“ติว ดิษยา กรกชมาศ กับทัศนคติการทำงาน “Elegance is an Attitude” เลือกทำในสิ่งที่ตัวเองสนใจ สิ่งตนเองรัก และมีความชอบในสิ่งนั้น แล้วเต็มที่กับมัน ทุกอย่างก็จะสำเร็จอย่างสวยงาม”
ถ้าจะพูดถึงการใช้ชีวิตของแต่ละคนก็เหมือนหนังสือเล่มหนึ่งที่บันทึกเรื่องราวต่างๆ ของคนคนหนึ่งเอาไว้ แต่ละเล่มก็มีเรื่องราวที่แตกต่างกัน ซึ่งหลายๆ คนต่างก็เขียนเรื่องราวของตัวเอง เรื่องราวที่บ่งบอกถึงตัวตนตั้งแต่จุดเริ่มต้นของชีวิต ความสำเร็จในการเรียน การทำงาน ความรัก และอนาคตที่อยากจะทำ ในทุกเรื่องราวทุกๆ หน้ามีการดำเนินเรื่องไปเหมือนกับเข็มนาฬิกาที่เดินต่อไปเรื่อยๆ ไม่หยุดพัก ถึงเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ความคลาสสิกของหนังสือเล่มนี้ก็จะเต็มไปด้วยเรื่องราว ความน่าสนใจเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
วันนี้เรามาเปิดอ่านหนังสือชีวิตของคุณ “ติว” ดิษยา กรกชมาศ ผู้หญิงเก่งที่มากความสามารถ เป็นทั้งนักร้องนำวง Kidnappers นักแสดง และนางแบบ กับเรื่องราวความเป็นตัวตนของเธอในแบบฉบับสาวมั่นที่มีความหวานซ่อนเปรี้ยว พร้อมลุย กับการใช้ชีวิต ทำในสิ่งที่ตัวเธอเองสนใจ และชอบ
นิยามความเป็น “ติว ดิษยา” ที่คนใกล้ตัวมอง
“จริงๆ แล้วติวเป็นคนตลกนะคะ ง่าย ๆ สบาย ๆ ชิวๆ อะไรประมาณนี้ แต่ถ้าถามว่ามีไลฟ์สไตล์แบบง่ายๆ มั๊ย? ก็..ไม่เชิงว่าจะเป็นแบบนั้นนะคะ คือจริงๆ เหมือนแบบ ไลฟ์สไตล์เหมือนจะไม่เรียบง่าย คือเหมือนกับว่าเราก็ชอบแฟชั่น ดนตรี อะไรอย่างนี้ แต่จริง ๆ แล้วเราเป็นคนที่แบบว่าอยู่ง่ายอะไรอย่างนี้น่ะค่ะ ไปแบบไหนก็ได้อะไรแบบนี้ ลุย ๆ อะไรประมาณนี้ค่ะ”
แนวคิดในการใช้ชีวิตให้สุดไปกับการทำงาน
“เรื่องการงานนี้ ติวจะเป็นคนที่แบบว่า เค้าเรียกว่าอะไรล่ะ เราจะใส่ใจกับงานที่ อะไรที่แบบให้ Passion กับเรา หรือว่ามีเรา Passion กับสิ่งนั้น คือเราจะเต็มที่กับงานที่แบบ อย่างบางคนบอกไม่เลือกงาน ไม่ยากจน แต่ สำหรับติวเป็นคนที่เลือกทำสิ่งที่ตัวเองสนใจ หรือว่ารักจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรม หรือจะเป็นเรื่องงาน หรือว่าทุกเรื่องน่ะค่ะ เราจะแบบว่าอินกับสิ่งที่เราสนใจก่อน หรือว่าสิ่งที่เรารัก เราชอบก่อน แล้วเราก็ถึงจะเต็มที่กับมันได้อะไรประมาณนี้ค่ะ เป็นคนที่ชอบจะแบบมีใจให้กับสิ่งๆ นั้นก่อนเสมอแล้วก็ลงมือทำเลย”
ไลฟ์สไตล์การทำงานเป็นแบบไหน งานอะไรที่สนใจทำมากเป็นพิเศษ
“อืม..จริง ๆ แล้วงานที่ได้ทำอยู่ โชคดีที่งานที่ได้ทำอยู่ตั้งแต่เรียนจบจนถึงปัจจุบันนี้ เป็นอะไรที่แบบเราชอบทั้งหมดเลย เราก็เลยแบบเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นแบบ อย่างสมัยก่อนเราก็ไม่รู้ว่าเราจะมีโอกาสได้แบบมาถ่ายงานหรือว่าอะไรที่เป็นเกี่ยวกับวงการบันเทิงในเบื้องหน้าเลย มันเป็นอะไรที่แบบว่า เป็นความบังเอิญทั้งหมด แต่ว่าจากความที่ไม่รู้แล้วได้ลองมาเรื่อย ๆ เราก็เอ๊ย เออเราทำได้นี่นา อะไรแบบนี้ แล้วมันก็กลายเป็นอะไรที่เราสนุกกับมันอย่างนี้น่ะค่ะ ไม่ว่าจะเป็นถ่ายแบบ ร้องเพลง ถ่ายโฆษณาอะไรอย่างนี้ คือเป็นอะไรที่เราได้ลองแล้วเราก็ชอบทั้งหมด เพราะว่าอย่างตอนที่เริ่มเราไม่มีสิทธ์รู้ว่าเราจะทำอะไรได้บ้างค่ะ ถ้าเราไม่ได้ทดลองมันอะไรแบบนี้น่ะค่ะ แล้วก็จริงๆ ที่ชอบที่สุด ที่ได้ทำแล้วก็คือ “ร้องเพลง” แล้วก็เป็นอย่างที่คิดเลยว่า เออเราอยากอยู่ในวงอินดี้อะไรอย่างนี้ ก็เหมือนเป็นความโชคดีด้วยอย่างนึงมั้งคะที่ได้ลองทำสิ่งที่ชอบหมดเลย เพราะใจจริงแล้วก็ไม่ได้เป็นคนที่ชอบ และไม่ถนัดที่จะเป็นสไตล์อยู่ในบริษัท นั่งอยู่กับที่ เพราะเราเป็นคนที่มี energy ชอบออกไปทำนู่นทำนี่น่ะค่ะ อย่างวันนี้ได้ออกมาถ่ายงานข้างนอก ได้เปลี่ยนสถานที่ ได้เปลี่ยนทีมงาน ได้เปลี่ยนบรรยากาศ เปลี่ยนไลฟ์สไตล์หลายอย่างเลยอย่างนี้น่ะค่ะ ถ้าเกิดว่านึกจินตนาการภาพตัวเองอยู่ในออฟฟิศก็คงจะแบบไม่ค่อยได้ เพราะอย่างส่วนตัวก็เป็นคนไม่ชอบอยู่บ้านเลย”
กิจกรรมที่ชอบทำกับเพื่อนๆ มีอะไรบ้าง
“ถ้าอย่างในกรุงเทพฯ สมมุติว่าเราไม่ได้ไปไหน ติวไม่ได้ไปไหนเลยเนี่ย เราก็จะมีการนัดกัน ต้องแบบหาร้านอร่อย ๆ ทาน ทำนู่นทำนี่น่ะค่ะ เราก็จะดูสไตล์ตามแก๊งค์ด้วย แก๊งค์นี้เราชวนไปเหมือนเล่นกีฬา Adventure ได้ ก็อาจจะไปเล่นแบบ Wake surf ไปทำอะไรที่สมบุกสมบัน ก็จะดูเพื่อนๆ ด้วยว่าจะทำอะไรแบบไหน แบบแก๊งค์นี้ไม่ชอบอะไรที่ต้องออกแรงมาก คือเราก็จะแบบตามใจ ดูฟีลของเพื่อนแต่ละกลุ่มด้วย เพราะว่าตัวเราเอง เหมือนเราชอบทำได้หลายอย่าง แต่ว่าเพื่อนบางกลุ่มเค้าจะไม่ได้ชอบแบบเราก็จะมีเฉพาะว่า แบบไม่ทำอย่างนี้ ชั้นไม่ชอบทานชั้นไม่ชอบกินอะไรอย่างนี้ แต่ส่วนตัวติวเองคือเราได้หมด เราก็เลยแบบ blend ไป แต่เราก็จะดูว่าเหมือนเราไปกับใครอะไรแบบนี้ ทีนี้ก็จะเป็นคนต้นคิดหากิจกรรมทำนู่นทำนี่กันไหม จะเป็นคนหยอดเข้าไปในแต่ละกรุ๊ปตลอดอะไรอย่างนี้น่ะค่ะ”
สไตล์การแต่งตัวในชีวิตประจำวันและการเลือกเครื่องประดับคู่ใจ
“ถ้าถามว่าชอบแต่งตัวแบบแฟชั่นเลยมั๊ย? ไม่รู้จะเรียกว่ายังไง คือรู้สึกว่าแต่ก่อนไม่เคยคิดว่าเราต้องแต่งตัวให้แฟชั่น แต่ว่ารู้ตัวตั้งแต่เด็กๆ ก็ไปเอาเสื้อผ้าของคุณแม่มาใส่แล้วอ่ะ (หัวเราะ) เอาแบบนั้นแบบนี้มาใส่ อ๋อเราก็แต่งตัวเป็น เราชอบตั้งแต่เด็กแล้วจริงๆ เราไม่ได้แบบเหมือนอยากจะพยายามที่อยากจะเป็นแบบแฟชั่นอะไรเลยแบบนี้ แต่โอ้โหแม่บอกว่าตั้งแต่ตัวเล็กๆ เลย คือไปเอาเสื้อผ้าของแม่มาทำนู่นทำนี่ประดิดประดอย มันฉายแววมาตั้งแต่เล็ก
ด้วยความที่เราแบบชอบศิลปะอะไรอย่างนี้ด้วยมั้งคะ ก็ Mix and match กันไปเรื่อย เหมือนทำอะไรแบบนั้นมาตั้งแต่เด็ก พอโตก็มีการ เรียกว่าการแต่งกายก็เปลี่ยนไปตามวัยด้วย อย่างถ้ามหาลัยฯ พอดีเรียนเกี่ยวกับศิลปะในมหาลัยฯ เค้าก็จะเน้นเซอร์ ๆ สบาย ๆ เป็นเหมือนแบบที่เค้าเรียกกันแบบติสท์ ๆ อาร์ตๆ อะไรอย่างนี้ พอเราเริ่มโตขึ้นมันต้องมีหลายๆ ที่ ที่เราต้องไป เราก็จะดูเป็นกาลเทศะมากกว่า อย่างไป music festival ไปดนตรีเราก็แบบประหลาด ๆ ได้ ไปงานที่เป็นทางการก็อาจจะมีการปรับ แต่ปรับทุกอย่างก็เลยไม่รู้ว่าจะเรียกว่าแนวอะไรดีแต่ว่าปรับให้เป็น ให้ดูเป็นในพื้นฐานที่เป็นตัวเราอะไรแบบนี้น่ะค่ะ อย่างทางการ ทางการแบบไหนให้เป็นตัวเราอะไรประมาณนี้”
เคล็ดลับการเลือกเครื่องประดับมา match กับการแต่งตัวมีอะไรบ้าง
“จริงๆ ไม่ค่อยมีเคล็ดลับเลยนะคะ เหมือนแบบเราจะเป็นคนชอบดู เค้าเรียกอะไรล่ะ คล้าย ๆ เป็นพวก blocker ฝรั่งอะไรอย่างนี้ ที่เราจะชอบตามใน Instargram เราก็จะมีแบบที่เราชอบหลายๆ คน มันเป็นอะไรที่เหมือนอยู่ในใจเราอยู่แล้ว ว่าเออเราชอบแบบนี้นะ ประมาณนี้ scope ประมาณนี้ แบบผู้หญิงที่เหมือนดูเท่ ๆ หน่อยอะไรอย่างนี้น่ะค่ะ หวาน ๆ อาจจะไม่ใช่ทางเท่าไหร่แค่นั้นเอง แต่จริงๆ การแต่งตัวของติวก็จะอยู่ในแต่ละช่วงนะว่าอยากจะแต่งแบบไหน อยากจะหยิบอะไรมาใส่ในวันนั้นบ้าง วันนี้อยากจะเน้นแจ็กเกตก็พอ หรือว่าวันนี้แบบ กางเกงดี รองเท้าดีอะไรอย่างนี้น่ะค่ะ แล้วแต่วันและก็แต่ละงานที่ต้องไปด้วยค่ะ
ส่วนเครื่องประดับที่ใส่บ่อยๆ และชอบมากคือ ต่างหู ค่ะ แต่ด้วยความที่ติวมีปัญหาด้านหูเป็นคีลอยด์ แล้วติวไม่สามารถใส่อะไรที่มันเป็นใหญ่ๆ ได้ ติวก็เลยต้องหาซื้อต่างกูวินเทจที่เป็นตัวหนีบมาใส่แทน ซึ่งค่อนข้างจะหายากเหมือนกัน แต่ก็ชอบที่จะใส่ ก็จะพยายามมองหาร้านขายที่ดีไซน์เก๋ๆ ร้านวินเทจ อย่างของเมืองไทย หรือเมืองนอกถ้าเราได้ไป flea market เราก็จะไปดูร้านวินเทจที่มันพอจะ ใส่สองข้างได้ ถ้าอย่างวันไหนใส่ต่างหู ก็อาจจะไม่มีสร้อย มีสร้อยก็อาจจะไม่มีต่างหู ยกเว้นแต่ว่า แบบว่ามัน match กันแล้วมันลงตัว อาจจะมีทั้งต่างหูทั้งสร้อยได้อะไรอย่างนี้ เหมือนเป็นสไตล์ mix and match แบบสาวฝรั่งประมาณนี้น่ะค่ะ แล้วแบบเลย ส่วนนาฬิกาก็ชอบใส่ก็จะเลือกให้เข้ากับลุค เข้ากับเสื้อผ้าในวันนั้นด้วย แต่ติวจะชอบนาฬิกาที่ดูเรียบๆ เก๋ๆ มีคลาสสิกอยู่ในตัวเพราะเข้ากับการแต่งตัวของตัวเองมากที่สุดค่ะ”
ทำไมถึงเลือกนาฬิกา LONGINES
“ติวว่ามันมีความคล้ายติวอย่างนึง คือ มันไม่ตะโกนแบบว่าชั้นเป็นแบบ แฟชั่น!! นะมาใส่ชั้นสิ หรือแบบไม่ได้ตะโกนอะไรเลยน่ะค่ะมันไม่ฉูดฉาดหรือแฟชั่นจ๋าขนาดนั้น มันเป็นความคลาสสิกที่ว่า ความคลาสสิกสำหรับติว คือ มันไม่ใช่แค่ว่าช่วงอายุที่คนโต ๆ หรือคนวัยรุ่นจะใส่ได้เท่านั้นน่ะ มันเป็นไม่ว่าวันนี้จะใส่เดรสหวานๆ ก็อาจจะใส่เรือนนี้เรือน Longines DolceVita ที่เป็น Collection ใหม่ล่าสุดปี 2022 นี้ ที่จะมาเติมสีสันในการใช้ชีวิตในแบบ “Sweetness of Life” ในแบบของติวได้ลงตัวมากๆ ซึ่งเรือนนี้สามารถใส่เป็นแบบเท่ๆ อย่างติวได้เลย ไม่ว่าจะใส่กางเกงยีนส์ หรือเป็นสูทก็ได้ หรือว่าไปใส่กับเดรสหวาน ๆ ก็ได้ มันสามารถ blend ไปกับอะไรก็ได้น่ะค่ะ นี่คือความคลาสสิกสำหรับติว แล้วมันดูดีน่ะค่ะ อะไรที่มันไม่แบบไม่เวอร์มากหรืออะไรเยอะๆ เกินไป ติวว่ามันก็ไม่ใช่ตัวติวในแบบที่ติวชอบ
ถือว่าความคลาดสสิกของ LONGINES มันเป็นความคลาสสิกที่ลงตัวมากๆเป็น for everyday look ของติว ได้เลยค่ะ เพราะสามารถใส่ได้ทุกลุคทุกสไตล์เลยสำหรับติว อย่างที่บอกว่ามันคลาสสิกมัน Timeless น่ะค่ะ คิดว่านี่ใส่ได้ไปอีกแบบตลอดชีวิต (หัวเราะ) ดีไซน์มันได้หมดเลยค่ะ นี่อย่างวัยรุ่นอย่างนี้ก็ใส่ได้เลยนะคะ ต่อให้เรามีอายุ 70-80ปี ก็คือยังได้อยู่นะ อันนี้มันคือความคลาสสิก Timeless ที่สำหรับติวมันคือ แฟชั่น และความแฟชั่นในแบบติวมันคืออย่างนี้น่ะค่ะ”
#LonginesThailand #EleganceIsAnAttitude #LonginesDolceVita