รอยยิ้มจาก คนแปลกหน้า
เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ ช่างเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ แต่ก็เป็นวันที่งดงาม เป็นการเบ่งบานกำลังใจให้แก่กัน แม้จะมาจาก คนแปลกหน้า ก็ตาม แค่รอยยิ้มและการรับฟังระหว่างเราสองคน กลับเติมเต็มซึ่งกันและกัน เป็นประสบการณ์ชีวิตที่ดีมาก ๆ ในทริปครั้งนี้
ช่วงเวลาวันหยุดเมื่อวันคริตมาสที่ผ่านมา ถือเป็นความบังเอิญที่งดงาม เมื่อต้องออกเดินทางคนเดียวด้วยรถไฟหวานเย็นลงไปทางใต้ของเยอรมัน ท่ามกลางอากาศหนาวเย็น โฮสเทลเป็นตัวเลือกสำหรับการพักค้างคืนในครั้งนี้ แถมเป็นโฮสเทลแบบหอพักที่มี 8-10 เตียงในห้องกว้าง (ช่างกล้าคิดกล้าทำเหลือเกินแม่คุณ)
แผนการเดินทางไม่มีอะไรมากเลย แค่ท่องเที่ยวดูบ้านเมือง ชุมชน วิถีชีวิตผู้คนและแอบแว๊บๆข้ามไปชายแดนฝรั่งเศสนิดหน่อย ไม่คาดหวังอะไรมากมายจากการเดินทางมากไปกว่าการท่องเที่ยวพักผ่อนในช่วงวันหยุด
โชคชะตาพาให้บังเอิญได้เจอกับสุภาพสตรีท่านหนึ่ง (จำชื่อไม่ได้เลย เรียกยากมาก ขอเรียกว่า “คุณป้า” ละกัน) มาจากทางเหนือของยุโรป จำชื่อประเทศไม่ได้เพราะออกเสียงลำบาก คุณป้าแต่งตัวดูดี ภูมิฐาน พอเจอเราแล้วคงถูกชะตา คุณป้าทักทายและชวนคุยเป็นนานสองนาน เนื่องจากต้องพักในห้องเดียวกัน คงจะเหงาและอยากหาเพื่อนคุย พอปะหน้ากะเหรี่ยงน้อยหัวดำหน้าตาขำๆ แกเลยจัดเต็ม
ป้าเล่าว่าออกเดินทางท่องเที่ยวคนเดียวหลังเกษียณ คิดว่าอยากจะไปไหนบ้าง แล้วก็วางแผนออกเดินทางตามที่คิด ไม่ได้มีเงินทองอะไรมากมายแต่อยากออกไปเจอโลกภายนอกบ้าง ที่สำคัญคุณป้าพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย พูดเยอรมันได้นิดหน่อย (อ้าว แล้วจะยังไงเนี่ย ติดต่อสอบถามทางจะทำยังไงคะป้า คือเราก็ใช้ภาษาเยอรมันที่ต่างมีคนละนิดคนละหน่อยเป็นสะพานสร้างความเข้าใจซึ่งกันและกัน)
แอบสงสัยเล็กน้อยว่าในช่วงเวลาวันหยุดที่ควรอยู่กับครอบครัว ทำไมผู้หญิงสูงวัยคนหนึ่งเลือกที่จะเดินทางเพียงลำพัง (แต่ไม่กล้าถาม) เหมือนคุณป้าอ่านสายตาออกเลยบอกว่า…จริงอยู่ในช่วงคริตมาสแบบนี้ครอบครัวควรอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาอย่างมีความสุข แต่มันยากนะเมื่อลูกๆโตหมดแล้ว แยกย้ายครอบครัวออกไปอยู่ไกลแสนไกล การพบเจอกันน้อยลงเนื่องจากระยะทาง เวลา และปัจจัยอื่น ๆ ด้วย แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก แม้ไม่ได้เจอ แค่ได้รับรู้ว่าพวกเขามีความสุข ฉันก็มีความสุข เวลาของฉันตอนนี้คือ..เดินทางไปในที่ต่าง ๆ แต่อุปสรรคก็อยู่ตรงที่ฉันแก่แล้วนี่สิ ทำอะไรก็ไม่ค่อยว่องไว เฮ้อ..(แล้วป้าก็หัวเราะ)
น้ำเสียงแม้จะดูเศร้าบ้าง แต่ทุกคำพูดไม่เคยขาดรอยยิ้ม แม้จะมีร่องรอยการผ่านวันเวลาอันยาวนานของชีวิตมา หน้าของคุณป้าก็เปื้อนรอยยิ้มตลอด แววตาเต็มเปี่ยมไปด้วยความเด็ดเดี่ยวและความหวัง (ทำให้คนฟังอดยิ้มไม่ได้ แม้จะไม่เข้าใจภาษาพูดมากนัก แต่ภาษาใจคิดว่ารู้เรื่องนะ)
นอกจากนี้ป้ายังเล่าถึงวิถีชีวิต ความคิดของคนสมัยก่อน บทบาทหน้าที่ของชายหญิง และเรื่องเล็ก ๆน้อย ๆ ที่แกพยายามจะหาหัวข้อมาสนทนากับคนแปลกหน้าอย่างฉัน ก่อนแยกย้ายด้วยคำอวยพรให้พบกับสิ่งดี ๆ และมีความสุข..
เราบอกคุณป้าว่า “คุณป้าเป็นคนยอดเยี่ยมมาก ขอให้เดินทางปลอดภัย และมีความสุขเช่นกันนะคะ”
บางครั้งการเดินทางของคุณป้าอาจไม่ใช่แค่การออกไปดูโลกภายนอกหรอก แต่อาจเพราะต้องการพิสูจน์โลกภายในหัวใจของตัวเอง เพื่อที่จะได้บอกกับตัวเองว่า.. “ฉันก็ทำมันได้นะ”..จะเรียกว่า…การสร้างพลังศรัทธาให้ตัวเอง…ได้หรือเปล่านะ?
ชั่วชีวิตของคนเราสิ่งที่ได้มาฟรี ๆ คือ เวลาที่ผ่านไปพร้อมกับวัยที่ชรา แต่สิ่งที่เราต้องค้นหาคือคุณค่าและศรัทธาในตัวเอง คุณป้าเองก็อาจคิดเช่นนั้น
ทั้งชีวิตของคนสองคนอาจเป็นเพียงแค่ครั้งเดียวที่ได้ประสบพบเจอกัน ขอให้เวลานั้นแม้จะเป็นช่วงสั้น ๆ เป็นวันที่งดงาม เป็นการเบ่งบานกำลังใจให้แก่กันแม้มาจากคนแปลกหน้าก็ตาม แค่รอยยิ้มและการรับฟัง ไม่ต้องลงทุนอะไร ก็ทำให้หัวใจอีกคนมีพละกำลังขึ้นมาอีกครั้งได้..เชื่อว่าอย่างนั้น
ปล.ภาษาเยอรมันไม่ได้แข็งแรงหรอกนะ แต่อ่านจากภาษาท่าทาง น้ำเสียง แววตา และประสบการณ์ในตำแหน่งขวัญใจวัยชรา เลยพอสรุปเอาคร่าวๆ
เรื่อง :ไส้ติ่ง (อิ่มเอม)
ภาพ : Photo by Adrian Infernus on Unsplash
บทความน่าสนใจ
น้ำใจ จากคนแปลกหน้าบนเครื่องบิน ที่ทำให้ครูสาวต้องเสียน้ำตา
มุย โทมัส สาวน้อยดักแด้ ความแตกต่างไม่เป็นอุปสรรคต่อความฝัน
ทำความรู้จัก อาการทางจิต ที่อาจเกิดขึ้น หากคุณป่วยโรคสมองเสื่อม
คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว น้ำใจงาม บริจาคเงินทิปก้อนโตให้เด็ก ๆ ในชุมชน