“พระก็คนนี่แหละ…” อุ๋ย – นที เอกวิจิตร
อุ๋ย บุดดาเบลส หรือ อุ๋ย – นที เอกวิจิตร ศิลปินขวัญใจวัยรุ่นที่ชอบศึกษาธรรมะเป็นชีวิตจิตใจ เขาได้บอกเล่าประสบการณ์ 2 ครั้งในชีวิตของลูกผู้ชายใต้ร่มกาสาวพัสตร์ กับช่วงหนึ่งในชีวิตที่ไปอินเดียในตอนที่บวชเป็นพระ แล้วทำไมอินเดียจึงเป็นสนามทดสอบอัตตาสำหรับเขา
ประสบการณ์บวชครั้งแรก
“ ผมจำไม่ได้แม่นว่าบวชครั้งแรกเมื่อไหร่ แต่น่าจะประมาณ 15 ปีมาแล้ว บวชที่วัดธรรมมงคล หลวงพ่อวิริยังค์เป็นพระอุปัชฌาย์ เพราะคุณแม่ก็เรียนนั่งสมาธิกับหลวงพ่อวิริยังค์ เหตุผลที่บวชเพราะเคยไปปฏิบัติธรรมมาก่อน แล้วชอบสภาวะที่มันสงบ สว่าง สบาย และเริ่มสนใจสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนมากขึ้นเรื่อย ๆ จนคิดว่าการเป็นพระน่าจะช่วยให้เราเรียนรู้ได้มากขึ้น จึงตัดสินใจบวช
“ ตอนนั้นผมมั่นใจและตั้งใจว่าสามารถปฏิบัติตามพระวินัยได้ทุกข้อ ถือศีลไม่ขาดตกบกพร่อง ปรากฏว่าคืนแรกที่บวชเป็นพระ มีเสียงดนตรีดังมาจากกุฏิเณรที่อยู่ข้าง ๆ เป็นเพลงวัยรุ่นทั่วไป ผมหงุดหงิดมากเพราะคิดว่านี่วัดนะ เปิดเพลงเสียงดังแบบนี้ได้อย่างไร แต่ไม่รู้จะพูดกับใคร ได้แต่อดทนไป จนวันที่ 3 ทนไม่ไหว จึงถามพระพี่เลี้ยงว่า…ทำไมวัดปล่อยปละละเลยให้เณรทำอะไรแบบนี้… แล้วก็บ่นชุดใหญ่เลยครับ หลวงพี่ท่านตอบสั้น ๆ ซึ่งผมยังจำมาจนถึงทุกวันนี้ว่า
…บวชเพื่อให้มาดูตัวเอง ไม่ได้ให้ไปดูคนอื่น….
“มันโดนมากสำหรับผม พอได้ยินเสียงเพลงอีก ก็ยังรู้สึกหงุดหงิดไม่พอใจแวบหนึ่ง แล้วก็ไม่คิดต่อ ถ้าเรามัวแต่มาบ่น หรือรู้สึกไม่พอใจ มันก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร จึงเปลี่ยนมา “ ดู” ความหงุดหงิดไปแทน”
การเป็นพระไม่ใช่เรื่องง่าย
“ระหว่างบวช หลวงพี่ที่บวชด้วยกันเอาหนังสือชื่อ บวชทำไม ของท่านพุทธทาส มาให้อ่าน เป็นหนังสือที่ดีมากเนื้อหาเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของการบวช พระสงฆ์ต้องปฏิบัติตัวอย่างไร อ่านจบแทบอยากสึกเลยครับ เพราะรู้สึกว่าอยู่เฉย ๆ น่าจะบาปน้อยกว่า
“ถ้าเป็นพระแล้วไม่ปฏิบัติให้ดี ไม่ทำในสิ่งที่ควรทำจะบาปมาก การที่ออกไปบิณฑบาตเอาอาหารชาวบ้านมากิน ชาวบ้านก็หวังจะได้บุญจากเราที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ถ้ามาเป็นพระแล้วเอามานั่งกิน ๆ นอน ๆ เหมือนกับหลอกกินข้าวชาวบ้านฟรี ๆ พระท่านบอกว่าไม่ควรนอนเกิน 4 ชั่วโมง ผมก็ตายแล้ว จะอยู่อย่างไร เพราะปกตินอนเยอะมาก แต่ก็พยายามนอนไม่เกิน 4 ชั่วโมง ตื่นทำวัตรตั้งแต่ตี 3 ซึ่งอยู่ด้วยความทุกข์ทรมานทั้งวัน นั่งสมาธิก็ง่วง เดินจงกรมก็ง่วง ผมเริ่มไม่สนุกแล้ว ตอนหลังแม้จะเริ่มปรับตัวได้ แต่ยังต้องแอบงีบตอนกลางวัน 15-30 นาที
“ อย่างที่บอกว่าสาเหตุที่มาบวช เพราะอยากปฏิบัติให้ถึงจุดที่สงบ สว่าง สบาย พยายามแล้วพยายามอีก ยิ่งอยากก็ยิ่งไม่ได้ ครูบาอาจารย์ก็เตือนแล้วว่า เวลาปฏิบัติอย่าไปอยากได้แบบนั้นแบบนี้ นั่งเพราะมันเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ มันจะสงบหรือไม่ เราบังคับไม่ได้ ให้ดูจิตที่มันฟุ้งซ่าน แล้วก็กลับมาอยู่กับลมหายใจ หรือคำว่า พุทโธ ตามที่ถนัด
“ บทเรียนจากการบวชครั้งแรกของผม คือ อย่าปฏิบัติเพื่ออยากได้อะไร ทำ “เหตุ” ไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวได้ “ผล” เอง ถ้าทำ “เหตุ” ครบ ต่อให้ไม่อยากได้อะไร มันก็ได้ของมันเอง หลังจากนั้นผมรู้สึกสบายใจที่ได้ไปปฏิบัติธรรม เพราะไม่ได้ปฏิบัติเพื่ออยากอะไร ”
0
0
เข้าสู่ร่มผ้ากาสาวพัสตร์อีกครั้ง
“ หลังจากสึกมา มีคนถามว่าอยากบวชอีกไหม ตอนแรกคิดว่าถ้าบวชอีกครั้ง คือแน่ใจแล้วว่าจะไม่สึก จนได้ไปพบพระอาจารย์นวลจันทร์ ที่สวนโมกข์ กรุงเทพ ท่านชวนบวช ซึ่งเป็นช่วงที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 สวรรคต ผมไม่ค่อยมีคิวงานอยู่แล้ว จึงเห็นว่าเป็นโอกาสทอง ตัดสินใจบวชกับพระอาจารย์นวลจันทร์เป็นครั้งที่ 2
คลิกเลข 2 ด้านล่าง เพื่ออ่านหน้าถัดไป เมื่อพระอาจารย์นวลจันทร์ชวนไปอินเดีย