ผู้หญิงทุกคนมักแต่งงานด้วยความวาดหวัง ชีวิตคู่จะเป็นดั่งคู่สร้างคู่สม หาใช่ คู่เวรคู่กรรม จริงมั้ย
แต่โชคดีไม่ได้เกิดกับทุกคน เรื่องจริงของผู้หญิงที่คุณจะได้อ่านต่อไปนี้ก็เช่นกัน เธอมีสามีที่กลายร่างเป็นอสูรทุกครั้งที่ดื่มเหล้า และต้องใช้ชีวิตราวตกอยู่ในนรกนานหลายปี
วันที่เธอตัดสินใจก้าวออกจากขุมนรก เลิกเป็น คู่เวรคู่กรรม เธอก็ดันเปิดรับบทบาท ฆาตกร เข้ามาแทน ถ้าไม่เรียกว่ากรรมสุดๆ แล้วจะเรียกว่าอะไร
“ฉันเกิดที่ต่างจังหวัด พ่อแม่มีอาชีพรับจ้างทั่วไป ความที่ทั้งคู่ต้องดิ้นรนทำงานหาเงิน จึงเอาฉันและพี่ๆ อีก 3 คนไปฝากตายายเลี้ยง และคอยส่งเสียเงินทองมาให้เป็นระยะๆ แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไร หลังเรียนจบ ป.4 ฉันย้ายมาทำงานที่โรงงานในกรุงเทพฯ และพบรักกับสามีคนแรก แต่งงานกัน มีลูกด้วยกันสองคน หญิงหนึ่ง ชายหนึ่ง แต่อยู่กินกันได้ไม่กี่ปี สามีเจ้าชู้มาก ฉันเลยทนไม่ไหว เราเลิกกัน สามีรับเลี้ยงดูลูกชาย ส่วนฉันเลี้ยงดูลูกสาว
“ต่อมาฉันย้ายไปทำงานหล่อพระที่จังหวัดปราจีนบุรี ทำให้พบกับสามีคนที่สองซึ่งทำงานหล่อพระด้วยกัน เราสองคนแต่งงานกันและมีลูกสาวหนึ่งคน ชีวิตแต่งงานกับสามีคนที่สองเหมือนตกนรก เพราะพอเขาดื่มเหล้าทีไรเป็นต้องทุบตีฉันทุกครั้ง แถมยังห้ามไม่ให้ฉันไปทำงาน ฉันเลยไม่มีเงินใช้ เพราะเขาให้บ้าง ไม่ให้บ้าง ฉันและลูกต้องอยู่แบบอดๆ อยากๆ บางครั้งฉันนอนร้องไห้ คิดน้อยใจโชคชะตาว่าทำไมต้องมาเจอแบบนี้ ตัวเองอดยังไงไม่ว่า แต่ขอให้ลูกมีกิน พอหนีไปทำงานหาเงินก็โดนสามีตามไปจับมาขังไว้ในบ้าน
“ที่สุดฉันตัดสินใจหอบลูกหนีไปอยู่กับพี่สาวย่านพุทธมณฑล เขาก็ตามมารังควานถึงบ้าน ยืนด่าอยู่หน้าบ้านตั้งแต่เช้าจรดเย็น ฉันแจ้งความ ตำรวจมารวบตัวเขาหลายครั้ง แต่เขาก็ไม่กลัว ทำเหมือนเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า สุดท้ายฉันต้องยอมแพ้ กลับไปอยู่กับเขาอีกครั้ง คิดว่าโชคชะตาคงกำหนดให้ต้องเจอเรื่องแย่ๆ แบบนี้ ไม่รู้ว่าสามีเป็นเจ้ากรรมนายเวรมาแต่ชาติปางไหน ถึงได้ตามมาทำให้ชีวิตฉันเหมือนตายทั้งเป็น นี่คงเป็นเวรกรรมที่ต้องชดใช้ให้เขา
“สามีห้ามไม่ให้ฉันไปทำงานเหมือนเดิม ไม่ว่าหนีไปทำงานที่ไหนเขาก็ตามไปโวยวายจนฉันต้องออกจากงานทั้งที่รายได้ดี งานเดียวที่เขาไม่ห้ามคือทำงานที่ร้านอาหารของพี่สาว ฉันจึงได้งานนี้เลี้ยงดูตัวเองและลูก โดยเขาไม่ได้ส่งเสียเลี้ยงดูครอบครัวเลย เพราะทำงานได้เงินมาก็เอาไปลงขวดเหล้าหมด
“จุดเริ่มต้นของฝันร้ายเกิดขึ้นเมื่อลูกสาวคนโตที่เกิดกับสามีคนแรกจะแต่งงาน วันนั้นพอเลิกงานจากร้านอาหาร กลับถึงบ้านฉันบอกเขาว่า ‘พี่ พรุ่งนี้วันแต่งงานลูกสาวฉัน พี่ทำใจหน่อยนะ เพราะสามีเก่าฉันจะมา ฉันอาจโดนเรียกไปรับไหว้คู่กันกับเขานะ’
“แค่นั้นแหละ เป็นเรื่อง สามีโวยวาย หาว่าฉันจะกลับไปคืนดีกับสามีเก่า เข้ามาจิกหัวและตบตีอย่างรุนแรง บอกให้ปล่อย เขาก็ไม่ยอม แถมใช้มือบีบคอจนฉันแทบหายใจไม่ออก ไม่ว่าจะร้องไห้อ้อนวอนอย่างไรเขาก็ไม่ยอมหยุด ฉันพยายามดิ้นรนเอาชีวิตรอด ขณะเหตุการณ์กำลังชุลมุน ฉันเหลือบไปเห็นมีดตกอยู่ใต้โซฟาใกล้ๆ จึงคว้ามีดนั้นมาป้องกันตัว ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าใช้มีดแทงไปตอนไหน มารู้อีกทีตอนเห็นสามีนิ่งไปและมีเลือดไหลซึมออกมาบริเวณซี่โครง ไม่รู้ว่าเขาตายหรือเปล่า แต่ความที่ตกใจมากจึงรีบคว้าเงินและกระเป๋าถือวิ่งหนีออกจากบ้าน ไปหลบอยู่บ้านเพื่อนที่ทำงานอยู่แถวศาลายา
“รุ่งขึ้นพี่สาวโทร.มาบอกว่าสามีฉันเสียชีวิตแล้วที่โรงพยาบาล วินาทีที่ได้ยิน เหมือนฟ้าผ่าลงมาที่กลางศีรษะ ไม่อยากเชื่อ ฉันร้องไห้เหมือนคนเสียสติ ไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองต้องกลายมาเป็นฆาตกร เพราะถึงแม้ฉันจะโกรธเกลียดสามีแค่ไหน แต่ไม่เคยคิดอยากให้เขาตายด้วยน้ำมือฉันเลย ในใจฉันคร่ำครวญว่าทำไมโชคชะตาจึงโหดร้ายอย่างนี้ ไม่รู้ว่าเคยไปทำเวรกรรมอะไรกับสามีไว้ จึงต้องจบลงแบบคู่เวร-คู่กรรมแบบนี้
“พี่สาวเป็นคนให้สติ บอกให้ไปมอบตัว ดีกว่าหนีไปแบบนี้ ฉันจึงเข้ามอบตัวกับตำรวจด้วยใจที่ว้าวุ่นมาก เพราะไม่รู้จะโดนโทษจำคุกนานแค่ไหน และลูกจะอยู่อย่างไร โชคดีที่ตำรวจปล่อยตัวฉันทันทีหลังทำแผนสารภาพเสร็จ แล้วยังได้มูลนิธิผู้หญิงช่วยเหลือเรื่องคดี ทำให้ฉันใจชื้นขึ้นบ้าง ฉันต่อสู้คดีนานหลายเดือน จนถึงวันที่ศาลอ่านคำพิพากษาคดี จำได้ว่าพอศาลอ่านคำพิพากษาว่าฉันต้องโทษฆ่าคนตาย ให้จำคุก 5 ปี วินาทีนั้นน้ำตาไม่ไหล แต่รู้สึกได้ว่าสะอื้นอยู่ข้างในอก ตัวฉันสั่นไปหมด หันไปมองลูกสาวสองคน ก็เห็นทั้งคู่จับมือสองข้างฉันไว้แน่นและร้องไห้
“แต่สุดท้ายเหมือนปาฏิหาริย์ยังมีจริง เพราะศาลอ่านคำพิพากษาต่อว่าฉันไม่เคยต้องคดี ไม่เคยฆ่าคน เป็นคนดีทำมาหากิน จึงให้ลดโทษเป็นรอลงอาญา 2 ปีครึ่ง ฉันฟังแล้วเหมือนตายแล้วเกิดใหม่ โผเข้ากอดลูกสาว รู้สึกว่าโชคชะตายังเข้าข้าง อย่างน้อยก็ไม่ได้เจอเรื่องแย่ๆ ไปเสียหมด
“วันที่ไปทำบุญครบรอบร้อยวันให้สามีที่วัด ฉันกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้เขา พร้อมบอกว่าขออโหสิกรรม ขอให้จบเวรกรรมกันแค่เพียงชาตินี้ อย่าได้จองเวรกันอีกเลย วินาทีที่หยาดน้ำไหลลงสู่ผืนดิน มีลมแรงพัดผ่านมาจนฝุ่นทรายฟุ้งตลบไปหมด หลวงตาที่วัดบอกว่าสามีฉันรับรู้และอโหสิกรรมให้แล้ว ได้ยินอย่างนั้นฉันก็โล่งอก หวังว่าจะได้หมดเวรกรรมจริงๆ เสียที ที่ผ่านมาฉันอาจโชคไม่ค่อยดีนัก แต่เมื่อได้ชีวิตใหม่แล้ว ฉันตั้งใจจะเป็นคนดีให้มากขึ้น ตั้งใจทำงาน พยายามเลี้ยงดูลูกให้ดีที่สุด
“ที่สำคัญคือตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ไม่ทุกข์เหมือนตกนรกทั้งเป็นอีกต่อไป”
อ่านถึงตรงนี้ อาจมีบางคนคิด ท่ามกลางความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดี ถ้าคุณกำลังมองว่านี่คือโชค Secret บอกเลยว่า โชคดีอย่างนี้ไม่ได้เกิดกับทุกคนนะ เพราะไม่ใช่ศาลจะพิพากษาแบบนี้กับฆาตกรทุกคน
ข้อคิดจากพระกรภพ กิตติปัญโญ (หลวงตาน้อง) ขิปปปัญญานุสรณ์สถานธรรม จ.เชียงราย
“คนส่วนใหญ่ที่อ่านเรื่องของเธอคนนี้ อาจสงสัยว่าเธอทนอยู่กับอดีตสามีคนนี้ได้อย่างไร ในเมื่อเขาร้ายกับเธอสุดจะบรรยาย หากเราเข้าใจเรื่องกฎแห่งกรรม ก็จะได้คำตอบว่าเป็นเพราะเธอเคยสร้างกรรมไม่ดีไว้ในอดีตชาติ จึงต้องมาชดใช้กรรมเหล่านั้นในชาตินี้ และเมื่อเธอได้ชดใช้กรรมนั้นจนเบาบางลงแล้ว ประกอบกับที่เธอสร้างกรรมดีในชาตินี้ไว้พอสมควร จึงได้รับผลของกรรมดีโดยได้รับความปรานีจากศาลที่ลดโทษให้เป็นแค่รอลงอาญา และได้รับความช่วยเหลือจากมูลนิธิผู้หญิงอย่างดี
“เมื่อได้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลและขออโหสิกรรมกับอดีตสามี และมีปรากฏการณ์ที่คล้ายกับว่าอดีตสามีรับรู้และอโหสิกรรมให้แล้ว ก็ควรจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ดีด้วยการระวังตัวทุกวินาที อย่าไปสร้างกรรมไม่ดีอีก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม และพยายามสร้างกรรมดีให้มากๆ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ตกอยู่ภายใต้ “กฎแห่งกรรม” ทั้งสิ้น ดังที่พระพุทธองค์ได้ทรงเตือนชาวพุทธว่า “ใครทำกรรมใดไว้ ดีหรือชั่วก็ตาม จะต้องได้รับผลของกรรมนั้น”
“การทำกรรมดีสามารถทำได้ โดย 1. การไม่ทำบาปทั้งปวง 2. การทำกุศลให้ถึงพร้อม และ 3. การชำระจิตของตนให้บริสุทธิ์จากกิเลส ซึ่งเป็นคำสอนหลักของพระพุทธเจ้า หากทำตามดังนี้ได้แล้ว ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะได้รับผลของกรรมชั่วเลย”
ขอบคุณข้อมูลจากมูลนิธิผู้หญิง (โทร. 0-2433-5149 เว็บไซต์ www.womenthai.org)