อยากให้ไอเดียแล่นตอนทำงาน การแต่งบ้านช่วย เพิ่มพลังสมอง ได้!
ไม่มีอะไรเยียวยาสมองได้ดี และ เพิ่มพลังสมอง เท่าสิ่งเร้าประสาทสัมผัสจากธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นการมองเห็น ได้กลิ่น การได้ยิน ถึงจะเข้าใจดี แต่ชีวิตคนเมืองแสนยุ่งก็ไม่เอื้ออำนวยให้เราได้มีเวลาผ่อนคลายกับธรรมชาติเลย
หากคุณไปไหนไกลๆ ไม่ได้จริงๆ แค่ลองแต่งห้องทำงานที่บ้านหรือห้องส่วนตัว ห้องพักผ่อนในบ้าน ตามหลักการแต่งห้องทางจิตวิทยา ก็สามารถช่วยกระตุ้นประสาทสัมผัสทางร่างกายและจิตใจ และส่งผลในทางบวกต่อสมองได้มากทีเดียว
โดยเริ่มจากห้องส่วนตัวของเราก่อน ห้องเราจะต้องเป็นพื้นที่ที่ไม่มีใครรบกวน ไม่มีใครเฝ้ามอง เป็นที่ส่วนตัวเฉพาะของเราเท่านั้น ชนิดที่แม้แต่คนในครอบครัวก็ห้ามเข้ามายุ่งวุ่นวาย ถ้าได้อยู่ในห้องแบบนี้ เราจะได้รู้สึกเป็นอิสระทั้งกายและใจ โดยเฉพาะหลังจากกลับถึงบ้านในวันเครียดๆ จากการทำงาน การได้อยู่คนเดียวในห้องส่วนตัวสักเป็นอะไรที่ช่วยผ่อนคลายได้ดีที่สุดแล้ว
ขนาดของห้องส่วนตัวของเราจะต้องพอเหมาะ อยู่แล้วรู้สึกสบาย และต้องแต่งให้สวยน่าอยู่ขนาดที่ว่าอยากกลับบ้านเร็วๆ เพราะชอบห้องนี้มาก เมื่อได้อยู่ในห้องส่วนตัว เราจะได้ใช้เวลาของตัวเอง ได้พักผ่อน วางแผนอะไรต่างๆ ตามใจชอบ เตรียมใช้ชีวิตต่อในวันรุ่งขึ้น การได้อยู่ในห้องที่ช่วยเพิ่มความสุขทั้งกายและใจ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพสมองและนำเราไปสู่ความสำเร็จได้ง่ายๆ
ใช้โต๊ะตัวเล็ก
ในห้องส่วนใหญ่จะต้องมีโต๊ะสำหรับใช้อ่านหนังสือหรือทำงาน และส่วนใหญ่มักมีหนังสือ ปากกา สมุดโน้ตหรือของอื่นๆ มากมายวางอยู่บนโต๊ะ ซึ่งจะใช้จริงๆ ก็เพียงไม่กี่อย่าง นอกนั้นเป็นของไร้ประโยชน์ที่ไม่ค่อยได้ใช้ แต่นำมาวางไว้เพราะเห็นว่าเป็นโต๊ะ
แต่โต๊ะทำงานไม่ใช่ชั้นวางของ ยิ่งเราวางของเยอะๆ จะยิ่งดึงดูดสายตาให้เราเสียสมาธิได้ จะทำงานหรืออ่านหนังสือก็เสียเวลาเปล่า ดังนั้นวิธีแก้คือ เพิ่มโต๊ะเก็บของหรือเลือกโต๊ะที่มีชั้นเก็บของได้ แล้วนำของที่ไม่ได้ใช้เก็บไว้เพื่อหลบสายตา
เพียงแค่นี้ห้องจะดูมีระเบียบขึ้น เราก็จะรู้สึกปลอดโปร่ง สมองเราก็จะรู้สึกผ่อนคลาย คิดอะไรก็ออก ไม่โดนของรกๆ ทำให้สมองรกไปด้วย
ปล. ของอะไรที่ไม่ได้หยิบเกินหนึ่งอาทิตย์ถือว่าเป็นของไม่สำคัญ เก็บเข้าตู้ไปได้เลย
ทำพื้นห้องให้โล่ง
ตามรายงานจิตวิทยาพบว่า ดัชนีชี้ความสำเร็จกับพื้นห้องที่มองเห็นมีความสัมพันธ์กันอย่างละเอียดอ่อน หมายความว่า ห้องของคนที่ประสบความสำเร็จมักไม่มีของระเกะระกะวางอยู่และเผยผิวห้องอย่างชัดเจน ตรงกันข้ามห้องของคนที่ล้มเหลวมักจะรกรุงรัง มีเสื้อผ้าถอดทิ้งไว้ ไปถึงจานชามที่วางไว้ไม่รู้กี่วัน เรียกว่าวางจนแทบไม่มีที่เดิน
สภาพห้องก็เหมือนสภาพจิตใจเรานั่นแหละ เมื่อเราเครียดๆ เราจึงไม่ใส่ใจสภาพแวดล้อม อยากวางตรงไหน อยากทิ้งอะไรก็ทำเลย เมื่อห้องรก จิตใจก็จะรกตาม จะคิดจะทำอะไรก็ดูมืดมนไปหมด ดังนั้น หากอยากสบายใจและปลอดโปร่ง สิ่งแรกที่ต้องทำไม่ใช่การแก้ปัญหาในจิตใจ แต่คือการจัดห้องให้สะอาดเรียบร้อยก่อน พอหมดสิ่งเกะกะสายตา สมองก็จะทำงานได้ดีขึ้น
ถ้าเราจำเป็นต้องใช้ห้องในการทำงาน ใช้ในการอ่านหนังสือหรือเรียนรู้อะไรบางอย่างที่สำคัญ ห้องรกๆ จะทำให้สมาธิไข้วเขว ทำอะไรก็ติดขัด คิดไม่ออก แต่ถ้าห้องนั้นสะอาดสะอ้าน มีพื้นห้องโล่งๆ การทำงานอะไรต่างๆ ก็จะไหลลื่นเพราะไม่มีอะไรมาเป็นจุดโฟกัสสายตา สมองก็จะโล่งคิดอะไรก็ออก นำไปสู่ความสำเร็จได้ง่ายๆ
สร้างสวนเล็กๆ ภายในห้อง
หากเราลองสังเกตดูจะพบว่า เวลาคนมองดูดอกไม้มักจะมีรอยยิ้มเสมอ ดังนั้น การมีดอกไม้ในห้องก็จะทำให้เรายิ้มได้เสมอ ถือเป็นหนึ่งปัจจัยที่ทำให้สมองเรามีความสุข และเป็นจุดเริ่มต้นให้สมองได้พัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพต่อไป
พืชมีพลังเยียวยามนุษย์ เวลาโมโหหรือเครียดๆ ลองมองดูใบไม้แล้วตั้งสมาธิดู คุณจะสัมผัสได้ถึงพลังบำบัดอันแสนมหัศจรรย์
เราไม่จำเป็นต้องปลูกดอกไม้เป็นแปลง แค่เพียงดอกไม้สักช่อในแจกัน ก็สามารถเปลี่ยนห้องที่แห้งแล้งให้ชุ่มฉ่ำขึ้นได้อีกยิด หรือจะเน้นใบไม้ใหญ่ๆ เพราะสีเขียวจะช่วยเติมออกซิเจนให้ห้อง ให้้องสดชื่นขึ้นและยังช่วยบำบัดจิตใจ
แต่งห้องด้วยสีโปรด
สีส่งผลอิทธิพลอย่างใหญ่หลวงต่อจิตใจของมนุษย์ ลองเลือกทาผนังหรือใช้ของแต่งห้องด้วยสีโปรดของคุณดู โดยส่วนใหญ่แล้วโทนสีที่จะช่วยให้จิตใจสงบคนเราสงบลงจะเป็นโทนสีฟ้าและสีส้ม แต่ถ้าชอบสีโทนร้อนแรง ทาสีผนังอาจไม่เหมาะ ให้ลองเลือกเป็นของแต่งห้องที่จะช่วยสะกดสายตาของคุณแทนก็ได้ เช่น โปสเตอร์ ภาพวาด โคมไฟ แจกัน ตุ๊กตา
ใช้ไฟสีเหลือง
ห้องทำงานทั่วไป ไฟสีขาวจะเหมาะที่สุดเพราะจะสร้างแสงสว่างแบบหมดพร้อมการทำงาน ปลุกเร้าประสาทซิมพาเทติกให้ตื่นตัว และมอบความกังวลนิดๆ ให้งานเดินไปอย่างเร็ว
แต่ห้องสำหรับนอนอ่านหนังสือ จะต้องแตกต่างไปจากทำงาน ต้องเป็นพื้นที่แห่งการพักผ่อนของประสาทซิมพาเทติก ต้องทำให้รู้สึกสงบใจ
ดังนั้น หลอดไฟโทนสีส้มจะดีที่สุด คลื่นแสงสีเหลืองมีผลให้สมองเข้าสู่โหมดพักผ่อน รวมทั้งยังมีผลบำบัด แม้เรามีสีโปรดต่างกัน แต่สำหรับการพักผ่อน สีเหลืองถือเป็นสีในอุดมคติ ยิ่งเป็นแสงแบบไม่ส่องกระทบวัตถุโดยตรงจะยิ่งดี แสงแบบนี้จะอบอุ่น สว่างแบบไม่กระตุ้นสายตาโดยตรง ช่วยสร้างบรรยากาศสงบ ผ่อนคลาย
ข้อมูลประกอบจากหนังสือ สมองหายล้า ชีวิตก็หายเหนื่อย
เขียนโดยแพทย์จิตเวช อีชีฮยอง
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
- 7 วิธี เปลี่ยนนิสัย เปลี่ยนชีวิต เปลี่ยนตัวคุณ ‘ให้ดีขึ้น’
- หลักจิตวิทยาคนทำงาน กับบันได 6 ขั้นที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ!
- 5 สัญญาณเตือนว่า ถึงเวลาต้อง เปลี่ยนแปลงตัวเอง แล้วล่ะ!
- 5 วิธีมีสติ ใช้ชีวิตอย่างคนฉลาด เพื่อเปลี่ยนเราให้เป็นคนใหม่
- 5 วิธีเปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้น เพื่อเริ่มใหม่ในปี 2021
- 7 วิธีรับมือกับอาการ “เบื่องาน” แต่ยัง ลาออก ไม่ได้
- 5 ข้อ ทำก่อน 7 โมงเช้า กิจวัตรประจำวัน เปลี่ยนชีวิต!