“อยากอยู่เย็น” ต้อง “หยุดยื้อยุด” เคล็ดลับสำหรับคนอยากเลิก ทุกข์กับความรัก โดย แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต
คู่สามี – ภรรยาที่เดินเคียงข้างกันอย่างมีความสุขในสังคม…ไม่ได้หมายความว่าชีวิตคู่จะราบรื่น สวยงาม ไร้ปัญหา ในขณะที่สามี – ภรรยาบางคู่ทะเลาะเบาะแว้งกันบ่อย ๆ…ก็ไม่ได้แปลว่า ทั้งสองไม่ได้รักกัน หรือชีวิตครอบครัวของทั้งสองกำลังจะล่มสลาย ไร้ทางออก ทุกข์กับความรัก
ที่กล่าวข้างต้นนี้…เพียงแค่อยากจะบอกว่า
บางครั้งภาพที่เห็นก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นจริง ๆ…
จดหมายของผู้อ่านฉบับหนึ่งที่มาถึงข้าพเจ้า บอกเล่า
เรื่องราวความทุกข์เกี่ยวกับความไม่ซื่อสัตย์ของสามี แต่เธอก็ยังคงต้องการดำรงความเป็นครอบครัวอยู่ เธอเล่าว่า…
ดิฉันติดตามอ่านบทความที่คุณแม่เขียนและมีโอกาสได้ฟังธรรมะที่คุณแม่แสดงอยู่บ่อยครั้งค่ะ วันนี้จึงใคร่ขอโอกาสให้คุณแม่ให้คำแนะนำเพื่อเป็นกำลังใจให้ดิฉันด้วยค่ะ
ดิฉันอายุ 30 เศษ มีบุตร 2 คน อายุ 10 และ 7 ขวบ ทุกข์ของดิฉันคือสามีมีผู้หญิงอื่นค่ะ เขาเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา เมื่อรู้สึกระแคะระคาย ดิฉันจึงตามดูเขา แล้วก็ได้รู้ว่าเขามีผู้หญิงคนใหม่จริง ๆ ทำงานที่เดียวกัน แต่อายุน้อยกว่า ผู้หญิงคนนั้นมีสามีแล้วและมีลูก 2 คน เมื่อดิฉันคาดคั้น เขาก็ยอมรับและยืนยันว่าเลิกไม่ได้ ส่วนผู้หญิงคนนั้น สามีของเธอก็รู้เรื่องแล้วและไล่เธอออกจากบ้าน แม้จะรับไม่ได้ แต่เขาก็ยังไม่ยอมหย่ากับเธอ
เมื่อความลับถูกเปิดเผย สามีก็ขอหย่ากับดิฉัน แต่ดิฉันไม่ยอมหย่า เขาเคยแม้กระทั่งเอาปืนมาขู่ดิฉัน ซ้ำยังบอกว่าจะเอาลูกไปถ้าดิฉันไม่ยอมหย่า แต่ดิฉันก็ยืนยันที่จะไม่หย่า
ทุกวันนี้เขาซื้อบ้านอีกหลังอยู่กับผู้หญิงคนนั้นอย่างเปิดเผยไม่แคร์สายตาชาวบ้านและเพื่อนฝูง แม้กระทั่งคุณแม่ของดิฉันที่อยู่ร่วมบ้านกับดิฉัน เขาก็ไม่เกรงใจ วัน ๆ เขาไม่เคยอยู่บ้าน ไปหาผู้หญิงคนนั้นตลอด แต่เวลาที่เขากลับมาอยู่บ้าน สัมพันธภาพของเราก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้น
ทุกวันนี้ดิฉันอยู่ได้ด้วยธรรมะ บางครั้งก็รู้สึกดีใจที่เกิดเหตุการณ์นี้เพราะทำให้ได้รู้จักกับธรรมะ แต่ยังต้องศึกษาและหาความรู้อีกมาก ขอความเมตตาจากคุณแม่ช่วยสอนและให้แง่คิดแก่ดิฉันด้วยเถิดค่ะ…
เข้าตำรา “สองหญิงหนึ่งชาย” ค่ะ
แต่ “สองหญิง” คือ “คุณ” และ “ผู้หญิงอีกคน” ของสามี ต่างก็มีภาระคือลูกทั้งคู่

เรื่องนี้เป็นเรื่องของการรักษาสถานภาพของสามี – ภรรยา แต่ไม่ได้รักษาสถานภาพของความสุข เราแค่รักษาสถานภาพ แต่ไม่ได้รักษาใจให้เป็นสุข
คุณไม่ยอมหย่าจากเขาเพราะคุณต้องการรักษาสถานภาพ ทั้ง ๆ ที่สามีของคุณอยากหย่า ส่วนผู้หญิงใหม่ของสามีคุณ สามีของผู้หญิงคนนั้นก็ไม่อยากหย่า ทั้ง ๆ ที่ภรรยาอยากหย่า
คุณและเขามีเหตุผลเดียวกันคือ…เพื่อรักษาสถานภาพ!
เหตุใดคุณต้องสูญเสียความสุขเพื่อรักษาสถานภาพ เพื่อทำให้คนอื่นเห็นว่าคุณมีความสุข
คุณควรต้องซื่อสัตย์กับตัวเองว่า จริง ๆ แล้วสถานภาพที่รักษาไว้นั้นเรียกว่าความสุขจริงหรือ
ไม่มีใครบอกคุณได้ดีเท่าตัวคุณเองหรอกค่ะ ว่าแท้ที่จริงแล้วคุณก็ไม่ได้เป็นสุข
ทุกครั้งที่ใจของคุณไปอยู่กับสามีที่เฝ้าแต่ขอหย่า แล้วเขาก็ไปยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงอีกคนอย่างออกหน้าออกตา…คุณก็รู้สึกทุกข์เหลือเกิน
การได้สถานภาพที่คนอื่นรู้สึกเหมือนว่าคุณยังเป็นครอบครัวอยู่ แต่คุณทุกข์…
สิ่งที่ครอบครองอยู่นั้นจะมีค่าอะไรคะ
อย่าอดทนอยู่กับสิ่งที่ไม่ได้เป็นของคุณเลยค่ะ
แต่จงกลับมาเคารพตัวเอง แล้วมองทุกเรื่องอย่างเข้าถึงความเป็นจริง
อย่ามองปัญหาอย่างคนที่ต้องการความถูกผิด
อย่าแก้ปัญหาอย่างมองว่าใครถูกใครผิด
แต่ให้แก้ปัญหาอย่างมองให้เข้าถึงความเป็นจริง
เมื่อคุณเห็นอะไร ๆ ตามความเป็นจริง คุณจะรู้ว่าคุณจะอยู่กับสถานภาพที่คุณรักษาไว้ หรือคุณจะวางสถานภาพนั้นลง แล้วกลับมารักษาใจของคุณให้ปลอดภัยจากอคติและความเพ่งโทษ
คุณไม่ได้ทำอะไรผิด แต่คุณก็ทุกข์เพราะคุณคิดต่อสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่ถูกต้อง
สี่คนก็สี่ทุกข์…ทุกข์กันทุกคน จึงอยากให้กำลังใจว่า คุณกำลังปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม เพื่อเห็นทุกข์ แล้วเป็นอิสระจากทุกข์
ระหว่างการรักษาสถานภาพที่คุณก็รู้อยู่เต็มอกว่าคุณทุกข์เหลือเกินกับรักษาใจตัวเอง ใจคนที่คุณรัก ในที่นี้คือคุณแม่และลูกของคุณ แล้วมองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเข้าถึงความเป็นจริงว่าเรื่องราวเหล่านี้มันเปลี่ยนแปลงได้
คุณรู้ดีว่าควรจะเลือกอะไร!
เริ่มต้นที่ตัวเองเถอะค่ะ อย่าทนอยู่กับสิ่งที่อยู่แล้วคุณจมอยู่กับอคติและเพ่งโทษเลย ถอยออกมาแล้วแค่ยืนดู เห็น…แต่ไม่ลงไปคลุกคลี เห็นทุกอย่างที่มันเป็น แล้วทำให้ใจของคุณเป็นอิสระจากทุกข์ดีกว่า…
นั่นคือการรักษาความเป็นมนุษย์ของคุณ
อย่าจมอยู่กับเรื่องราว “สองหญิงหนึ่งชาย” อย่างนี้อยู่เลย มันเสียเวลาเปล่า
ขอให้กำลังใจค่ะ
จริง ๆ แล้วเคยมีคนถามคำถามทำนองนี้อยู่บ่อย ๆ และข้าพเจ้ามักจะยกตัวอย่างให้เห็นว่า
ถ้าคุณมีอะไรสักอย่างหนึ่งที่กำลังบูดเน่าอยู่ในมือของคุณ คุณจะทำอะไรกับมัน!
ก็ขอถามคำถามนี้กับคุณอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้คุณตัดสินใจเอง
ถ้าไม่มี “ปัญญา” ที่จะทำ “ขี้” ให้เป็น “ปุ๋ย” แล้วต้องทนอยู่กับ “ขี้”คุณก็คงทุรนทุราย เพราะเขาเปรียบเสมือนงูที่เปื้อนคูถ คุณตามจับเขามากเท่าไร เขาก็ยิ่งดิ้นรนมากเท่านั้น อาจถึงขนาดเอา “ขี้” มาเปื้อนคุณด้วย
ถึงขั้นเคยเอาปืนมาขู่คุณ…
คุณก็ต้องรักตัวเองแล้วละค่ะ
ที่มา นิตยสาร Secret
บทความน่าสนใจ
ใช้ทุกข์ดับทุกข์ สัมผัสนิพพานสุข…ที่นี่และเดี๋ยวนี้ โดย พระอาจารย์มานพ อุปสโม
ความทุกข์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ธรรมะโดย หลวงพ่อทูล ขิปฺปปญฺโญ
Dhamma Daily : เคยนอกใจแฟน แต่สำนึกผิดแล้ว ลบล้างผลกรรมได้ไหม