บทความเรื่อง “ไม่เป็นอะไรกับอะไร” เขียนโดย พระไพศาล วิสาโล
เมื่อหลายปีก่อน หลวงพ่อคำเขียน สุวัณโณ ประธานสงฆ์วัดป่าสุคะโต จังหวัดชัยภูมิ (เจ้าของคำสอน ” ไม่เป็นอะไรกับอะไร “) ป่วยด้วยโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ก้อนเนื้อไม่เพียงบีบหลอดลมและทำให้คอบวม หากยังลามแพร่กระจายไปถึงขั้วปอด ท่านต้องเข้ารับการรักษาตัวในห้องไอซียู และเมื่ออาการทุเลาแล้วก็ต้องรับการบำบัดด้วยเคมีและการฉายแสง
ตลอดเวลาหลายเดือนที่รักษาตัวนั้น ท่านได้รับทุกขเวทนามาก แต่ท่านแทบไม่แสดงอาการเจ็บปวดใด ๆ เลย แม้บางครั้งหายใจไม่สะดวก ท่านก็ไม่มีอาการกระสับกระส่าย ท่านเล่าให้ลูกศิษย์ฟังในเวลาต่อมาว่า “การปวดนี่มันก็ไม่ได้ลงโทษเรา ไม่เท่าไหร่หรอก แต่ (ถ้า) เราเป็นผู้ปวด นี่มันลงโทษเราก็เห็นมันปวด ไปลงโทษอะไรมัน (ทำไม)”
ท่านยังเล่าอีกว่า ตอนนอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลนั้น“มันแสนสบายหนอ เพราะมีคนทำให้ทุกอย่าง” ท่านกล่าวเสริมอีกว่า “ตอนนั้นไม่ต้องทำอะไรหรอก เห็นไตรลักษณ์อย่างเดียวพอแล้ว มันโชว์ให้เราเห็นเอง”
ต่อมามะเร็งต่อมน้ำเหลืองกลับมาใหม่ ทีแรกก็อุดหลอดอาหาร ต่อมาก็อุดหลอดลม ท่านจึงต้องรับอาหารทางสายยางและหายใจทางท่อ ไม่สามารถพูดได้ ต้องสื่อสารกับผู้อื่นด้วยการเขียนหรือใช้มือ
ความเจ็บป่วยครั้งนี้ก่อทุกขเวทนาให้แก่ท่านมาก อีกทั้งยังทำให้ท่านอ่อนเพลียอย่างยิ่ง ท่านตระหนักดีว่า คราวนี้คงจะไม่รอด แต่ท่านก็ไม่รู้สึกทุกข์ร้อนแต่อย่างใด เพราะ“เวลานี้มีแต่ปล่อยวาง ไม่เป็นอะไรกับอะไร”
เป็นเวลาหลายสิบปีที่หลวงพ่อคำเขียนได้ย้ำกับลูกศิษย์เสมอว่า ให้มีสติรู้กายรู้ใจอยู่เนือง ๆ หลักสำคัญก็คือ “เห็น อย่าเข้าไปเป็น” เมื่อท่านล้มป่วย ท่านได้อาศัยสติในการรับมือกับทุกขเวทนา ดังท่านเล่าว่า “มีแต่สติเป็นสภาวะที่ดู ไม่ได้เข้าไปเป็นอะไรกับอาการที่เกิดขึ้นกับกายและใจ จิตใจไม่มีอะไรครอบงำได้ เป็นอิสระเลย ไม่ต้องเป็นอะไรกับอะไร”
กายป่วย แต่ใจไม่ป่วยนั้น เป็นสิ่งที่ทำได้ เมื่อกายป่วย ก็ต้องรักษาหรือบรรเทาด้วยยา หลวงพ่อไม่อยู่ในวิสัยที่จะช่วยตัวเองได้ในเรื่องนี้ จึงต้องพึ่งหมอ พยาบาล และลูกศิษย์ ส่วนจิตใจนั้น ท่านดูแลด้วยตนเองอย่างดีจนไม่รู้สึกเจ็บป่วยไปกับกาย ท่านอธิบายว่า “ธาตุขันธ์ยังเป็นภาระต่อผู้อื่น ส่วนจิตใจ ไม่ต้องมีใครช่วย มีสติ มีจิตดูจิตเอง ไม่มีอะไรที่จะต้องไปเป็น เลยไม่ต้องเป็นอะไร”
คลิกเลข 2 ด้านล่าง เพื่ออ่านหน้าถัดไป>>>