เคยอ่านเจอว่าการทำอะไรใหม่ ๆ ไม่ซ้ำซากจำเจช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นอัลเซอร์เมอร์ได้ อย่างเช่น หากที่ทำงานสามารถไป-กลับได้หลายทาง ลองเปลี่ยนไปใช้เส้นทางอื่นดูบ้าง
วันหนึ่งฉันจึงลองทำดูบ้าง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีส่วนช่วยป้องกันไม่ให้เป็นอัลไซเมอร์ได้ไหม แต่ที่แน่ ๆ คือพบร้านอาหารอร่อยสองสามร้าน ในตรอกเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง ซึ่งทำให้ได้แวะเวียนไปอีกหลายครั้ง จนสังเกตเห็นว่าร้านขายข้าวมันไก่ที่อยู่ในตรอกนั้น แตกต่างจากร้านอื่นอย่างสิ้นเชิง
เจ้าของร้านเป็นหญิงสาวอายุยังไม่มากนัก แต่งหน้าสวยแบบไม่มากไม่น้อยเกินไปมาทุกวัน และไม่ได้พิถีพิถันเฉพาะหน้าตาเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึง จาน ถ้วยน้ำจิ้ม ถ้วยน้ำแกง และการจัดจานวางข้าวมันไก่ลงบนจานด้วย เรียกว่ามองดูน่ากินเกินกว่าร้านข้างถนนทั่ว ๆ ไป ส่วนรสชาตินั้นอร่อยกว่าร้านใหญ่หน้าปากซอยไปหลายช่วงตัว คงเพราะความพิถีพิถันและรสชาติ ฉันสังเกตว่าลูกค้าขาประจำหลายคนสามารถรอได้อย่างอดทนแม้ว่าอาหารจะทำเสร็จช้า เมื่อเทียบกับร้านอื่น
อีกเรื่องที่สังเกตเห็นคือเธอจำแม่นมากว่า ลูกค้าโดยเฉพาะขาประจำคนไหนกินข้าวมันไก่ต้ม ไก่ทอด ไก่ย่าง คนไหนกินไก่ต้มกับไก่ทอด ไก่ต้มกับไก่ย่าง หรือกินมันทั้งสามอย่าง เพราะเคยเห็นหลายคนพูดแค่ว่า “เหมือนเดิม” แล้วไปนั่งรอ แม้แต่ฉันเองซึ่งไปเพียงไม่กี่ครั้ง เธอก็จำได้
ก่อนหน้านี้เคยได้ยินเพื่อนบ่นเรื่องซื้อของข้างถนนว่า
“คนขายใส่ถุงมือม้วนเปาะเปี๊ยะก็จริงนะ แต่ตอนรับเงินก็รับทั้งใส่ถุงมือ สรุปแล้วใส่ถุงมือก็ไม่ได้ช่วยให้สะอาดขึ้นอยู่ดี”
คนขายข้าวมันไก่ร้านนี้ก็ใส่ถุงมือเหมือนกัน แต่เมื่อต้องยื่นมือมารับเงินค่าข้าวมันไก่จะถอดถุงมือก่อนทุกครั้ง
คลิกที่นี่! หรือกดเลข 2 ด้านล่างเพื่ออ่านหน้าถัดไป
นอกจากนั้น ร้านนี้ยังเป็นร้านเดียวที่เปิดเพลง แถมเป็นเพลงฝรั่งไม่เก่าไม่ใหม่ จังหวะคึกคักแต่ไม่น่ารำคาญ ตอนแรกก็คิดว่าเธอเปิดให้คนมากินฟัง แต่หลังจากแวะไปกินหลายครั้งก็เข้าใจว่าเจ้าของร้านเปิดฟังเอง เพราะมักได้ยินเธอสับไก่ไปร้องเพลงไปด้วย จึงไม่น่าแปลกใจที่เธอจะอารมณ์ดี ยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่ตลอดเวลา
บางครั้งฉันก็แอบยิ้มไปกินข้าวไป เมื่อได้ยินเธอร้องเพลงคลอตามเพลงที่เปิดไปด้วย
วันหนึ่งฉันตั้งใจซื้อข้าวมันไก่ไปกินเป็นอาหารกลางวัน โดยเอากล่องพลาสติกแบบแบ่งเป็นสองช่องไปใส่ เมื่อเดาจากท่าทีของคนขายคงคิดว่าจะใส่ข้าวและไก่ให้ดูสวยงามเหมือนที่เคยทำอย่างไรดี จึงรีบบอกว่า
“ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องสวยก็ได้”
คนขายรีบพูดขำ ๆ แต่จริงจังว่า
“ไม่ได้หรอก ต้องสวยสิ เรื่องไม่สวยนี่ยอมไม่ได้”
ว่าแล้วเธอก็จัดการให้ข้าวมันไก่ลงไปอยู่ในกล่องอย่างสวยงามจนได้ และดูเธอจะพออกพอใจที่ทำมันสำเร็จ
เธออาจไม่สามารถมีร้านขายข้าวมันไก่ใหญ่โต แต่เธอสามารถทำให้ร้านเล็ก ๆ ที่มีเนื้อที่ไม่กี่ตารางเมตรร้านนี้ เป็นสถานที่ที่ทำงานอย่างมีความสุขได้
ท่านผู้อ่านล่ะคะ ได้ทำอย่างเธอคนนี้กันบ้างหรือไม่ เล่าสู่กันฟังกันได้นะคะ
พัชรา โพธิ์กลาง
บรรณาธิการบริหารนิตยสาร Secret