสื่อสารกับคนอื่นได้ แอนน์ทำหน้าที่เป็นดวงตาของเฮเลน และคอยอยู่เคียงข้างเฮเลนทั้งในยามสุขและยามทุกข์จนถึงลมหายใจสุดท้าย
0
ที่จริงแล้ว แอนน์ ซัลลิแวน เป็นผู้พิการทางสายตาเช่นเดียวกับเฮเลน แอนน์ตาบอดเมื่ออายุ 5 ขวบ หลังจากที่แม่เสียชีวิต ส่วนพ่อได้หนีจากไป เธอและน้องชายจึงถูกนำไปฝากไว้ในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งหนึ่ง
0
แม้จะไร้ที่พึ่งโดยสิ้นเชิง เด็กผู้หญิงก็ยังมีกำลังใจดี เพราะเธอได้อยู่กับน้องชายที่รัก โชคร้ายที่น้องชายของแอนน์ล้มป่วยและเสียชีวิตหลังจากนั้นไม่นาน แอนน์จึงมีอาการคลุ้มคลั่งเข้าข่ายผู้ป่วยโรคจิต แม้ภายหลังเธอจะได้รับการผ่าตัดและสามารถมองเห็นได้อีกครั้ง แต่แพทย์ทุกคนที่สถานบำบัดจิตต่างลงความเห็นว่า แอนน์ เป็นคนไข้ที่หมดทางเยียวยา และนำเด็กหญิงไปขังไว้ในห้องผู้ป่วยชั้นใต้ดินที่ไม่มีหน้าต่างและมืดมิด
0
0
อย่างไรก็ดี ในสถานบำบัดแห่งนี้มีพยาบาลอาวุโสท่านหนึ่ง ซึ่งไม่มีใครจำชื่อได้ เธอเป็นคนที่เชื่อมั่นว่า “ตราบใดที่ยังมีลมหายใจ ตราบนั้นชีวิตยังคงมีหวัง” เธอพยายามให้กำลังใจแอนน์โดยนำถาดอาหารกลางวันของเธอไปนั่งกินใกล้ ๆ กับห้องขัง นานวันเข้า แอนน์ก็มีท่าทีอ่อนโยนขึ้น และยอมกินขนมบราวนี่ที่เธอนำมาฝาก ในที่สุดแพทย์ในสถานบำบัดได้เปลี่ยนคำวินิจฉัย แอนน์จึงมีโอกาสกลับมาสู่แสงสว่างอีกครั้ง
0
หลังจากพักฟื้นจนหายดี แอนน์ได้เข้าเรียนที่ Perkins Institute สถาบันสอนภาษาสำหรับคนตาบอด จนได้ใบรับรองให้สอนหนังสือได้ และนี่เองคือใบเบิกทางที่ทำให้เธอได้พบกับเฮเลน
0
0
ถ้าไม่มีพยาบาลที่มีหัวใจเปี่ยมล้นไปด้วยความกรุณา ก็คงไม่มีแอนน์ ซัลลิแวน ที่เข้มแข็ง หากไม่มีแอนน์ ซิลลิแวน ก็คงไม่มีเฮเลน เคลเลอร์ ที่ยิ่งใหญ่… แท้ที่จริง พวกเธอคือ พลังแห่งรักและกำลังใจ ที่หนุนเนื่องกันและกัน
0
พลังอันยิ่งใหญ่นี้จะส่งต่อจากคนหนึ่งเรื่อยไปอย่างไม่มีวันสิ้นสุด
0
ที่มา : นิตยสาร Secret ฉบับที่ 14
ผู้เขียน/แต่ง : Violet