“สุขกับปัจจุบัน” มิว นิษฐา จิรยั่งยืน
มิว นิษฐา จิรยั่งยืน หนึ่งในนักแสดงไม่กี่คน ที่ได้รับการยอมรับว่าโด่งดังตั้งแต่เรื่องแรกๆ จากบทบาท ‘หญิงแต้ว’ ในละครเรื่อง สุภาพบุรุษจุฑาเทพ
นับจากนั้นมิวก็มีผลงานการแสดงอีกหลายเรื่อง จนขึ้นแท่นนางเอกอันดับต้นๆ ของเมืองไทย แต่หลายคนอาจยังไม่ทราบว่าภายใต้บุคลิกอ่อนโยน เรียบร้อย และรอยยิ้มอ่อนหวานของมิว เต็มไปด้วยแนวคิดการใช้ชีวิตที่น่าสนใจ มารู้จักเธอกันค่ะ
ชีวิตในวัยเด็กเป็นอย่างไรบ้างคะ
มิวเป็นเด็กตัวเล็ก กินยาก ค่อนข้างเรียบร้อยและขี้อาย เวลาที่คุณพ่อคุณแม่ (สุเมธ – อังคณา จิรยั่งยืน) ไปส่งที่โรงเรียนมิวจะร้องไห้ทุกที เพราะไม่อยากแยกจากพ่อแม่ มิวกับน้องสาว (ณัฏฐา จิรยั่งยืน) ค่อนข้างสนิทกัน นอนห้องเดียวกันตั้งแต่เด็กๆ มีช่วงหนึ่งที่คุณพ่อคุณแม่ให้นอนแยกห้องกัน วันหนึ่งมิวไปดูหนังผีแล้วกลัว เลยมาขอน้องนอนด้วย ไป ๆ มา ๆ กลายเป็นนอนด้วยกันจนถึงตอนนี้ (หัวเราะ)
มิวกับน้องสาวห่างกัน 2 ปี แต่น้องไม่ขี้อายเหมือนมิว น้องดูมั่นใจกว่า เวลาไปโรงเรียนก็ตื่นเต้นอยากไป ขณะที่พี่ไม่อยากไป แต่ตั้งแต่จำความได้คุณพ่อคุณแม่ไม่เคยเปรียบเทียบมิวกับน้องให้รู้สึกน้อยใจเลย มิวไม่เคยโดนตี คุณพ่อคุณแม่สอนด้วยเหตุผล หากทำอะไรผิดจะคุยกันเสมอ จนเข้าใจว่าสิ่งที่ทำนั้นผิดหรือถูก
เคยเกเรบ้างไหมคะ
มิวเรียนโรงเรียนหญิงล้วน (โรงเรียนเซนต์โยเซฟคอนเวนต์) ตั้งแต่ม.1 จนจบ ม.6 ผลการเรียนเกรด 3 ขึ้นไปตลอด แต่ มีอยู่ปีหนึ่ง มิวคบเพื่อนกลุ่มใหญ่ ทำอะไรก็สนุกไปหมด ยิ่งครูลงโทษไล่ออกนอกห้อง ก็ยิ่งสนุก ไปคุยกันต่อหน้าห้องอีก เกรดจึงตกมาเหลือ 2 กว่า ตอนนั้นเสียใจมาก เซ็งมาก คิดว่ามันไม่ใช่ เราไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน มิวไม่กล้าบอกแม่เลยเพราะมีบางวิชาที่สอบตกด้วย หลังจากนั้นมิวก็ตั้งใจเรียนขึ้นเองโดยอัตโนมัติ อ่านหนังสือและทำการบ้านส่งตรงเวลา จนผลการเรียนดีขึ้น โดยที่พ่อแม่ไม่ได้มาบอกอะไรเลย
มิวเล่นสนุกกับเพื่อนๆ แต่ก็ยังขี้อายมาก ไม่ชอบทำกิจกรรม ไม่ชอบเป็นจุดสนใจ ยิ่งเวลาที่ต้องไปพูดหน้าห้องยิ่งไม่ชอบเลย มักจะตื่นเต้น ไม่มั่นใจ กลัวทำผิด ไม่รู้มาเป็นดาราได้ไง งงเหมือนกันค่ะ (หัวเราะ)
แล้วมิวเริ่มกล้าแสดงออกตอนไหนคะ
ช่วงเรียนปริญญาตรี (คณะศิลปกรรมศาสตร์ เอกออกแบบแฟชั่น มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร) การเรียนแฟชั่นดีไซน์ปรับให้เรากล้าคิดกล้าทำ โดยถ่ายทอดออกมาทางผลงาน ตอนนั้นมิวมีเพื่อนเยอะ อาจทำให้มิวกล้าแสดงออกมากขึ้นด้วย ระหว่างเรียนอยู่ปี 3 มีเพื่อนคณะอื่นที่เป็นโมเดลลิ่งมาชวนให้ไปแคสติ้งโฆษณา ความรู้สึกแรกก็ยังไม่อยากไป แต่เพื่อนๆ เชียร์มาก เลยไปลองเล่นขำๆ ได้เงินด้วย พอได้โฆษณางานแรก งานอื่นๆ ก็ตามมา จนเราเริ่มไม่รู้สึกเขินไปเอง
เมื่อทางช่อง 3 เห็นโฆษณา ก็เรียกเข้าไปแคสติ้ง ตอนนั้นยังงงๆ เหวอๆ อยู่เลยค่ะ เพราะไม่คิดว่าจะถึงขนาดเข้าสังกัดช่อง 3 ได้ จากนั้นหลังเลิกเรียน มิวต้องไปเรียนแอคติ้งอาทิตย์ละ 2 วัน ประมาณ 3 เดือน
เมื่อต้องรับผิดชอบหลายเรื่องพร้อมกัน รู้สึกอย่างไรบ้างคะ
ตอนนั้นเหนื่อยเหมือนกันค่ะ เพราะงานเยอะ เรียนปี 4 ต้องเริ่มทำโปรเจค ต่อด้วยเรียนแอคติ้งจนดึก มีบ้างที่ท้อ บางครั้งงานตรงกับเวลาเรียน เราก็เป็นห่วง กลัวเกรดตก จึงต้องพยายามมากกว่าคนอื่น เหนื่อยกว่าคนอื่น
โดยเฉพาะตอนใกล้จบปี 4 มิวต้องไปถ่ายละครเรื่องแรก (สุภาพบุรุษจุฑาเทพ) ซึ่งเปิดกล้องตอนเปิดเทอมพอดี ไปเรียนได้วันเดียวก็ต้องไปถ่ายละครที่สวิตเซอร์แลนด์ ตอนนั้นเป็นกังวลมาก เพราะนักศึกษาทุกคนต้องเริ่มทำปริญญานิพนธ์กันแล้ว เราจึงเรียนช้ากว่าคนอื่น
บางทีคิวละครกับเวลาเรียนตรงกัน กำหนดสอบตรงกัน รู้สึกกังวลมาก บางครั้งก็ต้องเลือก แต่มิวไม่รู้จะเลือกอย่างไรดี จึงตัดสินใจพูดคุยกับอาจารย์และกองถ่ายว่า ใครจะอะลุ่มอล่วยให้เรามากกว่า ถ้าตอนนั้นเจออาจารย์โหด คงตัดสินใจหยุดงานในวงการเพื่อเลือกเรียนก่อน เพราะเป็นปีสุดท้ายซึ่งตั้งใจอยากทำให้ดี เพื่อให้ได้เกียรตินิยม โชคดีที่อาจารย์เข้าใจ เปิดโอกาสให้มิวได้ทำงานไปด้วย (มิวจบการศึกษาด้วยเกียรตินิยมอันดับ 2 เกรดเฉลี่ย 3.46)
มิวกังวลเรื่องเรียน แต่พอไปถึงกองถ่าย ใจก็อยู่ที่การเล่นละครมากกว่า สมาธิเราอยู่ตรงนั้น เพราะเป็นงานที่ตั้งใจว่าต้องทำให้ดีเหมือนกัน
มิวเรียนดี และจำบทแม่น มีเคล็ดลับอย่างไรคะ
มิวชอบท่องบทในห้องนอนคนเดียว แล้วทบทวนเงียบๆ คนเดียวก่อนเข้าฉาก เป็นเทคนิคเดียวกับที่มิวใช้อ่านหนังสือเรียน การไปอ่านหนังสือกับเพื่อนมันไม่เวิร์คสำหรับมิวเลย บางคนต้องอ่านหนังสือกับเพื่อน แต่สำหรับมิวจำอะไรไม่ได้เลย ไปเล่นซะมากกว่า (หัวเราะ) มิวต้องการสมาธิพอสมควร ต้องอยู่คนเดียวจึงจะมีสมาธิ ถ้ามาท่องบทหน้างานจะจำไม่ได้ ต้องท่องมาจากบ้านก่อน
ตัวจริงของมิวเป็นนางเอกเรียบร้อย เหมือนบทที่ได้รับส่วนใหญ่ไหมคะ
ไม่เลยค่ะ ตัวจริงมิวไม่ได้เรียบร้อยขนาดนั้น แต่ก็ไม่ได้อ่อนแอ คนดูอาจติดว่ามิวเรียบร้อยเพราะเป็นนางเอกละคร มิวอาจดูนิ่งๆ เพราะเป็นคนไม่ค่อยคิดมาก ไม่ค่อยเก็บเรื่องอะไรมาคิด ถ้าเกิดอะไรขึ้นแล้วก็ปล่อยให้ผ่านไป ถ้าทะเลาะกับใคร ก็จะพูดตรงๆ ต่อหน้าเลยเพื่อให้จบเรื่องไป
มิวเป็นคนไม่จำ ไม่ใช่ขี้ลืมนะคะ แต่หมายถึงไม่เก็บมาอยู่กับเรานาน รับอะไรมาก็ปล่อยผ่านไป ค่อนข้างจริงใจกับความรู้สึกของตัวเอง พูดตรงๆ กับคนที่เรารู้จักหรือสนิทด้วย หากใครทำอะไรที่ไม่ชอบ จะเลือกอยู่ห่างๆ เพราะเราเข้าใจในธรรมชาติของคนๆ นั้น เช่น คนที่มักพูดไม่ดีกับเรา ก็ไม่เก็บมาเป็นอารมณ์โกรธ เพราะเรารู้ว่าเขาเป็นคนแบบนี้ คือเข้าใจว่าธรรมชาติของเขาเป็นแบบนี้อยู่แล้ว
สนใจเรื่องธรรมะบ้างไหมคะ
มิวทำบุญ แต่ก็ไม่ถึงขั้นไปนั่งวิปัสสนา ใจก็อยากลองไปปฏิบัติหลายๆ วันเหมือนกัน แต่การจะไปอย่างนั้นต้องตัดหมดทุกอย่าง จึงรู้สึกว่าตัวเองยังนิ่งไม่พอ มิวเข้าใจคนที่ไปนั่งสมาธิ เพราะบางทีเรายังอยากอยู่เงียบๆ คนเดียวเลยนะ เรารู้สึกว่าโลกมันวุ่นวายอยู่อย่างนี้ ชีวิตมันวนอยู่อย่างนี้ จึงเข้าใจคนที่อยากนิพพาน
จากเด็กขี้อายในอดีต รู้สึกอย่างไรกับชีวิตในตอนนี้คะ
มิวชอบตัวเองตอนนี้มากกว่าตอนนั้นอีก เมื่อก่อนก็ไม่รู้ว่าจะอายอะไรนักหนา (หัวเราะ) ชีวิตตอนนี้มิวได้ค้นพบอะไรบางอย่างในตัวเอง ได้แสดงให้เห็นภาพตัวเองชัดขึ้น เมื่อก่อนจะพูดตรงๆ กับเพื่อนสนิทยังไม่กล้าเลย เหมือนทุกอย่างเก็บไว้ข้างในหมด แต่ตอนนี้รู้สึกสบายมาก ไม่มีอะไรที่ไม่ชอบ กับเพื่อนสนิทก็พูดได้ทุกอย่าง จากเดิมที่เคยเกรงใจกันกลายเป็นสนิทกัน พอเราเปิดใจ ทำตัวสบายๆ ทุกอย่างก็ง่ายขึ้นเยอะ
คิดว่าอะไรที่ทำให้ชีวิตประสบความสำเร็จคะ
อย่างแรกคงเป็นเพราะโอกาส แต่หลังจากนั้น คือความพยายามของตัวเราเอง เป้าหมายของตัวเราเองว่าจะอยู่ต่อไปได้อย่างไร ต้องพัฒนาตัวเองตลอด ต้องอยากจะอยู่ในวงการด้วย เพราะงานค่อนข้างหนักมาก มิวเคยคิดว่า เป็นพนักงานออฟฟิตยังได้หยุดเสาร์-อาทิตย์ แต่เราไม่มีวันหยุดเลย ไม่มีเวลาส่วนตัวของเองบ้างเลย แต่พอถึงเวลาทำงานเราก็ต้องทำให้ได้
บางครั้งที่รู้สึกเหนื่อยมากๆ อยากนอนอยู่บ้าน มิวก็คิดขึ้นมาว่า อยากจะทำละครเรื่องนี้ออกมาให้ดีๆ เพราะฉะนั้นมิวว่าคนเราต้องมีเป้าหมายในการทำงาน จึงจะมีแรงฮึดสู้ ถ้าใช้ชีวิตไปวันๆ ไปเรื่อยๆ ไม่รู้จะทำไปเพื่ออะไร มันอาจทำให้เราท้อ แต่ถ้ามีเป้าหมายก็จะรู้ว่าเหนื่อยเพื่อที่จะไปหาเป้าหมายนั้น
แล้วเป้าหมายของมิวคืออะไรคะ
มิวไม่มีเป้าหมายใหญ่ๆ เลยค่ะ (หัวเราะ) มีแต่เป้าหมายสั้นๆ เช่น ถ้ากำลังถ่ายละคร ก็อยากทำเรื่องนี้ออกมาดี แต่เป้าหมายสูงสุดในชีวิตที่ตั้งไว้ว่าอยากเป็นอะไร ทำอะไร ไม่มีเลยค่ะ มิวไม่ได้อยากเป็นนักแสดงที่เก่งที่สุด หรือต้องเป็นนางเอกตลอดไป ไม่ซีเรียสเลย มิวชอบทำอะไรแปลกใหม่ ไม่ซ้ำเดิม มีบทร้ายมามิวก็อยากเล่น ถ้าเล่นแล้วคนจะมองมิวเป็นอีกด้านหนึ่ง ก็เป็นเรื่องดี ถ้าเราเล่นร้ายคนต้องเกลียดเรา จึงถือว่าประสบความสำเร็จในการพลิกบทบาท
ชีวิตในวงการบันเทิงสอนอะไรมิวบ้างคะ
ได้เรียนเรียนรู้ทุกเรื่องเลยค่ะ เรื่องการทำงาน การใช้ชีวิต เหมือนกับว่าพอเราโตขึ้น ต้องทำงานที่เจอกับคนเยอะๆ จึงได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่าง ได้เห็นนักแสดงแต่ละคนที่เติบโตมาพร้อมๆ กัน การปฏิบัติหรือการทำงานของหลายคนสอนเราได้ว่า ถ้าทำแบบนี้แล้วจะได้ผลเป็นแบบไหน หรือบางทีได้เจอคนนั้นคนนี้ ได้คุยกับเขา เราได้เห็นมุมมอง เห็นความคิด เห็นการใช้ชีวิตของเขา อาจเห็นทั้งด้านดีและไม่ดี แต่ก็ทำให้รู้จักคนมากขึ้น
ในวงการต้องเจอคนหลากหลายมาก แต่ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตัวของเราเองด้วย ถ้าเราทำตัวเราดี วงการนี้ก็จะช่วยสนับสนุนเรา เกื้อหนุนเรา ถ้าเราทำตัวไม่ดีวงการนี้ก็จะไม่ดีกับเรา
ความสุขในปัจจุบันของมิวคืออะไร
คือ การที่เราสามารถทำงานหาเงินมาเลี้ยงพ่อแม่ได้แล้ว แม่ก็ไม่ต้องทำงานแล้ว เราเลี้ยงเอง (หันไปส่งยิ้มให้คุณแม่)
เมื่อมีความสุขอยู่กับปัจจุบัน อดีตหรืออนาคตก็คงไม่สำคัญอีกแล้ว
“แม่สอนมิวไม่กี่เรื่อง เช่นเรื่องคบเพื่อน เราสอนให้เขารู้ว่า เพื่อนแบบไหนที่คบแล้วจะทำให้เราเป็นเด็กดี อีกเรื่องคือ ความตั้งใจ แม่สอนตั้งแต่เด็กเลยว่า การเรียนหนังสือ คือความรับผิดชอบหลัก เขามีหน้าที่เรียน ก็คือเรียน และอีกเรื่องที่ไม่ให้ทำเลยก็คือการโกหก แม่จะคุยจะถามลูกตลอด มีเรื่องอะไรเขาก็จะเล่าให้ฟัง เมื่อเราคุยกันบ่อย พ่อกับแม่จึงวางใจ หากเขาอยากทำอะไร แม่ให้เขาตัดสินใจเอง เลือกสิ่งที่ทำแล้วมีความสุข และทำให้ดีที่สุด”
คุณแม่อังคณา จิรยั่งยืน
ขอขอบคุณ
เสื้อผ้า : Kloset 02 713 3535-6 (Head office)
สถานที่: ร้าน Mellow garden โทร. 086 031 2382
เรื่อง: อุราณี ทับทอง ภาพ: วรวุฒิ วิชาธร ผู้ช่วยช่างภาพ: ทศพล ฆ้องคำ สไตลิสต์: ณัฏฐิตา เกษตระชนม์
แต่งหน้า: รัชพล ตติยะศิริ ทำผม: ยุกต์ จิระนคร
Secret คือแรงบันดาลใจ
สั่งซื้อนิตยสารหรือสมัครสมาชิก Secret ได้ที่ 0-2423-9889
ทาง Naiin.com : https://www.naiin.com/magazines/title/SC/
เรื่องน่าสนใจ
มีแฟนแล้วทุกข์ ความสุขอยู่ตรงไหน? เก็บมุมคิดจาก พศิน อินทรวงค์ (ชมคลิป)