ทันทีที่แสงสปอตไลต์ส่องตรงมาที่ฉัน เสียงปรบมือ เสียงเรียกชื่อ “ลุลา ลุลา ลุลา” ก็ดังกระหึ่มขึ้น พร้อมๆ กันทั้งฮอลล์คอนเสิร์ต ณ วินาทีนั้นเองที่ฉันรู้สึกได้ว่า “นี่แหละความสุข ความฝันที่ฉันตามหามาทั้งชีวิต…ฉันเกิดมาเพื่อร้องเพลงจริงๆ”
ครอบครัวลุลาเป็นคนจีนค่ะ เรามีกันอยู่ 5 คน พ่อ แม่ ลูกชายสอง และลูกสาวอีกหนึ่ง ลุลาเป็นลูกสาวคนเล็กของบ้าน ด้วยเหตุนี้เองคุณแม่จึงสนับสนุนลุลาเต็มที่ สนใจจะเรียนอะไร จะฝึกอะไรขอได้หมด ลุลาจึงได้เรียนตั้งแต่บัลเลต์ ร้องเพลง สเกตลีลา คอรัส (ร้องประสานเสียง) ทำอาหาร ตัดผม ฯลฯ
พอเรียนบัลเลต์ได้ดี ลุลาก็เริ่มฝันจะเป็นนักบัลเลต์ แต่พอรู้แน่ว่านักบัลเลต์เป็นอาชีพที่เกิดได้ยากในเมืองไทย ลุลาก็เริ่มเบนเข็มว่า “เป็นนักร้องดีไหม เพราะเราก็ชอบร้องเพลง” แต่พอนึกถึงภาพนักร้องเมืองไทยในช่วงนั้นที่เน้นว่าต้องหล่อ สวย หุ่นดี ยิ่งเป็นดาราด้วยยิ่งดี ความฝันนี้ก็ตกไปทันที เพราะลุลาไม่มีคุณสมบัติที่ว่าเลย
นอกจากร้องเพลงได้เท่านั้น คิดไปคิดมายังเหลืออีกอย่างที่ลุลาชอบ นั่นก็คืองานศิลปะ เพราะลุลาชอบวาดรูป ชอบออกแบบ ลุลาจึงมุ่งมั่นเรียนด้าน Exhibition Design แทน
พอเรียนจบปั๊บ ลุลาก็เริ่มทำงานประจำ จนเวลาผ่านไป 2 - 3 ปี ก็เริ่มรู้สึกว่า “งานที่ทำอยู่ไม่ใช่ตัวเรา” แล้วจู่ ๆ ความฝันเดิมๆ ก็วนกลับเข้ามาในใจอีกครั้ง! พร้อมคำถามว่า “เรายังอยากเป็นนักร้องอยู่หรือเปล่า”
ตั้งแต่เรียนมัธยมจนกระทั่งมหาวิทยาลัย มีคนมาชวนลุลาเป็นนักร้องหลายครั้ง แต่คุณแม่ก็ไม่เคยอนุญาตเลยสักครั้ง เพราะท่านมองว่า นักร้องเป็นงานฉาบฉวย อยู่กับแสงสี เสี่ยงต่อการเสียผู้เสียคน จึงอยากให้ทำธุรกิจหรือทำงานที่มั่นคงมากกว่า แต่มาถึงวันนี้ลุลาเรียนจบอย่างที่คุณแม่ต้องการแล้ว มีประสบการณ์ชีวิตมาระดับหนึ่งจึงอยากทำตามฝันของตัวเองดูบ้าง ลุลาจึงตัดสินใจ “แอบ” คุณแม่ไปทำอัลบั้มแบบเงียบ ๆ จนได้…ก่อนจะเจ๊งไปแบบเงียบ ๆ จนต้องตัดสินใจออกจากค่ายเพลงทั้งที่ยังไม่หมดสัญญาด้วยซ้ำ
จากนั้นลุลาก็กลับมาทำงานประจำอีกครั้ง คราวนี้ลุลาโหมงานอย่างหนัก แต่ละวันต้องนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ไม่ต่ำกว่า 12 ชั่วโมง เสาร์ - อาทิตย์ก็มีงานตลอด ไม่ค่อยได้เจอคุณแม่เลย ส่วนอาหารการกิน ลุลาเน้นข้าวกล่องเป็นหลัก กินแค่พออิ่มและประหยัดเวลา พอถึงเวลานอนก็ยังหลับไม่สนิทเพราะคิดถึงแต่งาน เครียด กังวลไปสารพัด ด้วยเหตุนี้ลุลาจึงป่วยบ่อยขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนจะลงเอยด้วย โรคออฟฟิศซินโดรม!
วันหนึ่งลุลาบังเอิญได้คุยกับพี่โปรดิวเซอร์คนหนึ่งเข้า ความที่สนิทกัน ลุลาจึงระบายความอัดอั้นตันใจเรื่องงานประจำให้เขาฟังจนหมดเกลี้ยง พี่โปรดิวเซอร์จึงแนะนำให้ลองฟังเพลงแนวบอสซาโนวา(Bossanova) ดู เนื่องจากบอสซาโนวาเป็นแนวเพลงที่มีจังหวะเดียวกันกับจังหวะการเต้นของหัวใจมนุษย์ ทำให้ฟังแล้วรู้สึกผ่อนคลาย ยิ่งผสมผสานกับการร้องแบบกระซิบ ๆ ไม่เต็มเสียง ยิ่งเข้ากันได้ดี
สำหรับลุลาแล้ว การฟังเพลงแนวบอสซาโนวาเปรียบเหมือนการได้เจอ “โอเอซิส” อย่างไรอย่างนั้น ยิ่งทำงานไปด้วย ฟังเพลงไปด้วยก็ยิ่งเพลิดเพลิน เหมือนมีอะไรมาหล่อเลี้ยงจิตใจให้กลับมีพลังอีกครั้ง
หลังจากเป็นผู้ฟังที่ดีมา 2 ปี วันหนึ่งลุลาก็มีโอกาสได้ลองร้องเพลงแนวบอสซาโนวาเป็นครั้งแรก แม้จะไม่มั่นใจเท่าไร แต่พอร้องแล้วมีคนชื่นชอบ ลุลาก็ยิ่งมั่นใจ จนในที่สุดก็ตัดสินใจแอบหนีคุณแม่มาร้องเพลงบอสซาโนวาทุกคืนวันพุธ ส่วนกลางวันก็ยังทำงานประจำแบบวุ่น ๆ ไปตามเดิม ช่วงนั้นนอกจากอาการออฟฟิศซินโดรมจะยังไม่หายขาดแล้ว คุณหมอยังตรวจเจอซีสต์ในตัวลุลาเพิ่มอีกหลายแห่งด้วย
พอเห็นลุลาป่วยขนาดนี้คุณแม่จึงเอ่ยปากว่า “เปลี่ยนงานดีไหมลูก หรือไม่ก็ลาออกไปเรียนปริญญาโทก่อน” ใจลุลาเองก็อยากจะพักอย่างที่คุณแม่บอกเหมือนกัน จะได้รักษาตัวและเรียนปริญญาโทเสียที แต่ก็ยังสองจิตสองใจอยู่ จนกระทั่ง พี่เต็ด – ยุทธนา บุญอ้อม เอ่ยปากชวนลุลามาทำอัลบั้มแนวบอสซาโนวาด้วยเท่านั้น ลุลาก็ตัดสินใจเริ่มต้นชีวิตใหม่ทันที พอกันทีชีวิตสาวออฟฟิศ!
ความรู้สึกของลุลาตอนนั้น “ดีใจอย่างบอกไม่ถูกค่ะ มันพองฟูไปหมด มันเหมือนกับคนที่ทิ้งความฝันไปแล้ว เกือบจะไม่รู้จักความฝันและความหวังแล้วด้วยซ้ำ แต่อยู่ ๆ ก็มีคนหยิบยื่นโอกาสมาให้อีกครั้ง ถึงจะต้องแอบคุณแม่ไปทำอัลบั้มก็ยอม”
ครั้งนี้ลุลาทำงานด้วยความคิดแบบนักดีไซน์ที่ว่า “Innovation is everything.” หมายความว่า การมีนวัตกรรมทำให้เราสามารถเปลี่ยนแปลงทุกอย่างให้น่าสนใจได้ คราวนี้แหละที่ลุลาจะได้พรีเซ้นต์ตัวเองในแง่มุมต่าง ๆ เหมือนการดีไซน์งานศิลปะสักชิ้นขึ้นมาด้วยความรัก ไร้ความกดดัน ไร้ความคาดหวัง แค่คิดก็รู้สึกว่าชีวิตนี้ไม่เสียใจแล้วที่จะได้ทำอัลบั้มอย่างที่ตัวเองต้องการออกมา
ในที่สุดปี 2551 อัลบั้ม Lula Urban Lullaby อัลบั้มเดี่ยวอัลบั้มแรกในชีวิตลุลาก็เสร็จสมบูรณ์ค่ะ หลังจากปล่อยเพลงโปรโมตออกไปได้ไม่นาน ก็เกิดปรากฏการณ์ต่าง ๆ ตามมามากมายตามสื่อต่าง ๆ ไม่ว่าจะในกูเกิล (Google) ที่มีสถิติการค้นหาชื่อลุลาสูงสุด ทำไมนักร้องคนนี้ต้องร้องเพลงแอ๊บแบ๊วขนาดนี้ ฯลฯ แต่ไม่ว่าจะเป็นการพูดถึงในลักษณะไหน ลุลาก็ถือว่าเป็นความสำเร็จและเป็นกำลังใจที่ดีมาก ๆ ค่ะ
ส่วนคุณแม่ กว่าท่านจะรู้ว่าลุลาไม่ได้แค่เรียนปริญญาโทอย่างเดียว แต่ยังแอบไปทำอัลบั้มด้วยก็เมื่อท่านได้ฟังเพลง “ทะเลสีดำ” ที่เปิดตามคลื่นวิทยุแล้วค่ะ ฟังครั้งแรกก็ยังไม่ได้ว่าอะไร แต่ได้ยินวิทยุเปิดบ่อยขึ้นเรื่อย ๆ ท่านก็เริ่มยอมรับแล้วว่า “ลูกสาวคนนี้ไม่ธรรมดา”
“ทุกสิ่งที่ลุลาทำพิสูจน์ได้ว่าไม่ได้เกิดขึ้นง่าย ๆ แต่เกิดจากความพยายามล้วน ๆ ซึ่งถ้ามีสิ่งเหล่านี้อยู่กับตัวแล้ว แน่นอนว่าโลกนี้ก็ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้”
Secret BOX
แม้ก้าวแรกแห่งการเริ่มต้นจะ “ยาก” ที่สุด แต่ถ้าเรา “สู้”…โลกนี้ก็ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้
ลุลา - กันยารัตน์ ติยะพรไชย
ที่มา นิตยสาร Secret ฉบับที่ 137
เรื่อง วรลักษณ์ ผ่องสุขสวัสดิ์
ภาพ ฝ่ายภาพ อมรินทร์พริ้นติ้งฯ