เรื่องเล่าในหลวง

3 เรื่องเล่าในหลวง จากองคมนตรี…ความทรงจำประทับใจที่ไม่มีวันลบเลือน

รวม 3 เรื่องเล่าในหลวง ภาพจำที่องคมนตรีมีต่อ ” ในหลวง “

เรื่องเล่าในหลวง พระมหากษัตริย์ผู้เปี่ยมพระวิริยอุตสาหะ

ในหลวงเคยตรัสกับคนที่มาถวายงานกับท่านว่า ‘ทำงานกับฉันฉันไม่มีอะไรจะให้ นอกจากการมีความสุขร่วมกันในการทำประโยชน์ให้กับผู้อื่น’ ซึ่งหมายความว่า  ทุกคนต้องทำเพื่อคนอื่นตามในหลวงไปด้วย

มีคนอีกมากที่อยู่ในพื้นที่แห้งแล้งและไม่มีน้ำดื่มน้ำใช้เลย ในหลวงจึงทรงพยายามแก้ปัญหาด้วยการริเริ่มโครงการเรื่องน้ำตามที่แห้งแล้งต่าง ๆ  เช่น  โครงการฝนหลวง เพื่อให้เกษตรกรมีน้ำใช้เพาะปลูก  การรักษาต้นน้ำด้วยการปลูกป่า  และโครงการชลประทานต่าง ๆ

พระองค์ต้องทรงตรากตรำงานหนักตลอดเวลา พลอากาศเอก กำธน  สินธวานนท์  ซึ่งเป็นองคมนตรีท่านหนึ่งเล่าว่า  ครั้งหนึ่งหลังจากเสด็จฯ เยี่ยมราษฎรที่จังหวัดสกลนคร  ทรงทราบว่า แม้จะมีอ่างเก็บน้ำขนาดกลางอยู่แล้ว  แต่ราษฎรก็ยังมีปัญหาน้ำไม่พอใช้จึงมีพระราชดำริว่า  อ่างนั้นถ้ายกประตูน้ำขึ้นอีกเล็กน้อยก็จะเก็บน้ำเพิ่มได้อีก  แต่ก็มีปัญหาว่าอาจทำให้น้ำท่วมเข้าไปในพื้นที่ที่ราษฎรรุกเข้าไปปลูกพืชทำไร่อยู่โดยพลการ ซึ่งตามกฎแล้วกรณีอย่างนี้  เจ้าหน้าที่สามารถไล่ชาวบ้านออกไปจากพื้นที่ได้ทันที

ในหลวงประทับที่พื้น แล้วทรงอธิบายให้ชาวบ้านเข้าใจถึงปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่นาน  ตอนแรกชาวบ้านไม่เข้าใจ พระองค์ก็ยังไม่เสด็จฯ กลับ  จนเย็นย่ำพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว  มองอะไรแทบไม่เห็น ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องนำเทียนไขมาจุดพระองค์ทรงเจรจากับชาวบ้านต่อไปอีกนานจนหมดเทียนเป็นเล่ม ๆ  เมื่อเข้าใจกันได้ดีแล้ว จึงได้เสด็จฯกลับ

ด้วยพระวิริยอุตสาหะและพระขันติธรรมของพระองค์นี่เอง ที่ทำให้พระราชดำริครั้งนั้นลุล่วงไปด้วยดี  เช่นเดียวกับพระราชกรณียกิจอื่น ๆ

01

เรื่องเล่าในหลวง พระมหากษัตริย์ผู้มีแต่ “ให้”

พลเอก พิจิตร  กุลละวณิชย์  คนที่ยืนข้าง ๆ ในหลวงในรูป เป็นองคมนตรีอีกคนหนึ่ง  ท่านบอกว่า ในหลวงทรงเป็นยอดกษัตริย์จอมทัพไทย

พลเอก พิจิตร  เล่าว่า  เมื่อ 50 ปีก่อนเมืองไทยมีเหตุต้องสู้รบกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย แถบบริเวณภาคเหนือกับภาคอีสาน

องคมนตรีเล่าว่า  แม้สถานการณ์จะเต็มไปด้วยอันตราย  แต่ในหลวงกับพระราชินีก็ยังทรงห่วงใยราษฎร  ทรงอุทิศพระวรกายโดยไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยาก  ทรงตรากตรำเสด็จฯ ไปเยี่ยมราษฎรเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่พวกเขา  และพระราชทานโครงการตามแนวพระราชดำริมากมายเพื่อให้คนไทยอยู่ดีกินดี  และมีพระราชดำรัสว่า ‘หากปากท้องของเขาอิ่ม  เขาก็จะไม่เป็นคอมมิวนิสต์’

นี่เองคือวิธีการต่อสู้กับคอมมิวนิสต์ของพระองค์ท่าน พระองค์ทรงรู้ดีว่าการแก้ปัญหาในระยะยาวไม่ใช่แค่การสู้รบให้ชนะจนข้าศึกตายหมด  เพราะสุดท้ายแล้วพระเดชก็ไม่อาจแก้ไขไปถึงจิตใจคนได้  ดังนั้นจึงต้องทรงใช้พระคุณ  ใช้การให้จากใจ  ถึงจะชนะใจคนได้  และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของ โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำเข็ก อันเนื่องมาจากพระราชดำริ

เหตุการณ์ต่อจากนั้นเป็นจริงดังที่ในหลวงตรัสไว้ทุกอย่าง  คือผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ซึ่งปักหลักอยู่ที่เขาค้อยอมแพ้  ทีมงานของในหลวงจึงเข้าไปพัฒนาที่นั่น  จนเขาค้อซึ่งสมัยก่อนเป็นสนามรบ  ตอนนี้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามไปแล้ว

เรื่องเล่าในหลวง พระมหากษัตริย์ผู้เป็นที่รัก

ภาพที่คนไทยเห็นกันจนชินตาคือ  ภาพที่ในหลวงประทับบนพื้นดินเพื่อมีพระราชปฏิสันถารกับประชาชนทั่วไปโดยไม่ถือพระองค์  อย่างเรื่อง “วาเด็ง” ที่ คุณสวัสดิ์  วัฒนายากร  องคมนตรีเล่าว่า หลังจากที่ท่านรับตำแหน่ง ในหลวงกับพระราชินีก็เสด็จฯ ไปเปิดโครงการชลประทานนราธิวาส  ในวันที่ 30 กันยายน พ.ศ.2535  พอทรงรู้ว่าราษฎรที่ทำมาหากินอยู่บริเวณรอบ ๆ พื้นที่พรุแฆแฆ  จังหวัดปัตตานี  มีปัญหาเรื่องขาดนํ้าในหน้าแล้ง พระองค์จึงทรงอยากเสด็จฯ ไปทอดพระเนตรปากคลองนํ้าจืดเพื่อสร้างอาคารเก็บนํ้าจืดไว้ให้ราษฎรในหน้าแล้ง  แต่ทางที่ไปนั้นขรุขระ  เป็นหลุมเป็นบ่อเพราะเป็นหน้าฝน และจุดที่จะเสด็จฯ ไปนั้นรถยนต์เข้าไม่ถึง แถมตอนนั้นก็มืดแล้วด้วย

ในหลวงทรงมีพระราชดำรัสกับผู้ตามเสด็จสั้น ๆ ว่า ‘ฉันไปได้’ เท่านั้น  และพอถึงจุดที่รถเข้าไม่ได้ พระองค์ก็ทรงพระดำเนินโดยมีเจ้าหน้าที่ใช้ไฟฉายส่องทางให้จนพักหนึ่งก็ไปถึงบ้านใต้ถุนสูงหลังหนึ่ง เจ้าของเป็นชาวไทยมุสลิมอายุประมาณ 70 ปีเศษ นุ่งกางเกงสีน้ำเงินไม่สวมเสื้อ…ซึ่งนั่นก็คือ วาเด็ง

วาเด็งดีใจมากที่เห็นในหลวงทรงพระดำเนินผ่านที่ของเขา  จากนั้นวาเด็งก็อาสานำทางไปยังจุดที่มีพระราชประสงค์จะทอดพระเนตร  คือปากคลองนํ้าจืด  หลังจากประทับอยู่ร่วมชั่วโมงจึงเสด็จ ฯ กลับ  โดยทรงแวะที่บ้านวาเด็ง ซึ่งเขาได้กราบบังคมทูลเป็นภาษายาวีว่า เป็นสิริมงคลแก่ครอบครัวของเขาอย่างยิ่งที่พระเจ้าแผ่นดินเสด็จ ฯ มาถึงบ้าน  แต่น่าเสียใจที่ไม่มีผลไม้ถวายเลย  เงินที่เพิ่งขายผลไม้ได้มาก็เอาไปซื้อเครื่องสูบนํ้าใหม่ซะแล้ว

ดร.สุเมธ  ตันติเวชกุล  เลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ  ที่อยู่ตรงนั้นจึงกล่าวเย้าเล่นว่า  ‘ไม่มีอะไรถวายก็ปั๊มนํ้านั่นไงล่ะ’

วาเด็งได้ยินดังนั้น จึงรีบบอกอย่างดีใจว่า  ‘ถวายเลย  ยกไปเลย ๆ’  แต่ในหลวงทรงมีพระเมตตา  ไม่ทรงรับปั๊มนํ้าของเขา

ในเวลาต่อมาเมื่อใกล้วันเฉลิมพระชนมพรรษา…วาเด็งก็นำผลไม้เข้าไปทูลเกล้า ฯ ถวายเป็นประจำทุกปี  หลังจากนั้นสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ  สยามบรมราชกุมารี  ทรงเล่าว่า  ในหลวงทรงเรียก วาเด็งว่า  ‘พระสหาย’ ของพระองค์

 

เรียบเรียง : บทความ “เรื่องเล่าจากองคมนตรี…ความทรงจำประทับใจ ที่ไม่มีวันลบเลือน” นิทาน  สรรพสิริ  

ภาพ : หนังสือ “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับคณะองคมนตรี” และ นิตยสารซีเคร็ต ฉบับที่ 210

ขอขอบคุณแหล่งที่มาข้อมูล  หนังสือ “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับคณะองคมนตรี” จัดพิมพ์เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ  5 ธันวาคม 2554 


บทความน่าสนใจ

บทสวดพร้อมคำแปล คาถาถวายพระราชกุศล ในหลวงรัชกาลที่ 9

ในหลวงรัชกาลที่ 9 – พระราชาผู้เปี่ยมด้วยอัจฉริยภาพด้าน ดนตรี

เซ็ง แซ่ลี ตามรอยในหลวง ด้วยเกษตรทฤษฎีใหม่ รายได้กว่าเจ็ดหลัก

10 พระบรมราโชวาทเพื่อการทำงาน ของในหลวงรัชกาลที่ 9 คำพ่อสอน

การฝึกสติ “พละ ๕ คือกำลังหนุนจิต” – พระราชหฤทัยจากในหลวงรัชกาลที่ ๙

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.