หญิงลี ศรีจุมพล เจ้าหญิงแห่งวงการหมอลำซิ่งยอดกตัญญู
หญิงลี ศรีจุมพล สาวบุรีรัมย์ผู้ตกหลุมรักเสียงเพลงมาตั้งแต่เด็ก วันนี้เธอคือหนึ่งในนักร้องหมอลำซิ่งที่มีชื่อเสียงที่สุดคนหนึ่ง กว่าจะมีวันนี้ มาฟังว่าเธอผ่านอะไรมาบ้าง
ชอบร้องเพลงมาตั้งแต่เด็กเลยหรือเปล่าคะ
ตอนเป็นเด็ก ชอบฟังเพลงมาก เพราะเวลาทำนาพ่อชอบเปิดเพลงไปด้วย ส่วนใหญ่เป็นเพลงลูกทุ่ง เพลงหมอลำ เพลงอีสาน ของคุณอาพรศักดิ์ ส่องแสง คุณอาสาธิต ทองจันทร์ จนกระทั่งได้ฟังเพลง ‘โบว์รักสีดำ’ ของศิริพร อำไพพงษ์ ที่ดังมากในตอนนั้น ปรากฏว่าหญิงร้องได้ทั้งๆ ที่เป็นเพลงที่ยาวและร้องยากมาก ต่อมาก็ไปร้องเพลงตามงานวัด พ่อแม่ก็สนับสนุนเต็มที่ จึงฝันว่าอยากเป็นนักร้องวงอิเล็กโทน ร้องหมอลำ รับจ้างแถวบ้าน ไม่เคยคิดว่าจะได้เป็นนักร้องออกเทป เพราะตอนนั้นรู้สึกว่าเสียงเพลงที่ออกมาจากวิทยุเหมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างไรก็ไม่รู้ คงเป็นไปไม่ได้แน่นอนที่เราจะออกเทปที่มีเสียงออกมาจากวิทยุแบบนั้น
พออายุ 14 ปี อาจารย์ที่อยู่วงดนตรีอิเล็กโทนแถวบ้านชื่อ ‘วงลูกน้ำ’ มาขออนุญาตพ่อกับแม่ให้ไปเป็นนักร้องของวง หญิงเคยอยากเป็นหางเครื่อง แต่อาจารย์บอกว่า ‘เป็นไม่ได้ เธอเตี้ยเกินไป’ (หัวเราะ) การเป็นนักร้องเด็กช่วงนั้นได้ทิปจากชาวบ้านครั้งละ 10-20 บาท ก็ดีใจแล้ว แต่บางงานได้ถึง 300 บาท ซึ่งยิ่งกระตุ้นให้อยากร้องเพลง เพราะนอกจากเป็นงานที่ทำแล้วมีความสุข ยังได้เงิน ได้เที่ยว ได้นั่งรถไปหลายหมู่บ้าน ส่วนใหญ่ ร้องเพลงแถวบ้านเกิดที่อำเภอนาโพธิ์ หญิงใช้ชีวิตอย่างนี้ตั้งแต่ม. 2พอขึ้น ม.4 ก็มีโอกาสได้ไปร้องที่โคราชด้วย ที่สำคัญดีใจมากที่มีเงินเก็บ ”
ต้องไปร้องเพลงต่างจังหวัด พ่อแม่ไม่ห่วงหรือคะ
ตอนแรกพ่อแม่ก็เป็นห่วงเหมือนกัน แต่ครูดูแลดี จึงไม่มีปัญหาอะไร สิ่งที่พ่อกังวลมากกว่าคือ คำนินทา คำดูถูกเหยียดหยามว่าเป็นอาชีพเต้นกินรำกิน ตอนขึ้นม. 4 ซึ่งต้องได้ไปร้องเพลงที่โคราช ช่วงนั้นพ่อไปทำงานก่อสร้างที่มาบตาพุด จังหวัดระยอง พ่อโทรมาบอกแม่ว่าให้ลูกเลิกร้องเพลง เพราะกลัวเรียนไม่จบ เลยสัญญาว่าจะเรียนให้จบ ม.6 จะไม่มีผัวก่อน พ่อกลัวมีผัว (หัวเราะ) แต่หญิงอยากอยากร้องเพลง อยากมีเงินเก็บ อยากพิสูจน์ให้พ่อเห็นว่าลูกไม่ได้เกเร ทำงานได้เงินจริงๆ
เดินสายร้องเพลงกับวงมีปัญหาอะไรบ้างไหมคะ
ถ้าพูดถึงความเป็นอยู่ก็ค่อนข้างลำบาก หัวหน้ามีลูกน้องเยอะ ตอนนั้นก็ต้องนอนเบียดกับคนอื่น จะถือยศถืออย่างว่าเป็นนักร้องแล้วนอนแยกไม่ได้ ซึ่งทำให้ได้เรียนรู้เรื่องการอยู่กับคนหมู่มาก แล้วก็มีคนไม่ชอบเราเหมือนในละครเลย หมั่นไส้เกลียดกัน ไม่คุยกัน กระแหนะกระแหนกัน แรกๆ รับไม่ได้เลย สักพักพอปรับตัวได้ก็รักใคร่กลมเกลียวเป็นเพื่อนกัน และหัวหน้าก็เมตตา หญิงเรียนไปด้วยร้องเพลงหาเงินไปด้วยจนจบม.6 แล้วก็ไม่ได้เรียนหนังสือต่อ เพราะเรียนไม่เก่ง จึงมุ่ง ไปที่การเป็นนักร้องอย่างเดียว โดยไปเรียนร้องเพลงหมอลำซิ่งอย่างจริงจัง
ไปเรียนวิชาหมอลำซิ่งกับใคร และต้องเรียนอะไรบ้างคะ
หญิงไปขอเป็นลูกศิษย์อาจารย์วัชราภรณ์ สมสุข ที่อุบล แม่ครูเมตตาให้เรียนเพราะเห็นว่าเราสู้และกล้าไปขอเรียน เรียนกับแม่ครูอยู่ 3 เดือนว่าวิชากลอนลำเป็นอย่างไร ทำอย่างไรลำให้ถูกคีย์ หลังจากนั้นก็กลับมาเปิดวงหมอลำเองที่บ้าน เรียนรู้ด้วยตัวเอง แต่งเพลง แปลงเนื้อเพลงเอง จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการแต่งเพลงแต่งกลอนลำได้
หลังจากเป็นหมอลำซิ่ง อาจารย์วัชราภรณ์พามาแนะนำให้รู้จักกับอาจารย์สวัสดิ์ สารคาม ซึ่งเป็นคนดูแลมาตลอดตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงปัจจุบัน เคยออกอัลบั้มตอนอายุ 20 แต่ไม่ดัง เพราะเนื้อหาเพลงหมิ่นเหม่ ผิดศีลธรรม จึงถูกแบนจากกระทรวงวัฒนธรรม จากที่กำลังดัง มีงานเยอะ ก็ถูกห้ามเปิดเพลงออกอากาศ จึงกลับมาร้องทำวงเหมือนเดิม
แม้จะมีงานพอสมควร แต่การมีวงเป็นของตัวเอง เป็นการลงทุนที่ไม่จบสิ้น หมดเงินไปหลายแสนในที่สุดก็เจ๊ง ทำให้หญิงรู้สึกเหนื่อยและท้อ จึงเลิกวง แล้วเปลี่ยนไปทำงานอย่างอื่น จนอายุ 25 ปีก็ย้ายจากบุรีรัมย์ มารับจ้างร้องเพลงและเปิดร้านเสริมสวยที่กรุงเทพไปพร้อม ๆ กัน
วันไหนไปร้องเพลงก็ไม่ได้เปิดร้าน กลายเป็นว่าต้องปิดร้านบ่อย จึงคิดว่าทำร้านไปก็ไม่คุ้ม ร้องเพลงอย่างเดียวดีกว่า ตอนนั้นอายุ 27 มีรถเก๋งคันหนึ่ง แดนเซอร์สี่คนนั่งข้างหลัง หญิงเป็นคนขับ เอาชุดใส่ท้ายรถ พากันไปร้องเพลงตามสถานที่ต่าง ๆ รายได้เดือนหนึ่งแค่พอสำหรับใช้จ่ายส่วนตัวและส่งให้ทางบ้าน
เข้าเป็นนักร้องสังกัดแกรมมี่ได้อย่างไร
ช่วงที่ย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ มารับจ้างร้องเพลง ก็ได้มาฝากฝังตัวเองกับครูเพลงทั้งวงการ บอกว่าหนูมีความสามารถนะ หนูอยากออกเทปกับค่ายไหนก็ได้ หนูสัญญาว่าจะทำผลงานให้ดี จะไม่ทำให้ขาดทุน จนกระทั่งอาจารย์สวัสดิ์ชักชวนให้มาทดสอบเสียงที่แกรมมี่โกลด์ ช่วงนั้นบริษัทต้องการนักร้องแนวลูกทุ่งหมอลำซิ่งอยู่พอดี ปรากฏว่าผ่านการคัดเลือกจนได้เซ็นสัญญา และมีผลงานแรกคืออัลบั้ม ขาขาวสาวลำซิ่ง (2555) อาจารย์สวัสดิ์เป็นโปรดิวเซอร์
ตอนแรกหญิงยังไม่กล้าบอกใครว่าจะได้ออกเทป บอกเฉพาะพ่อแม่ว่ามาทำเพลง เพราะกลัวชาวบ้านว่าขี้โม้ จนวันที่ได้ออกทีวีจึงกล้าบอกคนอื่น พอออกเทป ปรากฏว่ามีคนโทรมาหาเต็มไปหมด พ่อเห็นหญิงออกทีวีก็ดีใจร้องไห้ สงสารลูกว่าสู้อยู่คนเดียวแล้วทำได้ขนาดนั้น เพราะคนที่ดูถูกว่ามาขายตัวก็มี เราคิดในใจว่าร้องเพลงงานหนึ่งได้ค่าตอบแทนเยอะกว่าขายตัวอีก อะไรที่เขาดูถูกมันเป็นแรงผลักดันให้เราต้องทำให้สำเร็จให้ได้
หลังจากอัลบั๊มแรกออกวางจำหน่าย ผลตอบรับดีเกินคาดใช่หรือไม่
ทุกคนไม่ได้คาดหวังว่าหญิงลี โดยเฉพาะเพลง “ขอใจเธอแลกเบอร์โทร” จะดังมากขนาดนี้ หญิงก็ไม่ได้คิดว่าจะดังมากขนาดนี้ ทุกคนถามว่าเธอไม่รู้ว่าเธอดังเหรอ ก็จะตอบเขาไม่รู้ค่ะ คิดว่ามีงานเยอะเฉยๆ มารู้ว่าตัวเองดังตอนที่มีนักข่าวมาสัมภาษณ์ มีไมค์ประมาณ 30 ตัว รู้สึกเหมือนดาราเลย และตั้งใจว่าต้องรักษาตรงนี้ให้ดี ต้องคิดว่าเราเป็นคนของประชาชน เวลาออกสื่อต้องวางตัวให้เหมาะสม
ดังเร็วขนาดนี้เคยหลงตัวเองบ้างไหมคะ
มีคนชื่นชมเยอะ ถ้าเชื่อคำสรรเสริญเยินยอเราอาจหลงตัวเองได้ แต่หญิงจะนึกถึงวันแรกที่เดินมาขอทำงาน วันที่เคยสัญญาว่าจะไม่ดื้อ ไม่เกเร ไม่หลงตัวเอง ไม่ลืมตัว ไม่มองข้ามใคร นึกถึงแฟนเพลงที่มาดูว่าเขาลำบากแค่ไหน เขาเบียดกันแค่ไหน ฉะนั้นต้องห้ามหลงตัวเอง ห้ามคิดว่าฉันดัง ฉันต้องอยู่โรงแรมห้าดาว ต้องไฮโซ ให้คิดว่าคนที่มาดู เขารักเรา ถ้าเราเป็นเขา มายืนรอดูศิลปินที่ตนเองชื่นชม แล้วศิลปินเล่นไม่ดี พูดไม่ดี ทำตัวหยิ่ง เราจะรู้สึกผิดหวังกับศิลปินคนนั้นขนาดไหน เอาใจเขามาใส่ใจเรา คิดแค่นี้ทุกอย่างจบ
ชีวิตเปลี่ยนไปเยอะไหมคะหลังจากเข้าวงการ และมีวิธีรับมือกับความดังอย่างไรบ้าง
ทำตัวปกติ รับผิดชอบให้ดีที่สุด แม้ว่าบางอย่างอาจไม่สมบูรณ์แบบ แต่เราก็พยายามทำออกมาไม่ให้แย่ เรื่องเงินทอง ทุกวันนี้หญิงคิดว่า ไม่ว่าจะมีมากมายแค่ไหนก็ไม่ควรอวดรวย ได้เงินมาต้องทำบุญตอบแทนสังคม ส่วนไหนที่ช่วยได้ก็ช่วย ถ้ามากเกินไป ก็บอกไปตรง ๆ ว่าไม่ไหว เรื่องที่ต้องยอมก็ยอม บางเรื่องต้องรู้เขารู้เรา ต้องอยู่ให้เป็น อย่าไปโกรธเกลียดใคร ต้องปล่อยวาง คนที่เรารักและคนที่รักเราก็ยังมี หญิงคิดเสมอว่า ’มีเพื่อนน้อยดีกว่ามีเพื่อนเป็นร้อยที่ไม่จริงใจ’ ถ้าตั้งหลักมาคุยกันแต่เรื่องธุรกิจ เรื่องผลประโยชน์เราพอรู้ ก็จะอยู่ห่างๆ ไป
ถ้าอย่างนั้นความสุขของหญิงลีทุกวันนี้คืออะไรคะ
คือการได้ร้องเพลง ได้ทำให้คนที่เรารักมีความสุข ชอบอยู่บนเวทีทำให้คนมีรอยยิ้ม เวลาเห็นแฟนๆ ร้องตามหน้าเวทีแล้วมันมีพลัง มันเป็นสิ่งมหัศจรรย์ แม้บางวันมีคนดูหน้าเวทีร้อยสองร้อยคน บางวันสองสามพันคน แต่ถ้าวันไหนมีคนเป็นหมื่น แล้วเข้างานไม่ได้ ต้องถอยรถกลับ จะรู้สึกสงสารแฟนเพลง อยากให้เขาได้ดูเราทุกคน
เมื่ออยู่บนเวทีจึงตั้งใจร้องเพลงให้สมบูรณ์แบบ ให้คนฟังประทับใจ นี่คือสิ่งที่หญิงยืนหยัด ถึงแม้ไม่ได้ออกสื่อ ไม่ได้ออกเทปก็ไม่เป็นไร ขอให้ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก ไม่อยากได้ยินคำว่า ‘อุตส่าห์มาดู ไม่เห็นดีเลย ผิดหวัง’ อยากให้เขาชื่นชมว่าเราเล่นดี ไม่ผิดหวัง ให้สมกับที่เขาตั้งใจมาดูเรา
แล้วตัวตนที่แท้จริงของหญิงลีเป็นอย่างไร เหมือนกับภาพที่แฟนเพลงวาดหวังไว้หรือไม่
ตัวตนของหญิงเป็นแบบเพลงหญิงลั้ลลาเลยค่ะ แต่มีข้อหนึ่งที่ไม่ตรงคือเรื่องดื่ม หญิงเป็นคนคออ่อน แพ้แอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นผลดีต่อเสียงเราไปด้วย
ทุกวันนี้คิดแค่ว่าทำทุกวันให้มีความสุข ไม่ทำชั่ว ไม่เอาเปรียบใคร แต่ก็ไม่ชอบให้ใครมาเอาเปรียบ คติประจำใจของหญิงคือ “บุญคุณต้องทดแทน ถ้าทำให้เจ็บแค้นก็เลิกคบ” ถ้าคนไหนที่ทำไม่ดี เราก็อย่าไปยุ่งด้วย
หญิงลีได้ชื่อว่าเป็นนักร้องยอดกตัญญูคนหนึ่งของวงการ
หญิงคิดว่าทุกคนกตัญญูเหมือนกันหมด เพียงแต่โอกาสของคนเราไม่เท่ากัน บางคนได้เงินเดือนไม่มาก ต้องจุนเจือตัวเอง ลูกเมีย ครอบครัว จึงมีเงินให้พ่อแม่ไม่มากนัก แต่ละคนมีเวลาไม่เท่ากัน รายได้ไม่เท่ากัน เผอิญหญิงเป็นคนของสังคม มีคนติดตาม จึงเห็นว่าหญิงทำอะไรให้พ่อแม่ครอบครัวบ้าง แต่ความจริงแล้วหญิงก็รักพ่อแม่เหมือนคนอื่นทั่วไป มีเงินก็ให้พ่อแม่ หญิงให้เงินพ่อแม่มาตั้งแต่อายุ 16 ปี จนถึงตอนนี้อายุ 32 ปีแล้ว ซื้อปุ๋ยทำนา ผ่อนโซฟา ตู้เย็น ล่าสุดเพิ่งซื้อรถให้พ่อแม่และน้อง พ่อก็เป็นคนตลก วันที่มารับรถเขาใส่สูทกับนุ่งกางเกงขาสั้นมา คนหัวเราะกันใหญ่
พ่อแม่ปลูกฝังเรื่องทำงานหนักเป็นเรื่องปกติ ท่านทำงานหนักมากแต่ไม่เคยบ่น ท่านทั้งสองมีเรื่องทะเลาะกันบ้าง แต่ไม่เคยตบตีกัน ไม่เคยมีเรื่องชู้สาว นับเป็นโชคดีของหญิงที่มีครอบครัวอบอุ่น แต่เคยน้อยใจเหมือนกัน เวลามีงานโรงเรียนแล้วพ่อแม่ไม่มา ทุกวันนี้กลายเป็นว่าแม่เรียกร้องความรักจากเรามากเลย ยังแซวกลับไปว่า ‘ตอนเด็กแม่ยังไม่มางานเลย’ (หัวเราะ) จริงๆ เราไม่มีเวลา ถ้ามีเวลาก็กลับบ้านไปหาท่านเสมอ
แล้วหญิงลีมีความเชื่อเรื่องทำดีได้ดีหรือเปล่าคะ
เชื่อนะคะ แต่ไม่ใช่ว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะช่วยเราเสมอไป ไม่ใช่ว่าเราไปไหว้พระ แต่เราไม่ทำความดีอะไรเลยแล้วเราจะได้ดี การทำดีคือการมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี มีรอยยิ้มให้ผู้อื่น มีความนอบน้อมถ่อมตน ให้เกียรติผู้อื่น และไม่ใช่ว่าวันนี้ฉันมีเงินแล้ว ฉันสวย ฉันหยิ่ง ฉันเลิศ ไม่สนใจใคร แต่ก่อนเราเป็นเด็กยากจน มีงานบุญที่วัดอยากทำบุญแต่ไม่มีเงิน หญิงเห็นว่าห้องน้ำวัดสกปรกก็ไปช่วยล้างห้องน้ำคือคิดว่าได้บุญแน่ๆ เลย อย่างน้อยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็เห็น เราไม่มีเงินซื้อกระเบื้องมุงหลังคาให้วัด ก็ไปกวาดลานวัดแทน หญิงเป็นคนแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆ เวลาปิดทองจะปิดส่วนที่ไม่มีคนปิด บางคนปิดส่วนที่มีทองอยู่แล้ว บางคนปรารถนาพรตรงไหนก็ปิดทองตรงนั้น เช่น หัวใจ ศีรษะ มือ แต่หญิง ถ้าแหว่งตรงไหนก็ปิดตรงนั้น
แล้วเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ของหมอลำซิ่งที่ชื่อหญิงลีคิดว่าได้มาอย่างไรคะ
หญิงคิดว่าเราอาจ ได้เสียงมาจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อาจเป็นพรสวรรค์ที่พระเจ้าส่งมาให้ เป็นน้ำเสียงที่มีเอกลักษณ์ ทำให้เราสามารถหาเงินได้เยอะ เพราะฉะนั้นเราต้องนำเงินส่วนนี้ไปช่วยเหลือคนอื่น ไม่ใช่”รับ” อย่างเดียวแล้วไม่”ให้”อะไร ไม่อย่างนั้นจะได้ทุกข์มากับลาภ ได้อย่างต้องเสียอย่าง ต้องให้คนอื่นบ้าง ลูกน้องทีมงานต้องดูแลให้ดี
หญิงมีโอกาสทำบุญเรื่อยๆ ค่ะ ล่าสุดมอบเงินให้ที่บ้านสร้างศาลา ซื้อโลงศพที่เป็นโลงไฟฟ้าให้ บางครั้งก็ซื้อพัดลม ตู้เย็น ทีวี ถวายโรงพยาบาล การทำบุญไม่ใช่แค่ทำกับวัด หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น การทำบุญคือการยิ้ม การเป็นกำลังใจให้คนอื่น อย่างเจอพนักงานรปภ. เราจะถามเขาว่า ‘เหนื่อยมั้ยอ้าย เป็นกำลังใจให้เด้อ’ พูดให้เขารู้สึกว่ามีคุณค่า อย่างพนักงานติดตั้งเครื่องเสียงหน้าเวที เขาอาจได้เงินไม่มากแต่เขาทำให้เราได้เงิน ได้ทำงาน หญิงจะเดินเข้าไปยกมือไหว้เลย เพราะพ่อหญิงทำงานก่อสร้าง เวลาเห็นใครลำบาก ก็จะนึกถึงพ่อ นึกถึงตอนที่เราไม่มีกิน ดังนั้นอะไรที่ช่วยได้ก็ช่วย และเมื่อได้ทำแล้วก็รู้สึกดี
ประสบความสำเร็จจนเรียกได้ว่าเป็น “เจ้าหญิงแห่งวงการหมอลำซิ่ง” วงการบันเทิงสอนอะไรหญิงลีบ้าง
วงการบันเทิงสอนให้รู้ว่า ‘ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร’ อย่างสำนวนที่ว่า มดไต่ขอบกระด้ง อย่างไรก็ต้องวนเวียนมาเจอกันเป็นธรรมดา ที่เคยทะเลาะกัน สักวันหนึ่งก็ต้องมาเจอกัน ยกมือไหว้กัน ยิ้มให้กัน ฉะนั้นไม่ควรทะเลาะหรือสร้างศัตรู และเมื่อเราเป็นรุ่นพี่ในวงการแล้ว ต้องให้โอกาสคนอื่นเดินเข้ามาในวงการ อย่างน้องใหม่เข้ามา เราต้องแนะนำให้สังคมได้รู้จัก เพราะตอนเราเข้ามาก็มีรุ่นพี่แนะนำเช่นกัน
หญิงไม่คิดเรื่องว่าจะต้องอยู่เป็นที่หนึ่งเหนือคนอื่นตลอดไป ที่ทำงานอยู่ทุกวันนี้ไม่ใช่จะรักษาอันดับอะไร แต่รักษาน้ำใจของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเด็ก เยาวชน หรือผู้ใหญ่ ที่เขาอยากเห็นหญิงลีร้องเพลง คิดแค่ว่าต้องทำอย่างไรเพื่อให้คนดูหรือแฟนเพลงสมหวัง ไม่ใช่ว่าฉันต้องสวยที่สุด ต้องเป็นนักร้องแนวหน้าที่สุด สักวันหนึ่งเราก็คงร้องเพลงน้อยลง และไปแต่งงานมีครอบครัว แต่ ณ วันนี้ขอทำผลงานให้ดีที่สุด ไม่ให้มีคนมาพูดว่าหญิงลีทำงานไม่ดีเลย ร้องเพลงอะไรก็ไม่รู้ ทำตัวหยิ่ง ต่างๆ นานา
ตลอดเวลาที่ผ่านมา ความตั้งใจจริง ความพยายามที่จะแสวงหาความรู้ การทุ่มเททำงานอย่างเคารพในอาชีพของเธอ รวมไปถึงความกตัญญูและทัศนคติในการใช้ชีวิต ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เธอเหมาะสมกับคำเรียกขานว่า เจ้าหญิงแห่งวงการหมอลำซิ่งอย่างแท้จริง
เรื่อง กรรณิการ์ ทองคำ ภาพปกและภาพประกอบ วรวุฒิ วิชาธร, สรยุทธ พุ่มภักดี
สไตลิสท์ อิ๋งอิ๋ง แต่งหน้า วรธน กฤษณะกลิน ทำผม เพ็ญศรี ประจง
Secret คือแรงบันดาลใจ
สั่งซื้อนิตยสารหรือสมัครสมาชิก Secret ได้ที่ 0-2423-9889
ทาง Naiin.com : https://www.naiin.com/magazines/title/SC/