กรรมไม่เคยละเว้นใคร ไม่ว่ากรรมนั้นจะเป็น “ บุญหรือบาป ” เรื่องเล่ากฎแห่งกรรม จากผู้อ่าน
เราอาจจะไม่เคยมองเห็น “กรรม”แต่สิ่งที่เราควรตระหนักรู้ก็คือ กฎแห่งกรรม มีจริง กรรมไม่เคยละเว้นใคร ไม่ว่ากรรมนั้นจะเป็น “ บุญหรือบาป ”
เมื่อไรก็ตามที่เหตุปัจจัยถึงพร้อม…บุญและบาปก็พร้อมให้ผลทันที
สมัยเด็ก ๆ ผมชอบอ่านหนังสือเกี่ยวกับกฎแห่งกรรมมาก เพราะรู้สึกว่าเรื่องราวไม่ซับซ้อน ใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้นพออ่านไปมาก ๆ เข้า ผมก็เริ่มกลัวบาปกลัวกรรมขึ้นมาจับใจ กลัวว่าจะเจอกับตัวเข้าบ้าง เพราะแม้ในชาตินี้ผมจะได้ชื่อว่าเป็น “เด็กดี” เชื่อฟังคุณพ่อคุณแม่ เรียนดีและฝึกปฏิบัติธรรมตลอด แต่ใครจะรู้ว่า…
ชาติที่ผ่านมาผมเคยทำอะไรมาบ้างบาปกรรมจะสนองผมเมื่อไร หรือจริง ๆ แล้วกรรมอาจจะ “ย้อน” มาหาผมแล้วก็ได้!
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อปลายปีที่แล้วนี่เอง ในช่วงที่ผมบวชอยู่ ช่วงนั้นผมติดตามพระอาจารย์ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าแห่งหนึ่งในจังหวัดเลย สภาพทั่วไปของวัดในตอนนั้น แทบจะมีแต่พื้นที่โล่งเตียนที่ทางวัดเตรียมไว้เพื่อรองรับสิ่งปลูกสร้างในอนาคตด้วยเหตุนี้ พระทุกรูปจึงต้องใช้ชีวิตอยู่กลางแจ้งเกือบทั้งวัน และจำต้องเผชิญกับความโหดร้ายของแสงแดดที่แผดเผาทุกสิ่งที่ขวางหน้าอย่างไม่ปรานี
เพียงแค่สัปดาห์แรก ผิวหนังบริเวณบ่าและสะบักข้างขวาของผมก็เริ่มแดง แดงขึ้นเรื่อย ๆ เริ่มไหม้ พร้อมกับมีอาการคันตามมา ไม่นานนักผิวหนังบริเวณนั้นก็ค่อย ๆ ลอกออกเป็นแผ่น ๆ ผมทั้งเจ็บทั้งแสบไปหมดทายาแต่ละครั้งก็สะดุ้งสุดตัวทุกครั้งไป
เวลาผ่านไปราว 2 - 3 วัน แทนที่อาการจะทุเลาลง ผิวหนังบริเวณนั้นกลับเริ่มมีตุ่มน้ำใส ๆ ผุดขึ้นมาเต็มไปหมด ครั้นพอตุ่มน้ำโตได้สักระยะก็แตกออก คราวนี้ยิ่งหนักเพราะผิวหนังบริเวณนั้นกลายเป็นแผลพุพองเต็มไปหมด! ถึงตอนนี้ผมปวดแสบปวดร้อนไปหมด จนต้องขอให้พระเพื่อนประคองไปหาหมอ
สภาพผมในตอนนั้น แม้แต่หมอยังตกใจที่แผลพุพองได้ขนาดนี้ หมอเริ่มรักษาผมด้วยการใช้น้ำสบู่ทำความสะอาดแผลพร้อมกับใช้เครื่องมือเล็ก ๆ ขูดผิวหนังที่ตายแล้วออก บางแห่งขูดแรงไป เลือดก็ออกบางแห่งขูดอย่างเดียวไม่พอ ก็ต้องขัดด้วยขั้นตอนเหล่านี้ทำเอาผมเจ็บจนร้องโหยหวนดิ้นพราด ๆ อยู่บนเตียง
อาการดิ้นพราด ๆ นั่นเองที่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนว่า “ตัวเองเป็นสัตว์น้ำ แต่ถูกจับขึ้นมาไว้บนบก และที่นอนดิ้นพราด ๆ อยู่นี่ก็เหมือนอาการของปลาขาดน้ำไม่มีผิด”
แล้วอยู่ดี ๆ ผมก็นึกถึงเรื่องราวสมัยผมอายุ 16 ปีขึ้นมา
ตอนนั้นผมต้องเตรียมดินเพื่อทำแปลงปลูกผักร่วมกับเพื่อน ๆ จากนั้นก็แบ่งเวรกันรดน้ำ ซึ่งแหล่งน้ำที่พวกเราใช้ก็อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเลย…คูน้ำเล็ก ๆ ข้าง ๆ แปลงผักนั่นเองวันหนึ่งขณะที่รดน้ำผักอยู่ ผมก็เกิดคิดพิเรนทร์ขึ้นมาว่า “แค่รดน้ำอย่างเดียวคงไม่พอ ผักคงจะไม่งาม ต้องหาปุ๋ยมาใส่ให้ผักด้วยดีกว่า”
ตาไวเท่าความคิด เพราะในคูน้ำเล็ก ๆ นั้นเต็มไปด้วยลูกอ๊อดลูกปลาสารพัดขนาด ผมจึงไม่รอช้า ค่อย ๆ ใช้กระป๋องตักน้ำให้ติดลูกอ๊อดและลูกปลาขึ้นมาด้วยยิ่งเยอะยิ่งดี จากนั้นผมก็นำน้ำนั้นไปราดแปลงผักทันที เมื่อร่างของเจ้าสัตว์ตัวเล็ก ๆ กระทบกับพื้นดินเท่านั้น พวกมันก็ดิ้นพราด ๆ หมายจะหาแหล่งน้ำเพื่อต่อชีวิตแต่ผมก็ไม่สนใจ คิดอย่างคึกคะนองว่าเดี๋ยวพวกมันก็กลายเป็นปุ๋ยแล้ว ช่างมัน!
สองวันต่อมา ถึงเวรรดน้ำของผมอีกครั้ง คราวนี้แปลงผักเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นเน่า ผมรู้ทันทีว่า กลิ่นเหม็นนั้นมาจากซากลูกอ๊อดและลูกปลาแน่ ๆ แต่เชื่อไหมครับว่าวันนั้นผมไม่ได้รู้สึกผิดอะไรเลย กระทั่งวันเวลาผ่านไป จนมาถึงวันนี้วันที่ผมต้องมานอนดิ้นพราด ๆ อยู่บนเตียงนี่เองที่ทำให้ผมได้คิดว่า
“ความเจ็บปวด ความทรมานที่ผมได้รับทั้งหมดนี้คงไม่ต่างจากที่ลูกอ๊อดและลูกปลาได้รับ นี่เป็นสัญญาณบอกผมว่ากฎแห่งกรรมมีอยู่จริงและกำลังเล่นงานผมอยู่ แม้ว่าผมจะอยู่ในเพศบรรพชิต กฎแห่งกรรมก็ไม่ละเว้น”
เหตุการณ์นี้ยังทำให้ผมย้อนคิดกลับไปถึงเรื่องเฉียดตายที่เคยเกิดขึ้นกับผมในสมัยเด็ก ๆ ถึง 2 เรื่อง เรื่องแรกเกิดตอนผมอายุได้ไม่ถึง 7 วัน ตอนนั้นผมกินนมแม่แทบไม่ได้กินไปก็อาเจียนออกหมด ในที่สุดคุณหมอต้องจับผมผ่าตัด อาการจึงดีขึ้นแต่ก็ยังทิ้งรอยแผลเป็นในครั้งนั้นมาให้เห็นจนวันนี้
เรื่องต่อมาเกิดขึ้นตอนผมอายุ 12 ปีตอนนั้นผมนอนปวดท้องอย่างไม่รู้สาเหตุอยู่ที่บ้าน คุณแม่ก็ดูแลไปตามอาการ จนในที่สุดผมปวดท้องจนทนไม่ไหว คุณแม่จึงเอะใจรีบพาผมส่งโรงพยาบาล หมอบอกว่าถ้ามาช้าอีกนิดเดียวไส้ติ่งอาจจะแตกและผมก็อาจไม่รอด และนั่นคือครั้งที่สองที่ผมถูกผ่าตัดบริเวณช่องท้อง การผ่าตัดผ่านไปด้วยดีแต่ก็ทิ้งรอยแผลเป็นไว้ตรงท้องของผมอีกหนึ่งรอย
ทั้งสองเรื่องนี้ทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่าชาติที่แล้วผมคงเคยไปทำร้ายใครเอาไว้โดยเฉพาะบริเวณช่องท้อง เช่น อาจจะเคยผ่าท้องปลามาก่อนก็เป็นได้ พอมาถึงชาตินี้เวรกรรมจึงส่งผลตั้งแต่ผมเกิดได้ไม่กี่วัน !
ถึงตรงนี้ ผมชักเริ่มไม่แน่ใจว่าชีวิตข้างหน้าผมจะเจอกับอะไรอีก แต่เมื่อทุกอย่างเป็นสิ่งที่ผ่านมาแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้ ผมพร้อมน้อมรับผลที่จะเกิดขึ้นและตั้งใจจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่มุ่งมั่นทำความดีให้มากที่สุด ส่งบุญกุศลคืนกลับไปยังเจ้ากรรมนายเวรทุกผู้ทุกคน…
เพื่อเวรกรรมทั้งหมดจะได้หมดสิ้นลงในชาตินี้
ที่มา : นิตยสาร Secret
เรื่อง : ปลายเทียน
ภาพ : https://pixabay.com
บทความที่น่าสนใจ
กรรมสุดๆ พอเลิกเป็น คู่เวรคู่กรรม ก็มาเป็นฆาตกร เรื่องจริงเตือนสติโชคดีมีไม่บ่อย
มรดกกรรม เกิดขึ้นเพียงเพราะเคยประกอบอาชีพทำหมันหมู
“ การสร้างกรรมดี ” กับ “ การชดใช้กรรม ” ความต่างที่ชาวพุทธมักแยกไม่ออก
สติปัฏฐาน 4 “กำหนดรู้ด้วยการบริกรรม พองหนอ ยุบหนอ”
Dhamma Daily : คนที่ดูถูก รังแก ทําร้ายคนอื่นจะได้รับผลกรรมอย่างไร โดยพระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญ