ตอนนี้ก็มาถึง ทุกข์ ทุกข์นั้นเราไม่ชอบ เพราะมันบีบคั้น ทำให้อึดอัด ติดขัด บีบคั้น คับข้อง นี้คือความหมายของ ทุกข์
เป็นธรรมดาที่ว่า คนเจอทุกข์ ย่อมไม่ชอบใจ แต่คนมีโยนิโสมนสิการสามารถเอาประโยชน์จากทุกข์ได้ ทำได้อย่างไร
บอกแล้วว่าทุกข์เป็นสภาพบีบคั้น คนก็อึดอัดขัดข้อง จึงทำให้เขาดิ้นรนเพื่อให้หลุดให้พ้นไป ถ้าเขารู้จักดิ้น นอกจากมีความเป็นไปได้มากว่าเขาจะหลุดพ้นไปได้แล้ว การดิ้นรนนั้นก็จะทำให้เขาเข้มแข็ง ได้เรียนรู้จากประสบการณ์ในการดิ้นรนหาทางนั้น มีการพัฒนาขึ้นไปในด้านต่าง ๆ มากทีเดียว
ข้อสำคัญอยู่ที่ว่า มนุษย์ที่มีจิตมีใจ รู้จักคิดได้นี้ ถ้าวางจิตใจถูกต้องและคิดถูกทางก็ดีไป แต่ถ้าวางจิตใจผิดและคิดเขวไป นอกจากไม่หลุดพ้นแล้ว ยังจะซ้ำเติมตัวเองอีกด้วย
ยกตัวอย่าง คนเกิดมาจนข้นแค้นหรือตกทุกข์ได้ยาก ถ้าวางจิตใจไม่ถูกต้องและไม่รู้จักคิด มัวนั่งจับเจ่าเศร้าใจทอดอาลัยอยู่ ก็คือเอาทุกข์นั้นมาทับถมตัวเอง ก็ยิ่งจมลงไป
ทีนี้ถ้าคนนั้นวางใจถูก และดิ้นรนเพียรพยายามแก้ปัญหา รู้จักคิดหาทาง ก็สามารถผ่านพ้นทุกข์นั้นไป และอาจจะประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ก็ได้
การดิ้นรนให้พ้นจากทุกข์ที่บีบคั้นนี้ บางทีถึงกับเป็นระบบของสังคมก็มี เอาง่าย ๆ ก็ได้แก่ระบบแข่งขันของสังคมตะวันตกที่กำลังแผ่ขยายไปครอบงำโลกทั้งหมด เป็นโลกาภิวัตน์นี่แหละ
ระบบแข่งขันก็คือเอาทุกข์มาบีบ ทำให้คนต้องดิ้น และระบบแข่งขันนี้ซ้อนไว้กับระบบตัวใครตัวมัน คือปัจเจกชนนิยมอย่างเข้ม เมื่อดิ้นรนไปก็หวังพึ่งใครไม่ได้ด้วย ทำให้มุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวและใช้พลังเต็มที่จึงทำให้คนเข้มแข็ง และต้องเร่งรัดขวนขวายกระตือรือร้นตลอดเวลา
นี่ก็คือทำให้ต้องตั้งอยู่ในความไม่ประมาท และก็ได้ผลคือเจริญก้าวหน้าสมหมาย แต่จะเป็นความเจริญที่พึงปรารถนาแค่ไหน และการดิ้นรนแบบนี้มีข้อดีข้อเสียอย่างไร ก็ไว้ค่อยว่ากันอีกที
อย่างไรก็ตาม ความไม่ประมาทที่เกิดจากถูกบีบคั้นในระบบแข่งขันทำให้ต้องกระตือรือร้นดิ้นรนกันนี้ ยังเป็นเพียงความไม่ประมาทเทียม เป็นเรื่องภาวะดิ้นรนจากความบีบกดที่มาถึงจิตใจเท่านั้น ไม่ใช่ความไม่ประมาทที่เกิดจากปัญญา จึงพ่วงปมปัญหาเอาไว้มากมายทั้งทางจิตใจ เช่น ความเครียด และทางสังคม ที่ขาดความสัมพันธ์เชิงน้ำใจ เป็นต้น เป็นเรื่องที่ยังต้องแก้ปัญหากันอย่างหนักต่อไป
แต่เอาเถิดมนุษย์ที่ไม่ประมาท ถึงอย่างไรก็ยังดีกว่ามนุษย์ที่จมอยู่กับความลุ่มหลงมัวเมา บางทีผู้นำสังคมก็ต้องใช้หรือแม้แต่สร้างความไม่ประมาทเทียมนี้ขึ้น เพื่อให้คนลุกขึ้นมากระตือรือร้นขวนขวายบ้าง ดีกว่าจะปล่อยให้จมอยู่ในความประมาทจับเจ่านอนคุดคู้ไม่รู้จักคิดจะไปไหน
เป็นอันว่าเราจะต้องให้คนรู้จักใช้ประโยชน์จากความทุกข์ คือเมื่อทุกข์บีบคั้นให้ดิ้นรนขวนขวายก็ทำให้เกิดความเข้มแข็ง แล้วการที่เรามีทุกข์ ก็คือเกิดปัญหา ซึ่งทำให้เราหาทางแก้ไข
เมื่อพยายามแก้ไขปัญหา เราก็จะได้พัฒนาตัวเอง ด้านที่หนึ่งซึ่งเป็นหัวใจก็คือได้พัฒนาปัญญา กว่าจะแก้ปัญหาได้เสร็จผ่านลุล่วงไป เราก็ได้ปัญญามากมาย พร้อมกันนั้นก็ได้พัฒนาทั้งด้านกาย ด้านวาจา และด้านจิตใจ เช่น พฤติกรรมก็คล่องขึ้น จิตใจก็เข้มแข็ง มีสติ มีสมาธิดีขึ้น เป็นต้น สารพัด อะไรต่ออะไรก็มากันใหญ่
เพราะฉะนั้นทุกข์จึงใช้ให้เกิดประโยชน์ได้ และเราก็จะต้องเอาประโยชน์จากทุกข์ให้ได้ นี่แหละ ท่านจึงให้หลักว่า คนมีปัญญา แม้เจอปัญหาประสบทุกข์ ก็สามารถมีความสุขได้ ถึงแม้อยู่ท่ามกลางทุกข์ ก็ต้องรู้จักมีความสุขได้ด้วย
เป็นอันว่าเอาประโยชน์จากทุกข์ให้ได้ ทุกข์ก็จะมีทางเป็นคุณดังว่ามานี้
ที่มา ความสุข ทุกแง่ทุกมุม โดย สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต)
บทความน่าสนใจ
“ประตูสู่ธรรม” เมื่อทุกข์และธรรมใกล้ชิดกันราวกับฝาแฝด บทความจาก พระไพศาล วิสาโล