รัชเขต วีสเพ็ญ- จากนักเลงหัวไม้สู่ นักพูดสร้างแรงบันดาลใจ
ชาวจีนโบราณเคยกล่าวไว้ว่า “ผู้ใดเจอปัญหาหนักที่เลวร้าย แต่สามารถอดทนต่อสู้จนผ่านมาได้ ผู้นั้นควรค่าแก่การยกย่องอย่างยิ่งแต่ถ้าผู้ใดนำมาบอกเล่าให้ฟัง ผู้นั้นยิ่งควรค่าแก่การยกย่องยิ่งกว่า”
รัชเขต วีสเพ็ญ นักเขียนและนักพูดสร้างแรงบันดาลใจ ผู้ที่นำพาตัวเองเดินไปไปบนเส้นทางอันเลวร้าย ยอมเล่าเรื่องของตัวเองให้ผู้คนทั่วไปฟัง เพื่อไม่ให้ใครเดินทางผิดอย่างที่เขาเคยเดิน
“ตั้งแต่เด็ก ผมจะรู้สึกว่าไม่มีใครรักพี่ชายคนโตมีน้าชายรับไปเลี้ยง พี่คนที่สองมีน้าสาวให้ความรักเป็นพิเศษ ส่วนน้องคนเล็กได้รับการเอาใจใส่จากแม่มากกว่าใครส่วนพ่อไม่ค่อยอยู่บ้าน…ตอนนั้นผมก็ถามตัวเองว่า แล้วผมล่ะ…มีใครรักผมบ้าง”ลูกคนกลางอย่างเขาจึงได้แต่เคว้งคว้างอย่างไม่มีที่พึ่ง
“พ่อผมเป็นทหาร เคร่งครัดวินัยมากเวลาออกคำสั่ง ทุกคนต้องปฏิบัติตามห้ามขัด” นอกจากลูกน้องของพ่อเขาแล้ว“ทุกคน” ในที่นี้ยังหมายความถึงคนในครอบครัว “วีสเพ็ญ” อีกด้วย
“ทำไมต้องทำ” เด็กชายรัชเขตมักย้อนถามพ่อด้วยความไม่เข้าใจ คำตอบมักจบลงที่การโดนเฆี่ยนตี ถ้าโชคดีก็เจอไม้เรียว ถ้าโชคร้ายก็เจอรองเท้าบู๊ต หรือไม่ก็ถูกจับมัดไว้กับเสาแล้วทำโทษ…เขาได้แต่ร้องถามเสียงดังก้องอยู่ในใจ “ทำไมพ่อไม่รักผม…”
โชคดีที่ตอนหลังคุณยายเข้ามาช่วยดูแล พาเขาไปเลี้ยง พาเขาเข้าวัด ถึงแม้บ้านของยายจะไม่มีไฟฟ้า น้ำประปาใช้เขาต้องไปตักน้ำบ่อมาใช้ และจุดตะเกียงให้แสงสว่างทุกคืน แต่ใจของเขากลับมีความสุขมากกว่าอยู่บ้านของตัวเอง ทว่าความสุขก็อยู่กับเด็กชายรัชเขตไม่นาน เมื่อแม่ของเขาคอยมาตามให้กลับบ้าน กลับสู่สภาพแวดล้อมเดิม ๆ ที่สบายกาย แต่จิตใจถูกทำร้ายครั้งแล้วครั้งเล่า
“โตมา…เอ็งจะลำบากที่สุดในบ้าน”
“คนอย่างเอ็งคงเป็นได้แค่คนขับสามล้อ”
คำพูดเสียดสีของพ่อช่างเสียดแทงหัวใจบวกกับอานุภาพไม้เรียวและรองเท้าบู๊ต ทำให้เขานึกอยากทำตัว “เลว” ประชดพ่อ
ยิ่งตีแรงเท่าไร เขาก็ยิ่งร้ายมากขึ้นเท่านั้น ในที่สุดเขาก็ผันตัวเองไปเป็นผี…ผีพนัน!
เริ่มต้นด้วยไพ่รัมมี่ ไฮโล น้ำเต้าปูปลา…จากที่เล่นกับเพื่อนทั้งวันทั้งคืน ไม่กินข้าวกินปลา และไม่ไปเรียน ผีพนันที่ชื่อรัชเขตก็เริ่มลามไปเล่นกับพวกผู้ใหญ่ใกล้ ๆ บ้านเมื่อเงินหมด เขาก็แอบขโมยเงิน ตอดเล็ก-ตอดน้อยจากกระเป๋าพ่อแม่จนโดนทำโทษไม้เรียวแทบหัก แต่เขาก็ไม่เลิก เพราะอย่างน้อยการพนันก็ทำให้เขาได้ออกไปนอกบ้าน หนีห่างจากเสียงบ่นเสียงด่าของพ่อแม่
“ตอนนั้นผมอยู่กับเพื่อน ๆ ในแก๊งหลายคน มีเรื่องตีกันทะเลาะกันแทบทุกวันผมเกเรจนแม่ทนไม่ไหว เลยส่งผมไปเรียนอีกจังหวัด” สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปช่วยให้ชีวิตเขาเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น รัชเขตกลายเป็นเด็กดีในสายตาของพ่อแม่มากขึ้น จนแม่เชื่อใจและยอมให้เขากลับมาอยู่บ้านเมื่อเขาร้องขอ
ทว่าการกลับมาอยู่ในสภาพแวดล้อมเดิม ๆ ที่รอบบ้านเต็มไปด้วยอันธพาล ซ่องโสเภณี และวงพนัน สิ่งเหล่านี้ยั่วยุให้รัชเขตกลับไปเป็นเด็กเกเรอีกครั้ง ผิดกันแต่ว่าคราวนี้ผลของความพยศทำให้ชีวิตของเขาเลวร้ายลงกว่าเดิม
ด้วยวัยอยากรู้อยากลอง ทำให้เขาหันมาดมกาวตามคำยุของเพื่อน ๆ เพราะมันทำให้เขาลืมความทุกข์ใจไปชั่วครั้งชั่วคราวพอโตขึ้นมาหน่อย เขาก็ไป “แว้น” ซิ่งมอเตอร์ไซค์ในเวลาเรียนพร้อมเพื่อนกลุ่มเดิม พ่อซึ่งทนไม่ไหวกับพฤติกรรมของลูกชาย จึงตัดสินใจส่งเขาไปเรียนมัธยมปลายที่โรงเรียนสุรศักดิ์มนตรีในเมืองกรุง โดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว…
“พอมาเรียนที่นี่ ผมก็เรียนดีขึ้น แต่ก็ยังไปตีกับคนอื่นบ่อย ๆ คิดเอาเองว่าเป็นการปกป้องศักดิ์ศรีสถาบัน ยกพวกไปตีกับสถาบันอื่นบ้าง คนอื่นมาตีกับโรงเรียนเราบ้างตีกันเป็นกิจวัตร จนครูหมายหัวว่าเราเป็นหนึ่งในนักเลงของโรงเรียน ผมเกือบโดนไล่ออก โชคดีที่ครูหลายคนช่วยพูดกับผู้อำนวยการให้ ผมก็เลยได้เรียนต่อ”
กระนั้นการสูบบุหรี่ กินเหล้า ไถเงินรุ่นน้อง แต่งกายผิดระเบียบ และตีกับโรงเรียนอื่น ก็ยังคงเป็นวงจรชีวิตของนักเรียนชื่อรัชเขต จนกระทั่งวันหนึ่งในชั่วโมงเรียนวิชาภาษาไทย เขามีโอกาสได้ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม และทำได้ดีมาก จนเขาเห็นเส้นทางของตัวเองในอนาคตชัดเจนขึ้น นักเรียนนักเลงอย่างเขาจึงยอมวางไม้ หันมาจับไมโครโฟนแทน
หลังเรียนจบจากโรงเรียนด้วยเกรดเฉลี่ย 0.93 เขาตัดสินใจเข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง คณะนิติศาสตร์ แม้จะเปลี่ยนสถานะจากนักเรียนมาเป็นนักศึกษา ทว่าชีวิตของอดีตนักเลงก็ยังคงวนเวียนอยู่กับเหล้าบุหรี่ และการพนัน จนกระทั่งวันหนึ่ง เมื่อเขาเหลือบมองเห็นป้ายชมรม ปาฐกถา และโต้วาที ทิศทางชีวิตในมหาวิทยาลัยจึงเริ่มเข้ารูปเข้ารอย เขาเข้าไปช่วยงานในชมรมอย่างเต็มตัวจนได้เป็นรองประธานชมรมตอนเรียนปีที่ 3
“พอถึงปี 4 เราก็ต้องออกจากชมรมเพื่อให้เด็กรุ่นใหม่ขึ้นมาทำบ้าง เพื่อนผมเลยชวนไปเข้าชมรมนิเวศน์ ทำให้ผมได้เดินป่า สัมผัสธรรมชาติ ได้รู้ว่า ไม่ต้องมีชื่อเสียง ไม่ต้องมีเกียรติ ไม่ต้องมีคนนับหน้าถือตา เราก็สามารถมีความสุขได้”
รัชเขตเรียนจบคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหงในปีที่ 5 ก่อนจะทดลองเดินเข้าสู่เส้นทางทนาย และพบว่ามัน “ไม่ใช่” จึงเปลี่ยนเส้นทางไปเป็นทีมงานของ ดร.พนม ปีย์เจริญ นักพูดชื่อดัง ซึ่งเขาคาดว่าคงจะช่วยสานฝันของตัวเองที่อยากเป็น “นักพูด”ให้เป็นความจริงได้
ทว่าขั้นตอนการทำงานที่วนเวียนซ้ำไปซ้ำมา และการไม่มีโอกาสได้ขึ้นเวทีใหญ่ ๆทำให้เขาตัดสินใจลาออกมาทำรายการทีวีอยู่พักหนึ่ง ก่อนออกมาเป็นเซลส์แมนที่ทำยอดขายได้ทะลุเป้าตามประสาคนชอบพูดชอบคุย
“ไปอเมริกาไหม” คำพูดของแม่เปลี่ยนองศาชีวิตเขาอีกครั้ง รัชเขตผู้มีความรู้ภาษาอังกฤษแบบงู ๆ ปลา ๆ ตัดสินใจไปตายเอาดาบหน้า เขารับคำแม่แล้วขอวีซ่าไปอเมริกาก่อนจะกลับมาพร้อมปริญญาโท สาขาการตลาด จากมหาวิทยาลัยเซาท์อีสเทิร์นแห่งกรุงวอชิงตันดีซี ประเทศสหรัฐอเมริกา
เขาเติมไฟฝันให้โชติช่วงและหวังจะก้าวสู่เส้นทางการเป็น นักพูด อีกครั้ง ทว่าหนทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ปี 2539ที่เขาเรียนจบกลับมา เป็นปีที่เมืองไทยอยู่ในภาวะฟองสบู่แตก เศรษฐกิจระส่ำ-ระสาย บัณฑิตปริญญาโทจบใหม่จึงต้องหางานอย่างอื่นทำไปพลาง ๆ
โชคดีที่ในช่วงเวลาที่ผู้คนเครียดขึ้งเวที นักพูด กลับรุ่งเรือง เพราะคำพูดดี ๆ เพียงไม่กี่ประโยค พูดเพียงไม่กี่นาที ก็สามารถช่วยปลอบโยนจิตใจผู้คนได้ รัชเขตจึงคว้าโอกาสจากวิกฤติ เขาเชิญ นักพูดที่มีชื่อเสียงมาขึ้นเวทีทอล์คโชว์ ออกเดินสายทั่วประเทศระหว่างนั้นก็ถือโอกาสศึกษาวิชาจากปรมาจารย์ นักพูดทั้งหลาย บางครั้งเขาก็ขึ้นเวทีไปพูดเพื่อฝึกปรือฝีปาก แต่ธุรกิจของเขาก็ไปได้ไม่สวยนัก เมื่อเขาถูกหุ้นส่วนโกงเงินหายเข้ากลีบเมฆไป รัชเขตจึงต้องกลับมาตั้งต้นใหม่อีกครั้ง
“วันหนึ่ง น้าหมาน คนจันทบูร ซึ่งเป็น นักพูด โทร.มาชวนผมทำรายการทีวีชื่อ ทอล์คโซนซีเนรามา ผมเลยกลายเป็น
หนึ่งใน นักพูด ประจำรายการ ได้สร้างชื่อออกรายการโทรทัศน์จนคนเริ่มรู้จัก”
ทุกวันนี้ นักเลงหัวไม้ นักพนันตัวเอ้ในอดีตกลับกลายมาเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทอินเทลลิเจนท์ ครีเอชั่น จำกัดเป็นพิธีกรรายการ เดลินิวส์คลายทุกข์ เป็นวิทยากรไปบรรยายตามที่ต่าง ๆ เป็นนักเขียนนักฝึกอบรม นักการตลาด และที่สำคัญเขาคือ นักพูด สร้างแรงบันดาลใจที่มักจะหยิบยกประสบการณ์ลุ่ม ๆ ดอน ๆ ในชีวิตตนมาบอกเล่าเพื่อให้กำลังใจคนที่ท้อถอย
ถ้อยคำของรัชเขตปลุกคนให้ลุกขึ้นสู้มาแล้วมากมาย สมดังใจของเขาที่อยากสร้างคนให้กล้าฝัน กล้าที่จะเปลี่ยนตัวเองให้ทำสิ่งที่ดีงาม…
เรื่องจาก: ณัฐนภ ตระกลธนภาส
ภาพจาก : วรวุฒิ วิชาธร
บทความที่น่าสนใจ
เมื่อความเสียใจเปลี่ยนชีวิต ทอย ปฐมพงศ์ เรือนใจดี
จากเด็กแสบ ที่เคยทำพ่อแม่เสียใจ สู่ชีวิตที่คิดได้เมื่อเข้าถึงความเป็นพุทธ ของท็อป จรณ โสรัตน์
“อย่าปล่อยให้ โอกาส ที่มีผ่านเลยไปเปล่า ๆ” ป๊อบ ปองกูล สืบซึ้ง
ด้วยแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่ นฤมล แก้วสัมฤทธิ์ ครูอาสาจากแดนไกล บ้านกรูโบ
สุดยอดเรื่องราวสร้างแรงบันดาลใจ ดร.กุลชาติ จุลเพ็ญ ดอกเตอร์จากกองขยะ