คิดดี ธรรมดี ชีวิตดี – ฌอห์ณ จินดาโชติ
พระเอกหนุ่มสุดฮ็อตอีกหนึ่ง ฌอห์ณ จินดาโชติ นอกจากมีความสามารถในด้านการแสดงแล้ว เขายังเป็นนักเขียนที่มีมุมมองในการดําเนินชีวิตที่น่าสนใจอีกด้วย
0
หนุ่มนักคิดแห่งวงการบันเทิงไทย
0
ผมยกเครดิตทั้งหมดให้ครอบครัว ต่อให้คิดได้แต่ปลูกฝังไม่ดีมันก็ไม่ดี เพราะถ้าผมถูกเลี้ยงจากคนอื่นที่ไม่ใช่สองคนนี้ ผมคงไม่เป็นแบบนี้ คุณแม่ผมสอนด้วยตรรกะเหตุผลและความรู้สึก คุณแม่บอกว่า ไม่มีใครเลี้ยงด้วยเหตุผล ทั้งชีวิตแล้วก็ไม่มีใครเลี้ยงด้วยความรู้สึกได้ทั้งหมดหรอก
0
แม่ให้ทําตามความรู้สึกในสิ่งที่ถูกที่ควร คุณแม่บอกว่าสิ่งที่ถูกใจกับสิ่งที่ดีไม่เหมือนกันนะลูก
สิ่งที่ถูกใจคือถูกใจเราอาจไม่ถูกใจเขา ดีของเราอาจไม่ดีสําหรับเขา ฉะนั้นต้องชั่งน้ําหนักให้ดี ดูว่าเหมาะสมกันไหม ส่วนการสอนด้วยเหตุผลก็คือ ที่บอกว่าไม่ดีแม่จะไม่บอกว่าอย่าทําอย่างปลั๊กไฟถ้าเอานิ้วไปแหย่ไฟจะดูด แม่ไม่เคยบอกว่าอย่าทํานะลูก แต่แม่บอกว่ามันไม่ดีหรอก แม่รู้อยู่แล้วว่าผมอยากรู้ไม่ดียังไงก็จะเอานิ้วไปแหย่ พอโดนแล้วเจ็บ พอเจ็บตัวแล้ว ไม่อยากทําอีก
0
แม่จะคอยกอดอกยืนดูลูกอยู่ห่าง ๆ บอกแล้วนะ อยากทําอะไร ทําชีวิตเป็นของลูก สุดท้ายเมื่อแม่ไม่อยู่ลูกเป็นคนตัดสินใจ แต่ตลอดเวลาที่แม่อยู่ แม่อยากสอนสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกเอาไปใช้ แต่คนสุดท้ายที่จะตัดสินใจคือลูกเอง ฉะนั้นผมว่าเรื่องระบบความคิด ผมได้มาจากการปลูกฝังที่บ้านครับ
0
0
หนทางแห่งธรรม
0
บ้านผมสวดมนต์ไหว้พระอยู่เรื่อย ๆ กิจกรรมหนึ่งที่ทํากันได้หลายคนคือ การเข้าวัดทําบุญ นั่งคุยกับพระ สนทนาธรรม ผมมีวัดประจําที่ชอบไป ไปเหมือนเป็นสถานที่ท่องเที่ยว เบื่อก็ไปนั่งเล่นถ่ายรูป ผมสนิทกับเจ้าอาวาสวัด ทุ่งเศรษฐี เหมือนซึมซับไปเรื่อย ๆ ไม่รู้สึกเขินที่จะเข้าวัด รู้สึกว่าพระพุทธศาสนาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต นอกจากอยู่กับเพื่อน อยู่กับครอบครัว วัดเป็นอีกที่หนึ่งที่ผมจะไป
0
ถึงวัยที่โตขึ้นเรียนจบทํางานแล้ว ครอบครัวดีแล้ว ก็ถึงจุดที่อยากทําอะไรที่ยังไม่ได้ทํา ทําสิ่งที่เป็นความสุขของคนอื่น ตอนเรียนจบเรามองว่าพ่อแม่มีความสุขจริง ๆ ไม่ใช่หรอก เราทําเพื่อตัวเอง คุณเรียนจบไปมันก็เป็นวุฒิของคุณ ประกาศนียบัตรก็เป็นชื่อคุณ ไปสมัครงานมันก็เป็นวุฒิการศึกษาของคุณ แต่ผมคิดว่าการบวชเป็นความสุขของทุกคน การบวชคือสิ่งที่ผมอยากเรียนรู้ เราสละทุกอย่าง
แม้กระทั่งเส้นผม และสึกแล้วก็ไม่รู้ว่าจะได้ทํางานอีกหรือเปล่า เพราะว่าทิ้งไปนานกว่าผมจะยาวอีก
คนอาจไม่จ้างแล้วก็ได้ แต่ผมอยากเห็นความสุขของทุกคนทั้งพ่อแม่ คุณพลอยแล้วก็หลาน คุณปู่คุณย่าอยากให้แกทันเห็นผ้าเหลืองจึงตัดสินใจบวช ตอนแรกแม่บอกอย่าเพิ่งบวชได้ไหมอยากให้ทํางานก่อน ตอนนั้นละครกําลังมาแต่ไม่ทันแล้วครับ ใจผมไปแล้ว จากนั้นผมเก็บตัวหนึ่งเดือนฝึกท่องลาสิกขาแล้วก็เริ่มถือศีล 5 ถึงศีล 8 มีความสุขมากเลยครับ
0
0
ประยุกต์ใช้ธรรมะกับการทํางาน
0
ผมใช้เรื่องสติครับ ต้องรู้จักจิตและตัวตนของเรา วันนี้ตื่นแล้วรู้ว่าต้องไปไหน ทําอะไรสวมหัวโขนเป็นใคร เราไปเล่นละครเป็นชาวเลคนหนึ่งที่อกตัญญูมาก ก็ต้องทําใจและยอมรับในจุดนั้น เริ่มแรกของวันต้องมีสติ ถ้าเริ่มต้นวันไม่ดี วันนั้นจะรวนมาก และถ้าวันนั้นแย่จริง ๆ ก็พยายาม มองถึงเป้าหมายที่เรากําลังจะไปถึงคุณแม่รอเราอยู่ หรือการเห็นหลานมีความสุข ตอนนี้เราก็กําลังไปทําสิ่งที่ทําให้เขามี
ความสุขฉะนั้นเราก็มีความสุขเหมือนกัน ธรรมะเป็นเรื่องใกล้ตัวมาก อยู่ที่เราจะหยิบยกมาใช้ไหม พกสติเหมือนพกสตางค์ เหมือนที่ผมเคยเขียนไว้ในหนังสือ Present Perfect เพราะวันนี้…ดีที่สุดแล้ว พกสติติดตัวไว้ให้เคยชิน หยิบขึ้นมาใช้บ่อย ๆ ก็จะไม่พลาดในทางเดินที่กําลังเดินอยู่
0
สิ่งที่เรียนรู้จากชีวิตที่ผ่านมา
0
เคยมีคนบอกผมว่าชีวิตเป็นเรื่องที่ซับซ้อน แต่มันก็สวยงาม ที่มันสวยงามเพราะว่าความซับซ้อนของมันนี่แหละ
0
ที่เป็นสีฟ้าเพราะชั้นบรรยากาศมีหลายชั้น แสงจึงลอดผ่านมาตกกระทบ ขั้นตอนเยอะมากกว่าจะได้เห็นสีฟ้าที่สวยงาม ชีวิตคนเราก็เหมือนกัน กว่าจะผ่านมาถึงขั้นนี้ต้องผ่านบาดแผล ความเจ็บช้ํา ความสุข ความสําเร็จมามากมาย
0
ฉะนั้นถ้าเราเข้าใจก็แค่เรียนรู้ทุกอย่าง ให้กําลังใจตัวเอง ที่สําคัญคือ อย่าปล่อยให้คําพูดของใครมาทําร้ายเราคนอื่น ไม่สามารถทําร้ายเราได้คนที่ทําร้ายเราได้คือตัวเราเอง
0
ถ้าคิดดี มีธรรมะที่ดี รับประกันเลยว่าชีวิตดีแน่นอน
0
ที่มา :นิตยสาร Secret ฉบับที่ 177
คอลัมน์ : idol secret
ผู้เขียน/แต่ง : อุรัชษฏา ขุนขำ