ความรักต่อสิ่งที่ทำในปัจจุบัน ของ “แต้ว ณฐพร”
แต้ว ณฐพร เตมีรักษ์ เจ้าของรอยยิ้มหวาน เป็นหนึ่งในนักแสดงมากความสามารถที่สร้างความประทับใจ เสียงหัวเราะ รอยยิ้ม และหยาดน้ำตาจากคอละครมานับครั้งไม่ถ้วน แต่เบื้องหลังนั้นเธอไม่ต่างจากคนทั่วไปที่มีทั้งความทุกข์ ความเศร้า และความกดดัน
มีมุมมองความรักอย่างไรคะ
ตอนเด็กๆ แต้วชอบสไตล์แบดบอยนะคะ (หัวเราะ) แต่ทุกวันนี้ความคิดเปลี่ยนไป มองว่า เขาควรเป็นคนที่คุยรู้เรื่อง คุยภาษาเดียวกัน ไม่ใช่เราไปขวา แต่เขาจะไปซ้าย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จะขัดแย้งกันไม่ได้เลย และเรื่องสำคัญมากคือ เขาต้องเป็นคนจิตใจดี ขี้เล่นหน่อยๆ ถ้าเหมือนคุณพ่อได้ยิ่งดีเลยค่ะ แต่คงหายากมาก (หัวเราะ)
สิ่งที่มีค่าสำหรับอาชีพนักแสดงคืออะไรคะ
คือ ความภาคภูมิใจค่ะ แต้วว่าความภาคภูมิใจเป็นอะไรที่เจ๋งมาก เพราะเราไม่สามารถไปซื้อหาได้จากที่ไหน ความภาคภูมิใจเกิดขึ้นจากความมุมานะ ความพยายาม และความตั้งใจในการทำงานของเราอย่างแท้จริง ไม่จำเป็นต้องเป็นอาชีพนักแสดง ใช้ได้กับทุกอาชีพเลย เพราะถ้าเราพยายามอย่างดีที่สุดแล้ว ผลจะออกมาดีเอง เราก็จะรู้สึกภาคภูมิใจกับสิ่งที่เราตั้งใจทำลงไปด้วย แต่คุณพ่อมักสอนว่า ภาคภูมิใจได้ แต่อย่าไปยึดติดกับมัน เพราะจะทำให้หลงระเริง และหยุดพัฒนาตัวเอง
เคยมีความทุกข์ครั้งหนักหนาในชีวิตบ้างไหมคะ แล้วผ่านมาได้อย่างไร
มีค่ะ ช่วงแรกๆ ที่เข้าวงการ มีข่าวออกมาว่า แต้วเป็นคนไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ รู้สึกไม่สบายใจ แต่คุณแม่สอนว่า บางเรื่องเขาอาจพูดเพราะสนุกปาก เราไม่ควรเก็บมาคิดมาก เพราะเป็นการทำร้ายตัวเอง หลังจากฟังคำสอนของคุณแม่ก็คิดได้ว่า จริงอย่างที่คุณแม่พูด เราย่อมรู้ตัวดีว่าไม่ได้เป็นคนอย่างที่เขาว่า จากนั้นแต้วก็พยายามปล่อยวาง ใช้เวลารักษาใจตัวเองนานอยู่เหมือนกัน แต่พอปล่อยวางได้ก็สบายใจแล้ว ไม่กลับไปคิดมากอีกเลย
การทำบุญในแบบคุณแต้วเป็นอย่างไร
ตอบตามตรงเลยว่า แต้วเป็นคนเข้าวัดน้อยมาก ทำบุญตามโอกาสมากกว่า เน้นทำทานเป็นหลัก ถ้ามีคนมาบอกบุญ ส่วนใหญ่แต้วจะทำเลย ถ้าไม่ติดธุระอะไรจริงๆ ไม่เคยขัด และอีกสิ่งที่มองว่า เป็นการทำบุญที่ทำได้บ่อยที่สุดคือ การพยายามทำความดี และรักษาศีลให้เป็นกิจวัตร อาจไม่ถึงกับออกไปปฏิบัติธรรมที่วัดบ่อยๆ แต่คุณพ่อสอนเสมอว่า การที่เรามีธรรมะในจิตใจ ไม่คิดร้ายต่อใคร ไม่เบียดเบียนใคร คือการทำบุญใหญ่แล้ว
แต้วนั่งสมาธิบ่อยมาก โดยเฉพาะช่วงที่เครียด คิดอะไรไม่ออก สำหรับแต้วบุญเป็นสิ่งที่มองไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่สัมผัสได้ที่ความสงบภายในจิตใจ ความเบาสบาย และความบริสุทธิ์ที่อยู่ในจิตใจมากกว่า แต้วโชคดีที่คุณพ่อคุณแม่พาไปปฏิบัติธรรมตั้งแต่เด็กๆ จึงรู้จักกับธรรมะเร็ว แต่ไม่ถึงขั้นนั่งสมาธิทุกวัน แค่ทุกครั้งที่รู้สึกว่าจิตใจตัวเองสับสน ว้าวุ่นใจ ก็จะนั่งสมาธิ แล้วจิตใจจะนิ่งขึ้น มีสติขึ้นมาทันทีและที่สำคัญความทุกข์ต่างๆ ที่หนักหนาก็จะค่อยๆ คลี่คลาย เบาสบายขึ้นด้วย
หากใช้ชีวิตอย่างมีสติ ปัญญาและความดีงามแล้ว ไม่ว่าพบทุกข์หนักหนาเพียงใด ก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยหัวใจที่เป็นสุข
ที่มา นิตยสาร Secret
เรื่อง ชลธิชา แสงใสแก้ว
บทความน่าสนใจ
อุ้ม สิริยากร พุกกะเวส “วันนี้ฉันคือ ผู้ปรารถนานิพพาน”
เชอรี่ เข็มอัปสร สิริสุขะ เมื่อโลกและธรรมหมุนไปพร้อมกัน