หลวงปู่ทุย พระป่าสายปฏิบัติที่ยังคงข้อวัตรได้อย่างเคร่งครัด
หลวงปู่ทุย หรือ พระอาจารย์ปรีดา ฉนฺทกโร จากวัดป่าดานวิเวก อำเภอโซ่พิสัย จังหวัดบึงกาฬ ท่านเป็นพระธรรมยุตสายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ศิษย์รุ่นน้องหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน และ หลวงปู่ทองพูล สิริกาโม หลวงปู่ทุยขึ้นชื่อว่าเป็นพระป่าที่ยังคงรักษาข้อวัตร ปฏิปทา และธรรมเนียมของพระป่าได้อย่างดี ท่านเคยเป็นพระอาจารย์ให้กับพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ เมื่อครั้งที่ท่านออกบวชในปีพ.ศ. 2547
วัดป่าดานวิเวก ตั้งอยู่ที่อำเภอโซ่พิสัย จังหวัดบึงกาฬ ภายในมีเพียงอาคารเสนาสนะ ประกอบด้วยกุฎิสงฆ์ ศาลาอเนกประสงค์ที่สร้างด้วยไม้ และเรือนปฏิบัติธรรมของฆราวาส ถึงแม้ว่าหลวงปู่ทุยจะมีกิตติศัพท์ในเรื่องของความดุ เจ้าระเบียบ และความเคร่งครัด แต่ก็มีความเมตตาต่อลูกศิษย์มากมาย เพราะท่านตั้งใจจะยึดปฏิบัติตามแบบโบราณ ยึดกับของเก่า ไม่ใช้เทคโนโลยี เนื่องจากท่านเห็นว่าเทคโนโลยีเข้ามาจะเป็นผลเสีย คนสมัยนี้วิ่งเร็วเกินตัวเองไปมาก อันตราย ภายในวัดจะไม่มีไฟฟ้าและน้ำประปา พระสงฆ์และเณรใช้แสงไฟจากตะเกียงและน้ำบาดาลเท่านั้น ดังนั้นในวัดจึงไม่มีการบอกบุญ เรี่ยไร หรือตั้งตู้รับบริจาคใด ๆ ทั้งสิ้น แต่ข้อห้ามอย่างหนึ่งที่หลวงปู่ทุยห้ามอย่างเด็ดขาดก็คือ ห้ามถ่ายภาพตัวท่านและภายในวัดเป็นอันขาด เพราะท่านไม่เห็นว่าจะเกิดประโยชน์อันใด
ถึงแม้ว่าท่านจะขึ้นชื่อในความดุและเจ้าระเบียบ แต่กระนั้นก็ยังคงมีพระและสามเณรหลั่งไหลเข้ามาจำพรรษาเพื่อศึกษาธรรมจากหลวงปู่ทุยอย่างไม่ขาดสาย ตั้งแต่ก่อตั้งวัดป่าดานวิเวกหลวงปู่ทุยได้จัดงานทอดผ้าบังสุกุลเพียงครั้งเดียวเมื่อปีพ.ศ. 2550 ในครั้งนั้นหลวงตามหาบัวเป็นผู้มารับผ้าป่า และอีกครั้งหนึ่งเมื่อปีพ.ศ. 2556 ในครั้งนั้นหลวงพ่อทุยได้ประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์เพื่อเป็นสิริมงคลในงานมอบเครื่องมือแพทย์แก่โรงพยาบาลหนองคาย โดยมีพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นองค์ประธาน
หลวงปู่ทุยเคยสอนหลักธรรมง่าย ๆ แต่แสดงให้เห็นถึงวัตรปฏิบัติอันงดงามของท่าน ได้แก่
“โยมไม่ต้องมาบริจาคเงินให้วัด โยมเอาเงินไปให้พ่อแม่ได้บุญมากกว่าเอามาให้วัด เรื่องเงินไม่สำคัญ ฆารวาสมีศีล 5 ก็พอ”
“โยมอย่าเอาไฟฟ้าเข้าวัด เพราะจะทำให้พระต้องมีค่าใช้จ่าย พระไม่มีรายได้ อยู่โดยไม่มีไฟฟ้าดีกว่า”
“โยมมาที่วัดขออย่าอึกทึกเสียงดัง มาอยู่วัดให้ทำสมาธิฝึกจิต ได้บุญกว่ามานั่งกราบพระ”
พุทธศาสนิกชนบางท่านอาจจะคิดว่าการทำบุญต้องใช้เงินทำบุญเป็นจำนวนมาก จนลืมไปว่าแท้จริงแล้วต้องใช้ธรรมะเป็นที่พึ่ง เหมือนดั่งที่พระพุทธวจนะที่กล่าวไว้ว่า พวกเธอทั้งหลาย จงมีตนเป็นประทีป มีตนเป็นสรณะ ไม่เอาสิ่งอื่นเป็นสรณะ จงมีธรรมเป็นประทีป มีธรรมเป็นสรณะ ไม่เอาสิ่งอื่นเป็นสรณะ
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพ : ชุมนุมพุทธธรรมกรรมฐาน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
บทความที่น่าสนใจ
พลังแห่งการเยียวยาและการฟื้นคืนความสัมพันธ์ ปาฐกถาธรรมจากหลวงปู่ ติช นัท ฮันห์
6 คำสอนปล่อยวางจากทุกข์ โดย หลวงปู่แหวน สุจิณโณ อริยสงฆ์แห่งเมืองเชียงใหม่
พระปุจฉา – วิสัชนาธรรมระหว่างในหลวงรัชกาลที่ 9 กับ หลวงปู่ฝั้น อาจารโร