ไก่ มีสุข แจ้งมีสุข

ไก่ มีสุข แจ้งมีสุข แค่เปลี่ยนมุมคิด ชีวิตก็มีสุข (ตอนจบ)

ไก่ มีสุข แจ้งมีสุข แค่เปลี่ยนมุมคิด ชีวิตก็มีสุข (ตอนจบ)

ทุกวันนี้ ไก่ มีสุข แจ้งมีสุข เป็นคนชอบอ่านหนังสือ และมักจะเก็บแง่คิดดีๆที่ได้จากหนังสือมาใช้เตือนใจตัวเองอยู่เสมอ เมื่อไม่นานมานี้หนังสือเข็มทิศชีวิต เล่ม 2 ตอน กฎแห่งเข็มทิศ ของคุณฐิตินาถ ณ พัทลุงมีคำพูดซึ่งไก่รู้สึกประทับใจมาก เธอบอกว่า

“วิกฤติที่รุนแรงที่สุดในชีวิต เกิดขึ้นในเวลาที่เราคาดไม่ถึงในที่ที่เราคาดไม่ถึง และจากคนที่เราคาดไม่ถึงที่สุดเสมอ…แน่นอนเพราะถ้าเราคาดถึง มันก็จะไม่รุนแรงที่สุดในชีวิต เพราะอะไรชีวิตถึงต้องบีบวงเข้ามาทุกด้าน จักรวาลมีเหตุผลที่ดีที่สุดเสมอ”

ที่สำคัญเธอยังบอกว่า การมีชีวิตที่ยอดเยี่ยม มีความสุข ไม่ได้แปลว่าต้องมีแต่สิ่งดีๆ เกิดขึ้นในชีวิตตลอดเวลา แต่คือการที่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราก็สามารถรับรู้ความจริง มีความสุข มีชีวิตที่เติบใหญ่ มีพลัง มั่นคง เป็นอิสระในทุกสถานการณ์ เราเรียนรู้ได้ทั้งจากเรื่องดีและเรื่องร้ายในชีวิต ไม่มีใครไม่เคยล้ม แต่ทำไมคนบางคนล้มแล้วลุกขึ้นยืนใหม่ได้รวดเร็ว แถมยังมีความสุขที่ยิ่งใหญ่ แสดงว่าเขาจะต้องค้นพบกฎบางอย่างที่ทำให้ทั้งเหตุการณ์ดีและร้ายกลายเป็นของขวัญสำหรับตัวเอง

ถ้าเป็นเมื่อก่อนไก่อาจจะอ่านแล้วผ่านเลยไป แต่ในวันนี้ความผิดหวังในความรักทำให้ไก่เข้าใจคำพูดนี้อย่างลึกซึ้งราวกับว่าผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ตั้งใจเขียนเพื่อเราโดยเฉพาะ และในวันนี้ถ้าไก่ไม่รู้จักเปลี่ยนมุมมองความคิด จิตใจก็คงจะจมอยู่ในกองทุกข์มากกว่านี้หลายร้อยหลายพันเท่า

ความจริงแล้วจุดเปลี่ยนในชีวิตไก่เริ่มต้นขึ้นจากความอยากเรียนวาดภาพ จึงโทรศัพท์ไปปรึกษา พี่ดินป่า จี-วัน ศิลปินผู้อุทิศตัวทำงานเพื่อพระพุทธศาสนา ผู้ซึ่งเป็นกัลยาณมิตรที่ดีมาตลอด ในการพูดคุยกันคราวนั้นเขาพยายามพูดคุยโน้มน้าวใจให้ไก่สนใจธรรมะ แต่ด้วยความที่คิดว่าตัวเองอายุยังน้อยและธรรมะเป็นเรื่องน่าเบื่อ ไก่จึงไม่ได้สนใจมากนัก จนวันหนึ่งพี่ดินป่า จี-วัน ชวนไปกราบ พระอาจารย์อำนาจ โอภาโส ที่เขาค้อ นี่จึงเป็นครั้งแรกที่ทำให้เข้าใจข้อธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างแจ่มชัดขึ้น

เชื่อไหม ไก่ไม่ทราบด้วยซ้ำว่ากฎไตรลักษณ์มีอะไรบ้าง แถมยังนำเอากฎไตรลักษณ์ไปผสมปนเปกับอริยสัจ 4 เลยด้วยซ้ำ จำได้ว่าวันนั้นพระอาจารย์สอนเรื่องศีล สมาธิ ปัญญา ท่านวาดรูปบนไวท์บอร์ดให้ดูแล้วสอนว่า โต๊ะเปรียบได้กับศีล เทียนเปรียบได้กับสมาธิ และเปลวไฟเปรียบได้กับปัญญา ถ้าเรารักษาศีลห้าได้ครบโต๊ะก็มั่นคง เทียนที่วางไว้คือสมาธิก็จะไม่ล้ม เมื่อจุดไฟปุ๊บเปลวไฟก็ติด นั่นคือปัญญาจะเกิดตามมา ดังนั้นในชีวิตประจำวัน ถ้ารักษาศีล 5 ได้จะช่วยเป็นฐานให้สมาธิ และปัญญาเกิดด้วย

น่าเสียดายที่แม้จะรู้จักธรรมะบ้างแล้ว แต่ในวันที่ต้องพบเจอกับวิกฤติจากการทำงาน ไก่กลับหยิบฉวยธรรมะมาช่วยชีวิตได้ไม่ทันเกิดเป็นความทุกข์กัดกินใจ ทำให้จิตใจแห้งแล้งจนแทบจะเรียกได้ว่ามีชีวิต แต่ไม่มีวิญญาณ

เหตุเกิดจากไก่อ่านข่าวผิดพลาดในวันที่ 4 กันยายน ปี 2550 หลังจากนั้นกลายเป็นความเข้าใจผิดว่าไก่ไม่ยอมรับผิดแล้วโทษคนอื่น ซึ่งตอนนั้นไก่คิดว่าการนิ่งเงียบน่าจะดีกว่า แต่เรื่องกลับไม่ยุติง่ายๆ มีการวิพากษ์วิจารณ์ผ่านอินเทอร์เน็ต

เรื่องราวที่บานปลายในครั้งนั้นทำร้ายจิตใจไก่มากกว่าที่คนอื่นคิด ทุกวันที่ไปทำงานใบหน้าของไก่อาจจะยังยิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนเดิม แต่ข้างในเรารู้ดีว่าเป็นอย่างไร

แล้ววันหนึ่ง ท่าน ว.วชิรเมธี ซึ่งคงจะรับทราบข่าวไก่ผ่านสื่อต่างๆ ก็เอ่ยกับพี่ดินป่า จี-วัน ว่า ท่านชื่นชมการทำงานของไก่ เพราะเป็นคนที่เกือบสมบูรณ์พร้อมหมดแล้ว แต่ยังขาดอยู่เรื่องเดียวคือ ยังขาดธรรมะ หลังจากนั้นช่วงต้นปี 2551 ไก่จึงมีโอกาสไปสนทนาธรรมกับท่าน การพูดคุยไม่ได้มีปุจฉา – วิสัชนาเป็นเรื่อง-เป็นราว เป็นเพียงการพูดคุยเพื่อให้ไก่หันกลับมามองตัวเอง ทุกวันนี้ไก่ยังจำคำพูดของท่านที่สอนในวันนั้นได้ดี

ท่านพูดว่า คนเราทุกคนเคยทำผิดพลาดกันมาแล้วทั้งนั้น โดยเฉพาะผิดพลาดในงาน ใครที่ทำอะไรแล้วผิดแล้วพลาดคือคนทำงาน คนที่ทำอะไรแล้วไม่ผิดไม่พลาดเลยคือคนที่ไม่ทำงาน เพราะฉะนั้นผิดพลาดแล้ว จงกลับมายืนที่จุดเดิมให้ได้ และสิ่งสำคัญที่จะทำให้เรากลับมายืนหยัดได้อีกครั้งคือความสามารถในการจัดการกับความคิดของตัวเอง

ฟังแล้วไก่คิดว่าจริงอย่างที่ท่านพูด ตั้งแต่อ่านข่าวผิดครั้งนั้นไก่ขาดความมั่นใจไปเลย เพราะเป็นคนตั้งใจในการทำงานมาก งานคือชีวิตก็ว่าได้ ยิ่งเป็นงานผู้ประกาศข่าว ซึ่งต้องอาศัยความน่าเชื่อถือด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้ไก่ตั้งคำถามที่ทำร้ายตัวเองมาตลอดว่า “ทำไมฉันไม่ทำวันนั้นให้ดีกว่านี้ ทำไมฉันไม่ออกไปอธิบายให้คนอื่นเข้าใจให้ดีกว่านี้” และจบลงด้วยความคิดที่ย่ำยีตัวเองมากที่สุดว่า “เธอคือผู้ประกาศข่าวที่ห่วย” ไก่ถอดวิญญาณของตัวเองมาเหยียบย่ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า ด้วยการรับเอาคำพูดของคนอื่นมาไว้ในหัวตลอดเวลาแต่ก็ยังพยายามฝืนทำหน้าตาตัวเองให้ดูปรกติที่สุด จนน้องที่สนิทมากคนหนึ่งบอกว่า

“รู้ไหม มุมหนึ่งพี่ไก่เป็นคนเปิดเผย อารมณ์ดี แต่อีกมุมหนึ่งเป็นคนที่เหมือนกลืนความทุกข์ลงในกระเพาะหมดทุกอย่าง เพราะพอก้าวเท้าออกจากบ้านปุ๊บ พี่ไก่ก็จะหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส จนไม่มีใครรู้ว่าเจ็บปวดมาแค่ไหน”

เป็นเพราะไม่เข้าใจสัจธรรมว่าทุกอย่างมีความไม่แน่นอนคราวนั้นไก่จึงเก็บเรื่องนี้ไปทุกข์ได้นานเป็นเดือนๆ แต่พอได้ฟังท่านว.วชิรเมธีพูด เหมือนช่วยปลดล็อกความคิดให้รู้จักปล่อยวาง รู้จักมองว่าทุกข์เกิดจากเหตุ ปัจจัย วันหนึ่งก็เปลี่ยนแปลงไป ไม่มีอะไรคงที่เลยสักอย่าง

ไก่เชื่อว่าเราทุกคนอยากทำในสิ่งที่ดีที่สุด อยากให้คนที่อยู่รอบข้างพอใจ แต่ความจริงแล้วไม่มีใครทำสิ่งที่ดีที่สุดให้ใครได้เราอาจทำสิ่งที่ดีที่สุดให้แม่ แต่อาจไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับแฟนเพราะความคาดหวังของแม่กับแฟนต่างกัน เช่นแค่เราไปหาแม่ แม่ก็ดีใจ แต่กับแฟนเราไปหาทุกวัน หาข้าวหาน้ำไปฝาก เขาอาจไม่พอใจเราก็ได้

ทั้งหมดนี้จึงอยากบอกว่า อย่าเอาตัวเองไปแขวนไว้กับความคาดหวังของคนอื่น แต่ให้กลับมาพิจารณาตามดูกาย ตามดูใจของตัวเอง ตามให้ทันก่อนที่จิตจะคิดปรุงแต่งมากไปกว่านี้

ทุกวันนี้เมื่อไก่เดินเข้ามาในบ้าน สิ่งที่อยากทำมากที่สุดคือ การอ่านหนังสือเงียบๆ และคิดทบทวนว่าวันนี้เราทำดีที่สุดแล้วหรือยังถ้ามีเวลามากกว่านี้ เราจะทำได้ดีกว่านี้ไหม ถ้าคำตอบคือไม่ แสดงว่าเราทำดีที่สุดแล้ว จึงไม่มีอะไรที่จะต้องเสียใจอีกต่อไป

เมื่อจิตรู้จักคิดไปในทางที่ถูก ใจที่เคยหนักอึ้งกลับเบาสบาย ความคิดที่เคยวุ่นวายกลับกลายเป็นความสงบ หนึ่งปีมานี้ไก่รู้แล้วว่า ความสุขของมนุษย์ที่ชื่อ “มีสุข” คนนี้คืออะไร โดยไม่ต้องพยายามไขว่คว้าอีกต่อไป

Secret Box
วิธีเปลี่ยนมุมคิดอย่าง “มีสุข”

• จงตระหนักว่าวิกฤติที่เกิดขึ้นในชีวิตคือรางวัลที่จักรวาลส่งมาให้เรา อยู่ที่เราจะพบคุณค่านั้นหรือไม่

• เมื่อประสบกับความล้มเหลวในชีวิต ต้องลุกขึ้นยืนให้ได้อีกครั้ง แล้วจะพบว่ามีสิ่งดีๆ รอคุณอยู่

• เมื่อมีความทุกข์ ให้คิดว่าทุกข์อยู่กับเราไม่นาน เดี๋ยวสุขก็ตามมา ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

• จำไว้ว่าความผิดพลาดคือบทเรียนให้เราพัฒนาตัวเอง

• เมื่อเกิดความท้อแท้ใจ จงย้ำกับตัวเองว่า “ไม่มีใครให้กำลังใจเราได้ดีเท่าตัวเราเอง”

• ทำวันนี้ ขณะนี้ของชีวิตให้ดีที่สุด เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องมาเสียใจในภายหลัง

• จงอย่าเอาชีวิตตัวเองไปแขวนไว้กับความคาดหวังของคนอื่น

• จงใช้เวลาว่างที่มีในแต่ละวันพิจารณากาย พิจารณาใจตัวเอง แทนที่จะเพ่งมองแต่ผู้อื่น


บทความน่าสนใจ

ความรักแย่ ๆ 5 ประเภท ที่ควรหลีกหนีให้ไกล อาจถูกหลอกได้โดยไม่รู้ตัว!

แหม่ม อลิสา ขจรไชยกุล ชีวิตพลิกผันจากดารา…สู่แม่ค้าฮาเฮ ตอน 1

แฮร์ริสัน ฟอร์ด ดาราฮอลลีวูด รุ่นใหญ่ ทำบุญถวายพระพุทธรูปแด่วัดที่สปป.ลาว

ปรับความคิด ชีวิตก็เปลี่ยน เรื่องราว “การปรับความคิด” ของดาราหนุ่มทั้ง 3 คน

 

Posted in MIND
BACK
TO TOP
cheewajitmedia
Writer

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.