ปวีณา ชารีฟสกุล

ชีวิตที่สงบเย็นจากข้างในของ ปวีณา ชารีฟสกุล (จบ)

ชีวิตที่สงบเย็นจากข้างในของ ปวีณา ชารีฟสกุล(จบ)

ราว 20 ปีหลังคุณพ่อกับคุณแม่แยกทางกัน เจี๊ยบ ปวีณา ชารีฟสกุล ก็มีโอกาสได้เจอคุณพ่อเป็นครั้งแรกในชีวิต ในสถานการณ์แบบนี้บางคนอาจยินดีปรีดาแต่สำหรับเจี๊ยบกลับตรงกันข้าม

ที่ผ่านมาเจี๊ยบรับรู้เรื่องราวของคุณพ่อผ่านรูปถ่ายเก่า ๆ ที่คุณแม่นำมาให้ดู เลยพอจะจินตนาการได้ว่าท่านหน้าตาเป็นอย่างไร

เจี๊ยบอาจเป็นคนนิ่ง ๆ สบาย ๆ แต่ความจริงเก็บกดความรู้สึกบางอย่างมาตลอดครั้งแรกที่นัดเจอคุณพ่อ หรือที่เจี๊ยบเรียกว่าป๋า มันเกิดความรู้สึกหลากหลายมากดีใจที่ได้เห็นหน้าค่าตา แต่อีกอารมณ์ความรู้สึกหนึ่งที่รุนแรงมากกว่าคือ ความรู้สึกน้อยใจว่า “ทำไมป๋าต้องทิ้งเจี๊ยบไปด้วย!”

ครั้งแรกที่เจอหน้ากัน เมื่อป๋าจะเข้ามากอด เจี๊ยบก็รีบขับรถหนีไปเลย เพราะยังไม่พร้อมที่จะพูดคุย แต่หลังจากนั้นเราก็นัดเจอกันอีกครั้ง และครั้งนี้เจี๊ยบก็ได้ระบายความรู้สึกที่อัดอั้นตันใจด้วยคำถามที่ทำให้คุณพ่ออึ้งไปเลยว่า

“เพิ่งคิดถึงเหรอ” สั้น ๆ ง่าย ๆ แต่คงเสียดแทงใจคุณพ่ออยู่ไม่น้อย ท่านบอกกับพี่สาวคนโตว่า เจี๊ยบเหมือนคุณปู่มากอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งหน้าตาและคำพูดคำจาที่ตรงไปตรงมา แต่หลังจากนั้นด้วยสายสัมพันธ์ความเป็นพ่อเป็นลูก เจี๊ยบก็ทำหน้าที่ดูแลคุณพ่อเป็นอย่างดี เพราะคิดว่าพ่อแม่ก็คือพ่อแม่ เขาให้ชีวิตเรามา ไม่มีเขาก็ไม่มีเราในวันนี้ บางอย่างขาด บางอย่างเกิน เราก็ต้องให้อภัย ยิ่งเมื่อได้ศึกษาธรรมะ ใจของเจี๊ยบก็เย็นลงเยอะ มันทำให้มองข้ามความน้อยใจในตอนแรกไปได้และคิดได้ว่าสิ่งที่ผ่านไปแล้วเราไม่สามารถย้อนกลับไปเริ่มใหม่ได้ ถ้าจะเริ่มใหม่ เริ่ม ณ วันนี้ดีกว่า

อีกอย่างการเป็นชาวพุทธทำให้เจี๊ยบเชื่อว่า การตอบแทนพระคุณพ่อแม่เป็นสิ่งสำคัญ เราจะเจริญรุ่งเรืองได้ก็ต้องมีความกตัญญู ดูแลบุพการีของเราให้ดีเท่าที่เราจะทำได้ บางคนอาจจะไม่มีเงิน ก็ไม่ต้องตอบแทนทางเงิน แต่ไปตอบแทนทางด้านจิตใจ พ่อแม่บางครั้งก็ไม่ต้องการเงิน แค่หาเวลาไปกินข้าว ไปเจอหน้าก็เพียงพอแล้ว

ตอนนี้นอกจากจะดูแลคุณพ่อแล้วเจี๊ยบก็ดูแลคุณแม่เป็นอย่างดี ทั้งเงินทองความเอาใจใส่ ปีหนึ่งก็จะจัดทริปให้ไปเที่ยวกับหลาน ๆ ปีละ 2 ครั้งในช่วงปิดเทอมเล็กและปิดเทอมใหญ่ ที่สำคัญ หลังจากน้องชายเสีย เจี๊ยบก็ทำหน้าที่ส่งเสียหลานทั้งสองคนด้วยตัวเอง

กฎเหล็กในการทำงาน

เจี๊ยบทำงานในวงการบันเทิง เป็นนักแสดงมาหลายปี ไม่เคยคาดหวังว่าจะได้รับรางวัลอะไร แต่ถ้าได้ก็จะบอกตัวเองว่าอย่างน้อย ๆ ก็ทำให้เราเชื่อมั่นว่า “เราทำได้”

ช่วงแรก ๆ เจี๊ยบได้รับบทนางเอก หลังจากนั้นก็เป็นน้า ช่วงนี้จะค่อนข้างลำบากนิดหนึ่งเพราะหาบทเล่นยาก แต่พอได้มาเล่นเป็นแม่ คราวนี้ก็สบายใจเลย เป็นแม่มาทั่วหล้า จนพันทิปให้รางวัล “แม่ทุกสถาบัน” เพราะบางช่วงเล่นเป็นแม่เกือบจะทุกช่องและออกอากาศในเวลาไล่เลี่ยกัน

ความจริงเจี๊ยบเคยลองเล่นบทอื่นดูบ้างเหมือนกัน อย่างบทร้าย แต่เล่นแล้วคนรอบข้างจะสรุปตรงกันว่า “หล่อนเล่นเป็นคนดีเถอะ หน้าหล่อนไม่ให้” แล้วบทแม่ที่เจี๊ยบได้รับก็มักจะเป็นแม่ที่จิตใจดียากจนข้นแค้น จนบางครั้งก็อยากบอกว่า“ฉันขอเป็นแม่รวย ๆ บ้างได้ไหม จะได้อยู่ห้องแอร์สบาย ๆ นี่เล่นเป็นแม่ก็ยังเป็นแม่ที่ลำบากลำบนอีก ต้องใช้ชีวิตอยู่กลางทุ่งกลางนา” แต่ได้แต่คิดนะคะ เพราะบทไหนมาเราก็ต้องเล่น ในเมื่อคิดจะเป็นนักแสดงก็ต้องไม่กลัวความลำบาก เพราะเจอแน่นอน

ที่สำคัญ ในการทำงานเจี๊ยบมีกฎเหล็กของตัวเองว่า หนึ่ง ต้องตรงต่อเวลา ส่วนมากเจี๊ยบจะไปถึงกองถ่ายละครก่อนเวลาเสมอ สอง ต้องทำการบ้าน การเป็นนักแสดงจะว่าไปแล้วต้องดูแลตัวเองให้ดีไม่ใช่เฉพาะแค่เรื่องหน้าตา แต่เรื่องสมองก็สำคัญ เพราะต้องจดจำบทต่าง ๆ ให้ได้อย่างเจี๊ยบได้รับบทแม่หลายเรื่องในเวลาเดียวกัน ก็ต้องแยกบทบาทในแต่ละเรื่องให้ชัดเจน เจี๊ยบจะแยกบทของแต่ละเรื่องไว้เป็นกอง ๆ วันนี้ถ่ายเรื่องนี้เสร็จก็เอาบทไปวาง แล้วหยิบบทที่จะถ่ายวันพรุ่งนี้มาอ่านต่อ ในแต่ละคืนหลังอาบน้ำเสร็จเจี๊ยบก็จะนั่งบนเตียง อ่านบท แล้วสวมวิญญาณของบทบาทนั้นทันที

คลิกเลข 2 ด้านล่าง เพื่ออ่านหน้าถัดไป

20 กว่าปีกับความสนใจในทางธรรม

บางคนอาจคิดว่า คนเราเข้าวัดเวลาทุกข์ใจ แต่สำหรับเจี๊ยบเลือกที่จะเข้าวัดในวันที่สุขใจ…

ตอนเด็ก ๆ คุณยายและคุณแม่จะพาเจี๊ยบไปทำบุญที่วัดมาตลอด สิ่งนี้หล่อหลอมให้เราสนใจในเรื่องนี้ จนวันหนึ่งที่เข้าวงการบันเทิง พี่ตุ๋ย – มนฤดี ยมาภัย เพื่อนรุ่นพี่ที่สนิทกันก็ชวนไปปฏิบัติธรรมที่วัดป่ามัชฌิมาวาส แถวจังหวัดกาฬสินธุ์ ที่นี่สงบร่มเย็น เป็นวัดป่าขนานแท้ ไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกใด ๆ ไปแล้วก็ได้ฝึกจิตอยู่กับธรรมะและธรรมชาติ สมัยนั้นเรานั่งเครื่องบินไปลงที่ขอนแก่น เมื่อไปถึงก็จะมีเด็กวัดขับรถกระบะปุเลง ๆ มารับไปที่วัดเราก็จะไปถือศีล 8 กินอาหารวันละมื้อนอนกุฏิหลังเล็ก ๆ แต่ตอนนี้วัดป่าแห่งนี้เจริญกว่าเมื่อก่อนมาก และแทบทุกครั้งที่ไปที่นี่เราก็จะหาโอกาสไปใส่บาตรหลวงตามหาบัวที่วัดป่าบ้านตาดด้วย หลวงตาก็จะให้หนังสือมาอ่านทุกครั้ง

ตอนแรกที่ไปปฏิบัติธรรม เจี๊ยบคิดแค่ว่า อยากรู้ว่าการไปนอนวัดเป็นอย่างไรแต่พอได้เจอหลวงพ่อ ได้ฟังธรรมะมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้จิตใจโน้มเอียงไปทางนี้โดยปริยาย เพราะมองเห็นข้อดีของการฟังธรรมและปฏิบัติภาวนาที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ เจี๊ยบเป็นคนที่โมโหแรงคนใกล้ตัวจะรู้ดี ปกติไม่ค่อยวี้ดใครง่าย ๆแต่ถ้าลุกขึ้นมาวี้ดเมื่อไหร่ แสดงว่าถึงที่สุดแล้วจริง ๆ

ด้วยความที่เป็นคนพูดคำไหนคำนั้นเด็ดขาดทั้งกับตัวเองและคนอื่น เวลาทำอะไรพลาด เราก็จะจดจำ คราวหลังจะไม่ทำอีกแม้ไม่คาดหวังว่าคนอื่นจะเป็นแบบเรา แต่ก็อยากให้คนอื่นเรียนรู้ จดจำเพื่อแก้ไขให้ดีขึ้นบ้าง แต่ถ้าไม่ เมื่อก่อนจะโมโหมากแต่พอได้ฟังธรรมะมากขึ้นก็ทำให้มองโลกกว้างขึ้น แล้วก็ใจเย็นลง

ยิ่งเมื่อได้อ่านหนังสือของท่านพุทธทาสที่ว่า “เขามีส่วนเลวบ้างช่างหัวเขา จงเลือกเอาสิ่งดีที่มีอยู่” เจี๊ยบก็น้อมนำมาใส่ใจทำให้ใจเย็นลงมาก ใครทำไม่ดีก็ให้อภัยง่ายขึ้น บอกตัวเองว่า “เชื่อเถอะว่าเขาไม่ได้ตั้งใจ เชื่อเถอะว่าเขาพยายามแล้วแต่คนเราก็พลาดกันได้”

จนวันหนึ่งไปเล่นละครเรื่อง รักเกิดในตลาดสด ทำให้เจอกับ พี่อี๊ด - สุเทพ ประยูรพิทักษ์ พี่อี๊ดเล่าให้ฟังว่า เขาทำบุญด้วยการบูรณปฏิสังขรณ์วัดในต่างจังหวัดฟังแล้วเจี๊ยบเกิดความสนใจ เพราะชอบศิลปะเก่า ๆ โบราณ ๆ อยู่แล้ว ทุกวันนี้เราจะมีกลุ่มของเราที่นัดกันช่วงเสาร์ - อาทิตย์เดินทางไปทำงานที่วัด โดยสละแรงกายสละเงินทองเท่าที่เราพอจะทำได้

เจี๊ยบจะแบ่งเงินจากการแสดงละครไว้ต่างหากเพื่อทำบุญโดยเฉพาะ เพราะการบูรณปฏิสังขรณ์วัด เราต้องซื้อสี ทองคำเปลว และอื่น ๆ กันเอง บางครั้งก็บอกบุญเพื่อน ๆ คนรอบข้างบ้าง ใครมีเท่าไหร่ก็มาร่วมทำบุญด้วยกัน

ตอนแรกเจี๊ยบไม่คิดว่าการบูรณปฏิสังขรณ์วัดจะช่วยให้เราใจเย็น แต่พอได้ลงรักปิดทองพระพุทธรูป ก็ค้นพบความสุขสงบที่เกิดจากสมาธิ เพราะจิตจดจ่ออยู่กับงานตรงหน้าอย่างเดียว การลงรักปิดทองพระพุทธรูปให้สวยต้องใช้ความมานะบากบั่น ความใจเย็น กว่าจะติดได้แต่ละแผ่นจิตของเราต้องนิ่ง แรก ๆที่จิตไม่นิ่ง ทองคำเปลวที่เราติดก็จะมีรอยหยัก ไม่เรียบ

เจี๊ยบชอบการฝึกจิตด้วยวิธีนี้มาก บางครั้งเข้าโบสถ์ไปตอนเช้า กลับออกมาอีกทีก็ 5 -6 โมงเย็น ไม่หิวน้ำ ไม่หิวข้าวจิตมันนิ่ง มีความอิ่มเอมอยู่ข้างใน เหมือนได้ปฏิบัติธรรมในอีกรูปแบบหนึ่ง ที่สำคัญเมื่ออยู่ที่วัด เจี๊ยบรู้สึกว่าสามารถเป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่ ไม่ต้องแต่งหน้า ไม่ต้องระวังอะไร จิตใจจึงผ่อนคลาย มีความสุข

เจี๊ยบถือว่าวงการบันเทิงได้สร้างชีวิตให้เรา ทำให้มีเงินมีทองดูแลพ่อแม่พี่น้องและเมื่อถึงวันนี้ก็ยังทำให้มีเงินไปทำบุญสมความตั้งใจอีกด้วย

แต่บุญนี้จะใช้เงินอย่างเดียวไม่ได้ตัวเราต้องลงไปฝึก ไปปฏิบัติด้วย จึงจะสัมผัสได้ถึงความสงบเย็นแห่งบุญค่ะ


(เรื่อง ปวีณา ชารีฟสกุล เรียบเรียง เสาวลักษณ์ ศรีสุวรรณ ภาพ วรวุฒิ วิชาธร)

Posted in MIND
BACK
TO TOP
A Cuisine
Writer

© COPYRIGHT 2024 AME IMAGINATIVE COMPANY LIMITED.