ไม่อยากหึง (แต่ห้ามใจไม่ไหว) ทำไงดี!
คุณเคยไหม แบบว่ารักใครสักคนจนสุดหัวใจชนิดที่ไม่อยากให้เขาไปไหน ไม่อยากให้เขาคุยกับใคร และถ้าเป็นไปได้ ก็ไม่อยากปล่อยให้เขาคลาดสายตา เพราะกลัวว่าถ้าเผลอ อาจจะมีใครมาแย่งเขาไปจากคุณ ไม่อยากหึง
หากคุณมีพฤติกรรมข้างต้น ก็ชี้ชัดได้เลยว่า คุณมีอาการหึงหวงอย่างแน่นอน ถ้าปล่อยไว้นานวัน ก็จะก่อให้เกิดปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนเป็นแน่ แม้คุณอาจจะคิดว่า “รักมากก็ต้องหวงมาก เป็นเรื่องธรรมดา…”
Secret มีข้อปฏิบัติ 4 ข้อง่าย ๆ ที่จะมาช่วยให้คุณแก้ไขใจตัวเองไม่ให้หึงหวงจนเกินไป ไม่ให้หวั่นไหวจนเกินเหตุ ดังนี้
Step 1 ปัญหาจะหมดไป เพียงมั่นใจในตัวเอง
นักจิตวิทยากล่าวว่า ผู้ที่มีอารมณ์หึงหวงแบบรุนแรงมักเป็นผู้ที่มีบุคลิกภาพแบบประสาทอ่อน (Neuroticism) คือมักจะไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเอง ขี้โมโหอารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย ในบางรายอาจมีอาการซึมเศร้าร่วมด้วย เพราะเหตุนี้ เมื่อคนกลุ่มนี้รักใครสักคน ก็มักกลัวที่จะสูญเสียคนรักไปมากกว่าคนปกติ จึงเข้าไปควบคุมอีกฝ่ายอย่างออกนอกหน้า จนอาจเกิดปัญหาร้ายแรงตามมาอย่างคาดไม่ถึง
วิธีแก้ปัญหา คุณต้องเลิกมุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่คนรัก แล้วหันกลับมาเพิ่มความมั่นใจให้ตัวเองบ้าง เริ่มจากเปิดใจมองหาจุดด้อยของตัวเอง แล้วปรับปรุงมันซะถ้ารู้สึกว่าตัวเองบุคลิกภาพไม่ดี ก็ควรหันมาปรับบุคลิกตัวเองเสียใหม่ อาจจะแต่งกายให้เหมาะกับตัวเองมากขึ้น จะลุกจะนั่งก็สำรวมกิริยาให้สง่าและเรียบร้อย ลองปรับที่ตัวเองก่อนเป็นอย่างแรก แล้วคุณจะแปลกใจว่า การเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยกลับทำให้คุณมีความสุขและมั่นใจในตัวเองมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งแน่นอนว่าความมั่นใจในตัวเองย่อมส่งผลให้อารมณ์หึงหวงของคุณบรรเทาลงได้ด้วย
Step 2 หึงได้ แต่ต้องหึงให้เป็น
คนเรามีวิธีแสดงความรักแตกต่างกันออกไป คงไม่มีใครสามารถตัดสินใจแทนใครได้ว่า การแสดงออกแบบไหนผิดหรือถูก แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคู่ต่างต้องการเหมือน ๆ กันนั่นคือ ความรักที่จริงใจและมีขอบเขตที่เหมาะสม หรือเรียกง่าย ๆ ว่า “รักให้เป็น” นั่นเอง
วิธีแก้ปัญหา คุณสุดารำไพ สุนทรรังษี จาง กูรูด้านความรัก เจ้าของหนังสืออยากรักเป็นต้องอ่าน! บอกไว้ว่า “เราต้องเรียนรู้ที่จะหึงให้เป็น รู้จักหึงแต่พองามอย่างมีเหตุผล ด้วยการรักให้เป็น เอาใจใส่เอื้ออาทร อ่อนโยนต่อกันและต่อตัวเราเองด้วย รวมถึงรักอย่างฉลาด รักด้วยสมองไม่ใช่รักขึ้นสมอง ต้องหัดใช้เหตุผลแทนอารมณ์” อย่าลืมว่าสิ่งสำคัญของการรักให้เป็นคือ คุณต้องเปิดใจให้กว้าง ให้เกียรติและไว้ใจคนที่คุณรักด้วยเช่นกัน
Step 3 ท่องไว้ว่าโลกทั้งใบ ”ไม่ใช่” ของนายคนเดียว
หลายคนพอมีแฟนหรือแต่งงาน ก็อุทิศเวลาทั้งชีวิตเพื่อดูแลคนรัก ดูแลบ้านดูแลครอบครัว จนแทบจะจำไม่ได้แล้วว่างานอดิเรกที่เคยชื่นชอบหรือกิจกรรมแห่งความสุขในช่วงยังโสดนั้นคืออะไร มิหนำซ้ำการที่คุณอยู่แต่บ้านหรืออยู่แต่กับแฟน ไม่ได้ออกไปเปิดหูเปิดตาที่ไหน ยังจะทำให้คุณจดจ่อ เผลอจ้องจับผิด รวมถึงหึงหวงคนที่คุณรักโดยปราศจากเหตุผล ทั้งที่เขาอาจจะไม่ได้ทำอะไรผิดเลยก็ได้
วิธีแก้ปัญหา ปรับทัศนคติเสียใหม่ว่าการใช้ชีวิตคู่นั้นไม่จำเป็นที่คุณจะต้องหายใจเข้าหายใจออกเป็นเขาคนเดียว คุณอาจจะมีแฟน มีครอบครัว แต่ชีวิตก็ยังคงเป็นของคุณเหมือนเดิม การแบ่งเวลาว่างเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปทำกิจกรรมต่าง ๆ โดยลำพังไม่ใช่เรื่องผิดอะไรเลย แถมยังจะช่วยทำให้คุณมีมุมมองความรักที่เป็นอิสระมากขึ้นส่งผลให้อาการหึงหวงของคุณลดลง และกลับมาใช้ชีวิตคู่อย่างเข้าใจกันมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
Step 4 ถ้าหึงจนเลือดขึ้นหน้า จำไว้ว่า ”สติ” คือคำตอบ
เรื่องราวประเภทหึงจนเลือดขึ้นหน้านั้นตกเป็นข่าวหน้าหนึ่งแทบไม่เว้นแต่ละวันบ้างหึงแล้วทำร้ายตัวเอง บ้างหึงแล้วใช้ความรุนแรงเข้าทำร้ายทำลายคนที่รัก ข่าวเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า ถ้าขาดสติยั้งคิดอารมณ์หึงหวงจะกลายเป็นความโกรธแค้นและอาจนำไปสู่เหตุการณ์รุนแรงที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น
วิธีแก้ปัญหา หมั่นฝึกสติให้รู้เท่าทันอารมณ์ของตัวเอง พูดง่าย ๆ คือ ยั้งตัวเองไม่ให้ตกเป็นทาสของอารมณ์ อาจเริ่มจากการฝึกกำหนดลมหายใจตามหลักอานาปานสติ หรือตั้งสติไว้กับการเคลื่อนไหวอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายเป็นประจำ เมื่อกำลังสติแข็งแรงพอ ก็จะช่วยให้คนเรารู้จักยั้งคิดในยามที่หึงหวงจนหน้ามืดตามัว และไม่เผลอทำสิ่งที่เลวร้ายลงไป
Secret ขอให้กำลังใจคนไม่อยากหึง (แต่ห้ามใจไม่ไหว) ทั้งหลาย ว่าความหึงหวงเป็นเพียงบททดสอบบทหนึ่งของความรัก ไม่ว่าอุปสรรคขวากหนามจะยิ่งใหญ่เพียงใด ความรักและความเข้าใจที่คุณมีให้กันจะทำให้คุณทั้งสองฝ่าฟันและผ่านพ้นทุกสิ่งไปได้อย่างแน่นอน
บทความน่าสนใจ
ความรัก ความทุกข์ ต้นเหตุของความสุขในปัจจุบัน ต้อม – รชนีกร พันธุ์มณี
Dhamma Daily : พระพุทธศาสนากับความรัก เกี่ยวข้องกันอย่างไร ?
ประคอง จิต ถอนพิษรัก บทความดี ๆ จากพระราชญาณกวี
เมตตากรุณา - ยิ่งแบ่งยิ่งได้ เคล็ดลับความสุขความสำเร็จของสหรัถ สังคปรีชา
ชีวิตสุดขั้วของ ตุ๊ก-ดวงตา ตุงคะมณี จากทุกข์ กลายเป็นสุขได้เพราะธรรมะ