ตอนที่ลูกสาวบอกว่าจะเอานกแก้วพันธุ์ Forpus มาเลี้ยง ฉันนึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะน่ารักได้ขนาดนั้น เนื่องจากเขาไม่ใช่นกแก้วแบบที่เราเคยเห็น เพราะตัวเขาเล็กจิ๋วและมีความยาวแค่ประมาณ 4 – 5 นิ้ว สีฟ้าหม่น ๆ แต่ลูกสาวตั้งชื่อให้ว่า “ฟ้าใส” จิตสุดท้าย
เธอบอกว่า นกพันธุ์นี้มีอายุขัยนานถึง 20 – 30 ปี และมีความฉลาดเท่ากับเด็กอายุ 4 ขวบ ถึงแม้ขนาดสมองจะเล็กกว่าเมล็ดถั่วเขียว แต่ฟ้าใสพิเศษกว่าตัวอื่น ๆ ตรงที่เขามีความรักอันยิ่งใหญ่ และสามารถทำให้ทุกคนในบ้านรักเขาได้หมดหัวใจภายในเวลาอันแสนสั้น…
ยังจำได้ว่า วันแรกที่ฟ้าใสมาถึง ขนยังขึ้นไม่เต็มเสียด้วยซ้ำ แต่เวลาเรายื่นนิ้วไปหา เขาก็เรียนรู้ที่จะก้าวขึ้นมายืนโดยไม่ต้องสอนเลย และพอฉันเกาหัวให้ เขาก็ก้มหน้าหมุนคอไปมาอย่างเคลิบเคลิ้ม แถมอ้าปากหาวจนเห็นลิ้นกลม ๆ ฉันเดาว่าเขาคงง่วงจึงลองร้องเพลง “Twinkle, Twinkle, Little Star” เบา ๆ โดยไม่คิดว่า เพลงกล่อมลูกของฉันจะสามารถกล่อมนกได้ด้วย! เพราะหลังจากร้องได้ไม่นาน ฟ้าใสก็ก้มหน้าลงเรื่อย ๆ เหมือนคนสัปหงก ก่อนจะพับคอไปข้างหลังและหลับไปจริง ๆ พอตื่นขึ้นก็เหยียดแข้งขาและกางปีกออกเหมือนคนบิดขี้เกียจ…ฉันว่ามันเป็นกิริยาท่าทางที่น่ารักที่สุด และเริ่มตกหลุมรักฟ้าใสทันที
พอขนขึ้นเต็มที่ เจ้านกน้อยก็บินได้อย่างรวดเร็วโดยมีสามีฉันทำตัวเป็นพ่อนกคอยฝึกหัด หลังจากนั้นเขาก็สามารถบินแข่งกับพ่อนกจำเป็นได้ เวลาที่สามีฉันแกล้งวิ่งกลับไปกลับมา ฟ้าใสก็ทำตามได้โดยแทบไม่ต้องสอน เช่นเดียวกับการเล่นเก็บสิ่งของเล็ก ๆ เช่น เศษกระดาษหรือไม้แคะหู ซึ่งเขาสามารถเดินไปคาบแล้วเอากลับมาส่งให้สามีฉันได้หลังจากการฝึกเพียง 2 – 3 ครั้งเท่านั้น จนแม้แต่คนขายนกที่ลูกสาวโทร.ไปเล่าให้ฟังยังเอ่ยปากว่า ฟ้าใสเรียนรู้ทุกอย่างได้รวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ
นอกจากความฉลาดเฉลียวแล้ว ฟ้าใสยังมีความอยากรู้อยากเห็นในทุกเรื่อง ไม่ว่าฉันจะทำอะไร เขาจะต้องคอยสังเกตตลอดเวลาด้วยการเกาะบนศีรษะฉัน แล้วใช้เท้าข้างหนึ่งเกี่ยวผมไว้ก่อนจะห้อยหัวลงมาดู โดยเฉพาะตอนฉันแปรงฟัน กินข้าว อาบน้ำ ฯลฯ มันน่าทึ่งตรงที่เขารู้จักสงสัยและสนใจในสิ่งที่สัตว์ตัวเล็กเพียงแค่นั้นไม่น่าจะสนใจ เช่น เวลาฉันเปิดก๊อกน้ำเบา ๆ เขาจะลงไปยืนในอ่างล้างหน้าแล้วก้มลงดูน้ำที่ไหลลงไปในรูก่อนจะเงยขึ้นมองที่ก๊อก ก้ม ๆ เงย ๆ หลายครั้งเหมือนอยากรู้ว่าน้ำไหลมาจากไหน…เวลาได้ยินเสียงกดน้ำในโถส้วม เขาก็จะบินมาเกาะขอบโถและก้มดูว่าน้ำไหลไปทางไหน!
แต่อะไรก็ไม่ประหลาดเท่าเขาชอบฟังธรรมะ…ฉันรู้เรื่องนี้โดยบังเอิญในวันหนึ่ง เมื่อเขาเล่นซุกซนเที่ยวจิกข้าวของเหมือนเด็กเล็ก ๆ ฉันจึงพาเขาไปที่เตียง ตั้งใจว่าจะร้องเพลงกล่อมให้หลับไปเหมือนเคย แต่ปรากฏว่า พอเขาได้ยินเสียงพระเทศน์จากวิทยุที่ฉันเปิดไว้ เขาก็หยุดยืนนิ่งเหมือนโดนมนตร์สะกดอยู่นานมาก ก่อนจะค่อย ๆ เดินสำรวจไปรอบ ๆ วิทยุ ราวกับจะค้นหาว่าเสียงนั้นมาจากไหน!…ตอนแรกฉันเข้าใจว่าคงเป็นเหตุบังเอิญ จึงทดลองเปิดเพลงช้า ๆ แทน เพราะเป็นเสียงประเภทที่ดังสม่ำเสมอเหมือนกัน แต่ปรากฏว่าเสียงเพลงไม่สามารถทำให้เจ้านกน้อยอยู่นิ่งได้นานเช่นนั้น ฉันลองทดสอบอีกหลายครั้งก็ยังได้ผลเหมือนเดิม
ต่อมาไม่นานพวกเราก็ต้องอึ้งและทึ่งกับพฤติกรรมของฟ้าใสอีกครั้ง เมื่อลูกสาวฉันนำลูกนกมาเลี้ยงเพื่อให้เป็นเพื่อนเขาอีกตัว เพราะฟ้าใสได้แสดงออกถึงสัญชาตญาณของการเป็นพ่อที่ดี จนมนุษย์บางคนยังต้องอาย นั่นคือ ทันทีที่เห็นลูกนก เขาก็ถลาบินไปหาอย่างรวดเร็วจนพวกเราตกใจ นึกว่าเขาจะทำร้ายด้วยความอิจฉา แต่ที่ไหนได้ ฟ้าใสกลับส่ายคอยึกยักไปมาเหมือนนางเอกหนังแขก ก่อนจะขย้อนอาหารในคอออกมาป้อนลูกนก…นับจากวันนั้นเขาจะรีบตื่นขึ้นมากินอาหารแต่เช้า แล้วก็ลงมือป้อนลูกนกทันที และทุกมื้อเขาจะพยายามกินมากขึ้นเพื่อให้ลูกนกได้อาหารเพียงพอ…เขาดูแลเจ้าตัวน้อยด้วยความรักใคร่ราวกับเป็นลูกในอกของเขา…
มันทำให้ฉันอดนึกถึงคนเป็นพ่อบางคนไม่ได้ ที่นอกจากจะไม่เลี้ยงดูแล้ว ยังทำร้ายลูกในไส้อย่างทารุณ…ทั้งที่มีหัวใจก้อนใหญ่ในทรวงอก…เทียบกันไม่ได้เลยกับหัวใจดวงน้อยนิดของฟ้าใสที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักอันยิ่งใหญ่ซึ่งพร้อมจะมอบให้ทุกคน นับตั้งแต่คนที่เลี้ยงดูเขา จนถึงนกตัวน้อยที่ไม่ได้มีเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาเลย ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเป็นผู้ให้ที่น่ายกย่องเพราะแม้กระทั่งอาหารที่ล่วงล้ำเข้าไปในลำคอแล้ว ฟ้าใสก็ยังไม่ลังเลที่จะเสียสละมันให้แก่ผู้ที่อ่อนแอกว่า…
ทว่าจะเป็นเพราะความพิเศษเหนือนกธรรมดาของฟ้าใสหรืออะไรก็ไม่อาจรู้ได้ เพราะจู่ ๆ เขาก็จากพวกเราไปอย่างกะทันหันในเช้าวันหนึ่ง
เมื่อฉันตื่นขึ้นมาพบว่าเขานอนอยู่บนพื้นกรง ฉันรีบหาทางช่วยชีวิตเขาอย่างสุดความสามารถ แต่ฟ้าใสก็สิ้นลมไปเพียงไม่ถึงห้านาทีหลังจากนั้น…พวกเราเสียใจและแปลกใจมาก เนื่องจากก่อนเกิดเหตุ เจ้านกน้อยไม่ได้มีอาการป่วยใด ๆ ทั้งสิ้น จำได้ว่าเย็นวันนั้นเขายังช่วยสามีฉันวาดรูปและคอยดึงตาข่ายที่นำมาคลุมพื้นที่หลังบ้านเพื่อทำเป็นสวนนกด้วยซ้ำ…สามีฉันจึงนำศพไปพิสูจน์หาสาเหตุ แต่แพทย์ไม่สามารถระบุได้เพราะไม่พบสิ่งผิดปกติ เช่น เชื้อโรค สารพิษ หรืออะไรที่จะบ่งบอกว่าร่างกายได้รับอุบัติเหตุเลย!
เพียงสิ่งเดียวที่ทำให้ฉันหายสงสัยและคลายความทุกข์ได้คือคำอธิบายทางพุทธศาสนาในเรื่องของ จิตสุดท้าย…ซึ่งทำให้ฉันเชื่อว่า ชาติก่อนฟ้าใสคงเคยเป็นคนและต้องเป็นคนที่ดีด้วย แต่ก่อนตาย จิตสุดท้ายอาจนึกถึงสิ่งที่ไม่เป็นกุศล จึงทำให้ต้องมาเกิดเป็นสัตว์ตัวเล็ก ๆ นั่นคือคำตอบที่ว่า ทำไมเขาจึงเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วราวกับมันฝังอยู่ในสัญชาตญาณ…ชอบฟังธรรมะราวกับเคยได้ยินมาก่อน…รู้จักความรักและการเสียสละอันยิ่งใหญ่ไม่ต่างจากมนุษย์…ฯลฯ ส่วนการที่เขาต้องจากไปอย่างกะทันหันเช่นนั้น ก็คงเป็นเพราะกรรมดีของเขาได้ตามมาทัน ทำให้เขาหมดอายุขัยลงในทันที และต้องจากไปเพื่อการเกิดใหม่ในภพภูมิที่ดีกว่า
คนบางคนมีชีวิตอยู่เกือบร้อยปีโดยไม่ได้ทิ้งผลงานหรือความรู้สึกที่ดีไว้ให้ใครและตายไปอย่างไร้คนจดจำ แต่ไม่น่าเชื่อเลยว่า สัตว์ตัวเล็กกระจิริดที่มีชีวิตอยู่เพียงห้าเดือนอย่างฟ้าใส จะสามารถทิ้งความทรงจำอันมีค่าไว้ให้พวกเราได้มากมายขนาดนั้น…และจากไปพร้อมกับหัวใจรักของทุกคน…
ที่มา นิตยสาร Secret
เรื่อง ทิพถวิล
บทความน่าสนใจ
“จากตาย” เรื่องที่ไม่มีใครในโลกหนีพ้น โดย พระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญ
โลกิยนิพพาน แตกต่างกับโลกุตตรนิพพานอย่างไร โดย พระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญ
“เมื่อพ่อกลับชาติ มาเกิดเป็นลูก” เรื่องเล่าการระลึกชาติของครอบครัวออร์เทก้า