6 ความเชื่อเรื่องชีวิตคู่ ที่ดูเหมือนว่าใช่
6 ความเชื่อเรื่องชีวิตคู่ ที่ดูเหมือนว่าใช่
ความเชื่อมีพลังอันยิ่งใหญ่ที่จะผลักดันชีวิตไปสู่ทิศทางใดก็ได้ ดังนั้นก่อนจะเชื่ออะไรเราจึงต้องไตร่ตรองให้ดี เพราะบางเรื่องแม้จะจำฝังใจ ว่า “เป็นความจริง” มาตั้งแต่อ้อนแต่ออก แต่ในที่สุดประสบการณ์ชีวิต ก็อาจจะทำให้เรียนรู้ว่าทุกสิ่งไม่ได้เป็นไปอย่างที่เราคิดทุกครั้ง
ความเชื่อเกี่ยวกับชีวิตคู่ก็เช่น บางเรื่องอาจจะดูเหมือนใช่แต่ก่อนจะปักใจ คุณควรไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน 6 ข้อต่อไปนี้ คือความเชื่อเกี่ยวกับ ชีวิตคู่ ที่อยากชวนคุณมาทบทวนความแน่ใจอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยคำว่า ฟันธง!
1 อยู่ก่อนแต่งเป็นเรื่องธรรมดา
การอยู่ร่วมกันโดยไม่ได้จดทะเบียน และไม่มีการแสดงความเป็นสามีภรรยา ให้สังคมรับรู้อย่างเป็นทางการฝ่ายหญิงย่อมเป็นฝ่ายเสียเปรียบเต็มประตู ถ้าหากรักครั้งนี้จบลงนอกจากนี้ การอยู่ก่อนแต่งยังเพิ่มความเสี่ยงในการเลิกรากันอีกด้วย เพราะแต่ละฝ่ายต่างได้เรียนรู้ข้อเสีย และตัวตนที่แท้จริงของกันและกันโดยที่ไม่มีอะไรผูกมัด ทำให้สามารถเดินจากไปเมื่อไรก็ได้ถ้าเจอที่หมายที่ดีกว่า แน่ใจแล้วหรือว่า คุณพร้อมรับความจริงทั้งหมดนี้หากความสัมพันธ์ล้มเหลว
2 ชีวิตคู่ต้องเปิดเผยจริงใจ
หลายต่อหลายคู่คิดว่าการแต่งงานคือการยินยอมให้แต่ละฝ่าย แสดงความคิดเห็นของตนอย่างอิสระ เลิกเกรงใจกันอีกต่อไปรวมทั้งการพูดถึงข้อบกพร่องของอีกฝ่ายหนึ่งบ่อยๆอย่างตรงไปตรงมา เช่น แก่ อ้วน ดูไม่ดีหรือทำไมไม่ทำอย่างนั้นอย่างนี้
ขอให้คุณคิดใหม่ว่าเรื่องที่ฟังแล้วเสียดแทงใจไม่ว่าจะออกจากปากฝ่ายไหนก็ยังเป็นเรื่องที่อีกฝ่าย ไม่อยากฟังอยู่นั่นเองดังนั้นเรื่องใดที่คุณ คิดว่าคู่ชีวิตจะไม่สบายใจเมื่อได้ยินก็ควรหาทางหลีกเลี่ยงไม่ทำและไม่พูดถึง จะดีกว่าจำไว้ว่าการเอาใจเขามาใส่ใจเราเป็นเรื่องที่ต้องทำเสมอไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์แบบไหน
3 บ้านที่สมบูรณ์พร้อมต้องมีพ่อ แม่ ลูก
ไปงานแต่งงานครั้งไหนหนีไม่พ้นต้องได้ยินผู้หลักผู้ใหญ่ อวยพรให้บ่าวสาวมีทายาทไวๆคล้ายกับว่าถ้าไม่มีลูก บ้านจะเป็นบ้านที่สมบูรณ์ไปไม่ได้ แต่เชื่อไหมว่า การมีหรือไม่มีลูก เป็นคำถามที่หลายต่อหลายคู่ ต้องมาถกเถียงกันภายหลังและเรื้อรังกลายเป็นปัญหาใหญ่ได้คำถามนี้ จึงต้องได้คำตอบก่อนแต่งงานเพราะการเลี้ยงเด็กคนหนึ่งให้ดีพร้อมทั้งกายและใจใน พ.ศ.นี้ ต้องอาศัยความทุ่มเททั้งกายและใจมหาศาล แม้แต่ความหวานชื่นระหว่างคู่รักก็จะต้องเปลี่ยนไปจากเธอ-ฉันเป็นพ่อจ๊ะ-แม่จ๋า พร้อมกับความรับผิดชอบที่ตามมาอีกเต็มบ่า
4 งานบ้านต้องหารสอง
แม้ผู้ชายสมัยใหม่จะนับถือความเสมอภาค แต่อย่าคิดเชียวว่า เขาจะมีความสุขกับการทำ งานบ้านเสมอไป ถ้าคุณแต่งงานแล้วลองสังเกตดูว่า สาเหตุของความหงุดหงิดของคุณพ่อบ้านเกิดจาก งานบ้านหรือเปล่า ถ้าใช่ ลองให้เขาออกเงินพึ่งพาบริการต่างๆ เช่น ผูกปิ่นโตกับร้านข้าวแกงปากซอย หรือใช้บริการซักอบรีดบ้าง อาจทำให้ชีวิตคู่มีความสุขมากกว่า แต่ถ้าคุณยังโสด…ถามเจ้าบ่าวในอนาคตดูก่อนไหมว่า เขายินดีจะปัดกวาดเช็ดถู ซักผ้าทำกับข้าวมากน้อยแค่ไหน
5 ดีกว่าถ้ามีญาติผู้ใหญ่ช่วยเลี้ยงลูก
หลายครอบครัวเลือกที่จะปลูกบ้านในบริเวณเดียวกับพี่ๆ น้องๆเพราะหวังจะให้ปู่ย่าตายายช่วยเลี้ยงหลานและประหยัดเงินจ้างพี่เลี้ยง แต่ความจริงแล้ว การอยู่รวมกันในครอบครัวใหญ่อาจนำ ปัญหาจุกจิกกวนใจมาให้มากมาย เป็นต้นว่า การเขม่นกันระหว่าง ครอบครัวพี่ – น้อง หรือย่ายายเลี้ยงด้วยไม้เรียวแบบคนสมัยก่อน ในขณะที่พ่อแม่ชอบเลี้ยงแบบสมัยใหม่ เป็นต้น จะไม่ดีกว่าหรือ ถ้าคุณจะวางระเบียบครอบครัวของตนให้ดีแล้วให้ครอบครัวเดิม เป็นเพียงที่พักใจ ที่แวะไปเยี่ยมเมื่อไรก็ชื่นใจทุกครั้ง
6 คู่ชีวิตสมัยใหม่ต้องให้อิสระแก่ลูก
เด็กสมัยใหม่ต้องเป็นตัวของตัวเอง ดังนั้นพ่อแม่ที่ดีจึงควร ให้ลูกมีเสรีภาพทางความคิดให้มากเข้าไว้ แต่เคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า เสรีภาพเกินอัตรา ต่อให้เป็นเทวดา ก็เสียนิสัย กันบ้างไหม พ่อและแม่คือครูคนแรกของลูก จึงจำเป็น อย่างยิ่งที่คุณทั้งคู่ต้องเห็นพ้องตรงกันว่า บทบาทสำคัญที่สุดของ พ่อแม่ก็คือ การอบรมสั่งสอนเพื่อให้ลูกเดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง ดังนั้นแม้ลูกจะแสดงท่าทีไม่ยอมรับกฎเกณฑ์บางอย่างที่วางไว้ คุณก็ต้องหนักแน่น
อย่าเผลอตามใจและปล่อยให้ลูกมีเสรีภาพทาง ความคิดเกินขอบเขต คุณทั้งคู่ต้องหมั่นเตือนตัวเองเสมอว่า สิ่งที่ ปลูกฝังลูกในวันนี้จะเป็นต้นทุนอันมีค่าต่อชีวิตเขาในอนาคต หรือ จะผลัดกันสวมบทบาทคนหนึ่งดุ คนหนึ่งปลอบก็ย่อมได้ ขอเพียง ทั้งสองฝ่ายต้องรู้จักถ่วงดุลกันอย่างเหมาะสม โดยตั้งอยู่บนพื้นฐาน ของความเข้าใจในอารมณ์ความรู้สึกของลูกและเหตุผลอันสมควร
การสร้างครอบครัวให้มีความสุขและยั่งยืนนั้นยากแสนยาก ดังนั้นอย่าปักใจเชื่อจนกว่าคุณจะประเมินเหตุและผลตามสถานการณ์ที่เป็นจริง และจำไว้ว่าเหรียญทุกเหรียญมีสองด้านเสมอ เมื่อชีวิตคู่มีปัญหา พยายามแก้ไขเบื้องต้นดังนี้
- เลิกหอบงานมาทำที่บ้าน ในกรณีที่คุณบ้างานจนละเลยคนที่นอนข้างๆ สัญญาณเตือนว่าชีวิตคู่ของคุณมีปัญหาจะเริ่มดังขึ้น ลองจัดสรรเวลาสำหรับครอบครัววันละ 1 – 2 ชั่วโมงแทนที่จะพร่ำบอกกับตัวเองว่าไม่มีเวลา
- อย่าใช้งานเป็นข้ออ้างหนีปัญหา การอ้างเรื่องงานนอกจากจะไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นแล้ว ยังทำให้อีกฝ่ายพานไม่ชอบหน้าที่ การงานที่เป็นเสมือนอีกครึ่งหนึ่งของชีวิตคุณด้วย
- พักผ่อนในบรรยากาศโรแมนติก เมื่ออยู่ด้วยกันไปนานๆ ความเคยชินก็ทำให้ความจืดชืดมาเยือนคู่รักได้ จึงควรหาเวลาพักผ่อนตามลำพัง?ทิ้งหน้าที่การงาน ลูกหลาน และปัญหาอย่างอื่นไว้ข้างหลัง และชวนกันไปย้อนเวลาหาอดีตบ้าง
เรื่องจาก : นิตยสาร Secret คอลัมน์ Life Management
บทความที่น่าสนใจ
ความเชื่อและความจริง พระราชญาณกวี
ปัญหาธรรมประจำวันนี้: แต่งงานหลายปีความรักจืดจาง ทำอย่างไรดี
เรื่องจริงของหญิงที่มี ตราบาปของความรัก
ดำรง พุฒตาล กับหลักการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
ทำไมครั้งหนึ่งในชีวิต เราควรมอบความรักให้ใครสักคนและควรได้รับความรักจากใครสักคน