เรื่องราวความรักสมัยพุทธกาล
ความรักตามหลักพระพุทธศาสนามีมาเพื่อให้เรียนรู้ว่า “ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์” ประโยคนี้เป็นประโยคที่ได้ยินกันอยู่เสมอ แล้วความรักเป็นบ่อเกิดแห่งทุกข์จริงหรือ เชิญมาพบกับ เรื่องราวความรักสมัยพุทธกาล ความรักระหว่างนางสามาวดีกับพระเจ้าอุเทนแห่งกรุงโกสัมพี
รักมีแต่ให้ : นางสามาวดี เอตทัคคะผู้อยู่ด้วยความเมตตา
นางสามาวดี เป็นธิดาของเศรษฐีนามว่า ภัททวดีย์ ต่อมาบิดามารดาถึงแก่กรรม โฆสกเศรษฐี ผู้เป็นสหายของบิดาจึงรับอุปการะนางดุจลูกสาวแท้ ๆ หลังจากนั้นจึงได้อภิเษกเป็นอัครมเหสีของพระเจ้าอุเทนแห่งเมืองโกสัมพี
วันหนึ่งนางสามาวดีให้หญิงบริวารไปซื้อดอกไม้ โดยหญิงผู้นั้นมีโอกาสฟังพระธรรมเทศนาจากพระพุทธเจ้าที่ร้านขายดอกไม้จนบรรลุเป็นพระโสดาบัน แล้วกลับมาแสดงธรรมให้แก่นางสามาวดีพร้อมหญิงบริวารอื่น ๆ ฟังจนบรรลุโสดาบันด้วยกันทั้งหมด หลังจากนั้นนางสามาวดีก็มีจิตศรัทธาเลื่อมใสตั้งมั่นอยู่ในพระรัตนตรัย สนใจธรรม ปฏิบัติธรรมและสมาทานรักษาศีลอุโบสถอยู่เป็นประจำ
ต่อมาพระเจ้าอุเทนได้อภิเษกกับนางมาคันทิยา สาวงามแห่งแคว้นกุรุ เพื่อเป็นมเหสีอีกองค์หนึ่ง โดยบิดาและมารดาของนางมาคันทิยาเคยตั้งใจจะยกนางให้กับพระพุทธเจ้า แต่พระองค์ทรงปฏิเสธ และทรงแสดงธรรมโปรดสองสามีภรรยาจนบรรลุเป็นพระอรหันต์ แต่นางมาคันทิยากลับโกรธเคืองพระพุทธองค์อย่างมาก
ด้วยความแค้นเคืองในพระพุทธเจ้าและเห็นว่านางสามาวดีเป็นมเหสีคู่แข่งจึงใส่ร้ายนางสามาวดีหลายเรื่อง เช่น ออกอุบายให้พระเจ้าอุเทนเข้าใจว่านางสามาวดีเอาใจออกห่างพระองค์และปันใจให้พระพุทธเจ้า นำงูที่ถอดเขี้ยวแล้วไปปล่อยในพิณที่พระเจ้าอุเทนทรงเล่นประจำและใส่ร้ายว่านางสามาวดีจะลอบปลงพระชนม์ เหตุการณ์ข้อหลังนี้เอง ทำให้พระเจ้าอุเทนลงโทษนางสามาวดีด้วยการเล็งธนูไปยังหัวใจของนาง แต่ก่อนที่ลูกศรจะแล่นไปนั้น นางสามาวดีให้โอวาทแก่บริวารว่า “แม่หญิงสหายทั้งหลายที่พึ่งอื่นของเราไม่มี เธอทั้งหลายจงเจริญเมตตาจิตให้สม่ำเสมอส่งไปให้แก่พระราชา แก่พระเทวีมาคันทิยาและแก่ตนเอง อย่าถือโทษโกรธต่อใคร ๆ เลย”
ครั้นโอวาทจบลง พระเจ้าอุเทนก็ปล่อยลูกศรออกไป แต่แทนที่ลูกศรจะพุ่งเข้าสู่หัวใจของนางสามาวดี กลับหวนพุ่งใส่พระองค์เสียเอง จึงทรงคิดว่า
“ธรรมดาลูกศรนี้ย่อมแทงทะลุแม้กระทั่งแผ่นหิน บัดนี้สิ่งที่เป็นวัตถุที่จะกระทบในอากาศก็ไม่มี เหตุใดลูกศรจึงหวนกลับเข้าหาตัวเรา ลูกศรนี้แม้ไม่มีชีวิตจิตใจ แต่ก็ยังรู้จักคุณของพระนางสามาวดี เราเสียอีกที่เป็นมนุษย์กลับไม่รู้คุณของพระนาง”
คิดได้ดังนั้นพระองค์จึงทิ้งคันธนู ประนมพระหัตถ์ประคองอัญชลีกราบพระบาทของพระนางสามาวดี อ้อนวอนให้พระนางยกโทษให้และขอถือพระนางเป็นที่พึ่งตลอดไป นางสามาวดีกราบทูลว่านางมีพระบรมศาสนาเป็นที่พึ่ง ตั้งแต่นั้นมาพระเจ้าอุเทนจึงทรงศรัทธาในพุทธศาสนา ทรงรักษาศีลฟังธรรมร่วมกับพระนางสามาวดีตามกาลเวลาและโอกาสอันสมควร
นางมาคันทิยายิ่งแค้นเคืองนางสามาวดีที่ทำให้พระเจ้าอุเทนหันไปเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า จึงวางแผนลอบสังหารนาง
วันหนึ่งขณะที่พระเจ้าอุเทนเสด็จประพาสราชอุทยาน นางมาคันทิยาสั่งให้คนรับใช้เอาผ้าชุบน้ำมันไปพันที่เสาทุกต้นในปราสาทของนางสามาวดี และเกลี้ยกล่อมให้นางสามาวดีและบริวารเข้าไปรวมอยู่ในห้องเดียวกัน จากนั้นจึงลั่นกลอนประตูแล้วจุดไฟเผา ขณะที่ไฟกำลังลามเข้ามาใกล้ตัว นางสามาวดีมีสติมั่นคงไม่หวั่นไหว พร้อมกล่าวโอวาทแก่หญิงบริวารว่าให้เจริญเมตตาไปยังบุคคลทั่ว ๆ ไป รวมทั้งนางคันทิยาด้วยและขอให้ทุกคนมีสติไม่ประมาท มีจิตตั้งมั่นในเวทนาปริคคหกัมมัฏฐานอย่างมั่นคง ไม่นานไฟก็เผาผลาญนางสามาวดีและบริวารจนถึงแก่กรรม ไปบังเกิดในสุคติโลกสวรรค์ด้วยกันทั้งหมด
พระพุทธเจ้าทรงยกย่องนางสามาวดีว่าเป็นเอตตทัคคะฝ่ายผู้อยู่ด้วยเมตตา เนื่องจากนางไม่โกรธตอบนางมาคันทิยาที่คิดปองร้ายตน แม้ขณะใกล้ตายยังกล่าวโอวาทแก่หญิงบริวารทั้งหลายว่าให้แผ่เมตตาให้กับคนทั่วไปและนางมาคันทิยาผู้สังหารตัวเองด้วย นับได้ว่านางสามาวดีคือตัวอย่างของการมีความรักที่บริสุทธิ์ ซึ่งมนุษย์ทุกคนควรเอาแบบอย่าง
ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์ แต่ถ้ารักแบบพุทธ จะพบความสุขขณะที่รัก
ที่มา นิตยสาร Secret
เรื่อง Pitchaya
บทความน่าสนใจ
เรื่องรัก ๆ ฉบับพุทธกาลของ นางสามาวดี เอตทัคคะผู้อยู่ด้วยความเมตตา
พระนางสามาวดี นางผู้ถูกเผาทั้งเป็นด้วยกรรมเก่า
คำสาปทั้ง 3 ประเภท ที่ทำให้ ความรักไม่ยั่งยืน
เค้าว่ากันว่า “ความรัก” ทำให้คนเราทำได้ทุกอย่าง จริงหรือ?
10 ขั้นตอน ชวนคนรักให้ รักษาศีล หลักการแสดงความรักที่เป็นรูปธรรม