อย่าให้ โชคร้าย ติดอยู่ในใจนานๆ
“เมื่อเปรียบเทียบระหว่างโชคดีกับโชคร้าย โชคร้าย จะติดอยู่ในใจง่ายกว่า เวลาเกิดเรื่องที่โชคไม่เข้าข้าง ไม่ใช่ตัดพ้อต่อว่าโชคชะตา บ่นตัวเองหรือคนอื่น แต่ควรมองไปข้างหน้าเพื่อไม่ให้ทำผิดพลาดซ้ำ”
สมมติว่าคุณ “โชคร้าย” ขึ้นรถไฟเที่ยวที่เล็งไว้ไม่ทัน ขบวนต่อไปจะมาถึงในอีกหนึ่งชั่วโมง คุณต้องรอที่ชานชาลาอย่างเคว้งคว้าง กลางสายลมกว่ารถไฟเที่ยวต่อไปจะมาถึง
เจอแบบนี้เข้า จะรู้สึกอย่างไรนะ?
ไหนๆ เวลาก็เหลือแล้ว นั่งอ่านหนังสือรอรถไฟเพลินๆ ดีกว่า คนที่คิดได้แบบนี้เป็นคน “โชคดี”
แต่สิ่งที่คนจำนวนมากรู้สึกในใจคือ “ความผิดหวัง”
ถ้าเร็วกว่านี้อีก 5 นาทีก็คงมาทันแล้ว… ถ้าไฟแดงไม่ติดนานขนาดนี้ล่ะก็… ถ้า…
คิดโน่นคิดนี่ ถ้าอย่างนั้น ถ้าอย่างนี้ สุดท้ายจบด้วยคำว่า “วันนี้ดวงซวยจริงๆ”
ทำให้ความรู้สึกว่าตัวเองโชคไม่ดีนี้วนเวียนไปมาจนฝังรากลึกในใจ
แต่ถ้ารถไฟนั้นมาสายด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง ทำให้คุณขึ้นรถไฟไม่ทันล่ะจะเป็นอย่างไร
“โห วันนี้โชคดีจังเลย”
แล้วเราก็เลิกคิดเรื่องที่ตัวเองโชคดีนี้หลังจากขึ้นไปนั่งบนรถไฟได้ 2 – 3 นาที แล้วหันไปคิดเรื่องอื่นต่อ
พอเจอสถานการณ์แบบนี้เข้าเราก็อยากให้ทุกคนคิดว่าเรื่องที่เกิดไปแล้ว จะบ่นหรือตัดพ้อก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้
สู้มองไปข้างหน้าแล้วปรับปรุงตัวเองใหม่ในเรื่องที่ทำได้ เพื่อไม่ให้พลาดแบบเดิมซ้ำอีกคงจะดีกว่าเนอะ
ข้อมูลจาก: “คิดแบบนี้ โชคดีตลอดกาล” สำนักพิมพ์อมรินทร์
บทความที่น่าสนใจ