ไม่มีผู้ใหญ่คนไหนไม่เคยเป็นเด็กมาก่อน แต่น่าแปลกที่คนเราเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ก็มักลืมไปสนิทว่าเราเคยกลัวอะไรต่อมิอะไรมากมายกว่านี้เมื่อตอนเป็นเด็ก มิหนำซ้ำยังเผลอสร้างความหวาดกลัวให้เด็กๆ โดยไม่รู้ตัว เทย์เลอร์ สวิฟต์
เทย์เลอร์ สวิฟต์ สาวน้อยมหัศจรรย์แห่งวงการเพลง เป็นคนหนึ่งที่เคยรู้สึกหวาดกลัวมากๆ มาก่อน
เทย์เลอร์ อลิสัน สวิฟต์ (Taylor Alison Swift) เกิดเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม ค.ศ. 1989 ที่เมืองไวโอมิสซิง (Wyomissing) รัฐเพนซิลเวเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา
ตอนเป็นเด็ก เทย์เลอร์มักถูกล้อและถูกแกล้งจากเพื่อนๆ ที่โรงเรียนเป็นประจำ ตั้งแต่เรื่องเส้นผมที่หยิกตามธรรมชาติ ไปจนถึงนิสัยชอบร้องเพลงของเธอ ซึ่งการไม่ได้รับการยอมรับนี่เองคือเรื่องที่ทำให้เด็กๆ รู้สึกเจ็บปวดใจมากที่สุด…เจ็บชนิดที่ผู้ใหญ่อาจคาดไม่ถึง
โชคดีที่เทย์เลอร์ไม่ได้เลือกที่จะหนีปัญหาด้วยวิธีผิดๆ แต่เลือกที่จะระบายความโกรธด้วยการแต่งเพลง คนที่เคยล้อเลียนเธอกลายเป็นตัวละครในเพลงที่เธอแต่ง และทำให้เพลงของเธอมีชีวิตชีวาขึ้น
โชคดีอีกอย่างของเทย์เลอร์ก็คือ การที่เธอรู้ว่า เธออยากเป็นนักร้องตั้งแต่ 10 ขวบ โดยได้รับแรงบันดาลใจจาก ชาเนีย ทเวน (Shania Twain) ราชินีเพลงคันทรีชื่อดัง หลังจากได้ดูมิวสิควิดีโอเพลงของชาเนีย ทเวน เทย์เลอร์ก็เริ่มตระเวนเข้าร่วมแข่งขันร้องเพลงคาราโอเกะที่จัดขึ้นในท้องถิ่น
ตอนอายุ 11 ปี เทย์เลอร์ท้าชนกับความกลัวครั้งสำคัญด้วยการนำเทปบันทึกเสียงที่บันทึกเองแบบมือสมัครเล่น ไปเสนอให้กับค่ายเพลงทุกๆ ค่ายในเมืองแนชวิลล์ (แนชวิลล์เป็นเมืองหลวงของรัฐเทนเนสซีและได้ชื่อว่าเป็นเมืองของดนตรีแนวคันทรี) แต่น่าเสียดายที่เธอถูกปฏิเสธทั้งหมด พออายุ 12 ปี เทย์เลอร์ก็หัดเล่นกีตาร์ และขยันซ้อมอย่างต่อเนื่องจนมีฝีมือมากพอที่จะขึ้นเวทีคอนเสิร์ตในเวลาไม่นานนัก เธอยังไปๆ มาๆ ระหว่างบ้านเกิดกับเมืองแนชวิลล์เพื่อร่วมแต่งเพลงกับนักแต่งเพลงในท้องถิ่น
ที่สำคัญที่สุด เทย์เลอร์โชคดีมากที่มีพ่อแม่ซึ่งรักและเข้าใจเธออย่างแท้จริง ตอนเทย์เลอร์อายุ 14 ปี พ่อและแม่ตัดสินใจย้ายบ้านไปอยู่ที่แนชวิลล์เพื่อให้เธอทำงานได้สะดวกขึ้น
เทย์เลอร์ออกซิงเกิ้ลแรก Tim McGraw เมื่อกลางปี 2006 ซึ่งช่วยแจ้งเกิดให้เธออย่างรวดเร็ว อัลบั้มชุดแรกในชื่อเดียวกันวางแผงปลายปีนั้น และสร้างปรากฏการณ์ใหม่ในวงการทันที เพราะอัลบั้มชุดนี้สามารถไต่อันดับขึ้นไปถึงอันดับหนึ่งในชาร์ต Billboard 200 Top Country Albums และติดอันดับหนึ่งต่อเนื่องนานถึง 24 สัปดาห์
เทย์เลอร์ออกอัลบั้มชุดที่สองชื่อชุด Fearless ในปี 2008 และแม้ว่ายุคนี้จะเป็นยุคที่ผู้คนนิยมการดาวน์โหลดเฉพาะเพลงที่ชอบมากกว่าการซื้อทั้งอัลบั้ม แต่เทย์เลอร์ก็สามารถพา Fearless ขึ้นเป็นอัลบั้มขายดีที่สุดในสหรัฐฯ ทั้งในปี 2008 และ 2009 Fearless ได้รับรางวัล Academy of Country Music สาขาอัลบั้มเพลงคันทรียอดเยี่ยม ส่งผลให้เทย์เลอร์ได้รับรางวัลศิลปินยอดเยี่ยมและโปรดิวเซอร์ยอดเยี่ยมไปครอง นับว่าเธอเป็นศิลปินอายุน้อยที่สุดที่เคยได้รับรางวัลนี้
เคยมีคนถามเทย์เลอร์ว่า “กับคนที่ไม่เคยฟังเพลงของคุณมาก่อน คุณจะบอกเขาว่าอย่างไร” นี่คือคำตอบของเธอ
“เพลงของฉันมีความจริงใจ ฉันเป็นนักร้องและนักแต่งเพลงที่มีส่วนในการเขียนทุกๆ เพลงในอัลบั้ม ฉันชอบแต่งเพลงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ ความรัก และการเดินออกจากความสัมพันธ์ ฯลฯ”
เทย์เลอร์ไม่อายที่จะบอกว่า เธอชอบเรื่องราวเกี่ยวกับความรักและการอกหักตามประสาวัยรุ่น เนื้อเพลงส่วนใหญ่เล่าถึงปัญหาจุกจิกแบบที่ผู้ใหญ่มองว่า “ไม่สำคัญ” ส่วนดนตรีก็เป็นแนวคันทรีที่ฟังง่าย แต่ในอีกแง่หนึ่ง เพลงของเทย์เลอร์ก็สะท้อนความคิดและความรู้สึกของวัยรุ่นอย่างตรงไปตรงมา เพราะวัยรุ่นเป็นวัยที่เห็นความรักสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด ไม่มีเรื่องไหนเป็นเรื่องเล็กตราบเท่าที่พวกเขาให้ความสนใจ
นอกจากจะเป็นนักร้องมากความสามารถแล้ว เทย์เลอร์ สวิฟต์ ยังได้ชื่อว่าเป็นศิลปินนิสัยดีและใจบุญไม่แพ้ใครด้วย เทย์เลอร์รู้ดีว่าด้วยความเป็นซูเปอร์สตาร์ เด็กผู้หญิงนับพันนับหมื่นคนจะมองเธอเป็นแบบอย่าง เทย์เลอร์จึงพยายามวางตัวดีมาโดยตลอด เธอทำงานหนัก ไม่เคยมีข่าวเสียหาย ที่สำคัญคือ มีความรับผิดชอบต่อสังคมสูงมาก
ทุกครั้งที่เกิดภัยพิบัติ ไม่ว่าจะเป็นที่สหรัฐอเมริกาหรือที่มุมใดของโลก เทย์เลอร์จะเข้าไปมีส่วนร่วมเสมอ อย่างน้อยที่สุดคือการบริจาค นอกจากนี้เธอยังแต่งเพลง Fifteen เพื่อระดมเงินเข้ากองทุน @15 ซึ่งเป็นกองทุนที่ตั้งขึ้นเพื่อรณรงค์ให้วัยรุ่นมีโอกาสทำโครงการที่เกี่ยวกับพวกเขาเองโดยตรง
ส่วนงานการกุศลที่โดดเด่นที่สุดก็คือ การจับมือกับ ฟิล เบรดเดเซน (Phil Bredesen) ผู้ว่าการรัฐเทนเนสซี เพื่อทำโครงการรณรงค์การปกป้องเด็กจากนักล่าเหยื่อทางอินเทอร์เน็ต
นอกจากการร้องเพลง การแต่งเพลง และการทำงานการกุศลแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่เทย์เลอร์ชอบมากก็คือ การแจกลายเซ็น เธอเคยแจกลายเซ็นให้แฟนๆ นานถึง 5 ชั่วโมงครึ่ง โดยที่ยังคงมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าราวกับว่าไม่เหน็ดเหนื่อยเอาเสียเลย
“ตอนที่ยังเล็กๆ ฉันเคยฝันว่า จะโชคดีสักแค่ไหนถ้าวันหนึ่งผู้คนสนใจสิ่งที่ฉันเขียน จะโชคดีแค่ไหนหากวันใดวันหนึ่งฉันไปเดินเล่นในห้างสรรพสินค้าแล้วได้เห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ใส่เสื้อยืดที่สกรีนใบหน้าของฉัน
“ในเมื่อเคยใช้เวลานานๆ ฝันกลางวันถึงเรื่องเหล่านี้ แล้ววันหนึ่งความฝันกลายเป็นจริงขึ้นมา เราก็ไม่ควรบ่น เวลาไปกินข้าวในร้านอาหาร ฉันรู้ว่าเดี๋ยวจะต้องมีการตั้งแถวขอลายเซ็นที่โต๊ะของฉัน แล้วนั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันใฝ่ฝันมาตลอดหรอกเหรอ…จริงๆ แล้วใช่นะ ฉันไม่อยากเป็นเด็กที่ใฝ่ฝันถึงบางสิ่งบางอย่างเหลือเกิน แล้ววันหนึ่งเมื่อได้มันมา กลับเอาแต่บ่น ฉันไม่อยากเป็นเด็กแบบนั้น”
ก่อนที่จะรู้ว่าความฝันของตัวเองคืออะไร เราคงต้องเผชิญกับความหวาดกลัวมากมาย แม้แต่ในเวลาที่คว้าความฝันมาได้ เราก็อาจจะต้องเผชิญกับความกลัวรูปแบบใหม่ แต่ไม่ว่าชีวิตจะเป็นอย่างไร
จงอย่ากลัวที่จะเป็นเด็ก และเมื่อถึงเวลา…ก็จงกล้าที่จะเป็นผู้ใหญ่
Secret Box
การปราศจากความกลัวไม่ได้หมายความว่า คุณจะไม่กลัวอะไรเสียเลย คุณยังกลัวนั่นกลัวนี่มากมาย เพียงแต่คุณก็ยังจะวิ่งตามความฝันของคุณอยูนั่นเอง
– เทย์เลอร์ สวิฟต์
ที่มา นิตยสาร Secret
เรื่อง Violet