8 บทเรียนจากประสบการณ์ตรงของ Phil Knight ชายผู้ก่อตั้งแบรนด์ Nike
เชื่อว่าหลายคนน่าจะรู้จักแบรนด์รองเท้ากีฬาที่โด่งดังไปทั่วโลกอย่าง Nike กันดี ว่ากันว่าบ้านหนึ่งหลังจะต้องมีรองเท้า Nike อย่างน้อยหนึ่งคู่ คิดดูละกันว่าปีๆ หนึ่ง Nike จะมีรายได้มหาศาลแค่ไหน เพราะบางคนไม่ได้มีรองเท้า Nike แค่คู่เดียวด้วยซ้ำ ซึ่งวันนี้เราก็มีเรื่องราวของ Phil Knight ชายผู้ก่อตั้งแบรนด์ Nike มาฝากกันว่ากว่าจะมาถึงทุกวันนี้เขาได้บทเรียนและข้อคิดอะไรจากมันบ้าง
1.ใช้เวลาในช่วงวัยรุ่นให้เต็มที่
หลายคนอาจจะคิดว่าการใช้ชีวิตให้เต็มที่คือการกินเหล้า ปาร์ตี้กับเพื่อนๆ ให้หนัก แต่สำหรับเขานั้นเขาหมายถึงการใช้เวลาเต็มที่ไปกับการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ เที่ยวให้เต็มที่ ออกไปเจอโลกกว้าง เพราะช่วงวัยรุ่นเป็นช่วงเวลาที่คุณยังมีแรงมีความฝัน และประสบการณ์เหล่านี้จะไม่สูญเปล่าเพราะมันจะนำมาต่อยอดในอนาคตคุณได้
2.หาสิ่งที่ชอบและเชื่อมั่นในตัวเอง
คุณรู้ไหมว่างานแรกที่เขาทำคืองานขายหนังสือ และงานขายหลักทรัพย์ แต่มันกลับไม่ประสบความสำเร็จและมันทำให้เขาคิดว่าตัวเองคงไม่เหมาะกับงานด้านนี้ แต่เมื่อเขาได้เปลี่ยนมาขายรองเท้ากีฬา กลับขายดีเป็นเทน้ำเทท่า นั่นก็เพราะเขาสมัยมหาลัยเขาชอบเล่นกีฬามาก ทำให้เขาสามารถถ่ายทอดสินค้า ไปสู่ลูกค้าให้เข้าใจในตัวสินค้าได้อย่างถ่องแท้
3.Just do it (แค่ทำมัน)
ในช่วงวัยรุ่นเขาคิดไอเดียการเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่จะนำเข้าสินค้าจากประเทศญี่ปุ่นมาขายตอนนั้นมันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะเขาไม่มีเงิน ไม่มีความสำเร็จมาก่อน เขาเป็นแค่คนขายรองเท้าเท่านั้น เขาจึงได้เดินทางไปประเทศญี่ปุ่น เพื่อติดต่อตัวแทนจาก Onitsuka และบอกว่าเขาเป็นตัวแทนของบริษัทหนึ่งในสหรัฐ (ทั้งที่ตอนนั้นยังไม่มีบริษัทด้วย) แถมยังสั่งรองเท้าแบบไม่รู้ว่าจะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายอีกด้วย แต่สุดท้ายเขาก็สามารถทำตามที่คู่ค้าบอกไว้ได้ เขาเจรจาจบก็สร้างบริษัทมารองรับ แถมยังสามารถหาเงินหมุนมาจ่ายค่ารองเท้าที่สั่งตามตกลงกันไว้ได้อีกด้วย
4.หามิตรภาพที่ไว้วางใจได้
ช่วงแรกที่ก่อตั้งบริษัทพนักงานส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนนักกีฬาเก่าที่เคยเล่นมาด้วยกันมาร่วมทีม และแน่นอนว่าบริษัทที่เขาสร้างมันไม่ได้ราบรื่นซะทีเดียว มีช่วงหนึ่งที่บริษัทมีเรื่องต้องใช้เงินด่วนแต่เขามีเงินไม่เพียงพอ ซึ่งหนึ่งในพนักงานของเขาได้ใช้เงินก้อนสุดท้ายของครอบครัวมาให้ เขายืมไปใช้จ่ายก่อนด้วยเหตุผลที่ว่า “หากไม่ไว้ใจบริษัทที่เราทำงาน แล้วจะไปไว้ใจใครได้อีกล่ะ” เพราะเหตุนี้ทำให้เขารู้ซึ้งถึงคำว่า “มิตรภาพ” เป็นอย่างมาก
5.อย่าบ้าบิ่นให้มาก แต่ก็ควรมีสักครั้งที่คุณทุ่มสุดเพื่อบางสิ่ง
เมื่อก่อนเขาเคยทำงานประจำเป็นนักบัญชีและผู้ช่วยศาสตราจารย์อยู่หลายปี แต่เขาก็มีความฝันเป็นว่าอยากจะมีสร้างบริษัทเป็นของตัวเอง และแล้วเขาก็เลือกลาออกจากงานทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าจะสำเร็จรึเปล่า แถมยังได้เอาบ้านไปจำนองเพื่อนำเงินมาทำธุรกิจอีกด้วย แต่เมื่อเขาตัดสินใจแล้วก็ต้องทำให้ถึงที่สุดและความบ้าบิ่นในวันนั้นมันก็ทำให้เขามีวันนี้
6.รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรและจงพูดออกมา
เหตุผลส่วนใหญ่ที่ทำให้การพูดคุย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน หรือเรื่องอะไรก็ตามที่ไม่สำเร็จก็เพราะคนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรกันแน่ พูดกันแบบไร้จุดหมาย วกไปวนมามีแต่น้ำไม่มีเนื้อ ดังนั้นเวลาที่เขาจะเจรจาทางธุรกิจเขาจะพูดให้ชัดเจนถึงสิ่งที่เขาต้องการ เพราะมันคือวิธีที่ทำให้คนที่ทำงานกับเราเข้าใจได้ง่าย และงานที่ออกมาจะไม่มีปัญหา
7.มีแผนสำรองไว้เสมอ
เหตุการณ์ใหญ่ที่เป็นบทเรียนทำให้เขาตระหนักได้ว่า ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามควรมีแผนสำรองไว้ตลอด หลังจากบริษัทของเขานำเข้ารองเท้าแบรนด์ Onitsuka มาขายในอเมริกา จู่ๆ ทาง Onitsuka ก็ขอยกเลิกสัญญากับบริษัทของเขา ทำให้เขาต้องหาทางแก้ไขเพื่อไม่ให้บริษัทล้มละลาย โดยเขาได้เริ่มคิดค้นรองเท้าขึ้นมาเป็นของตัวเอง และตั้งชื่อให้มันว่ารองเท้า Nike แน่นอนว่าช่วงแรกเขาลองผิดลองถูกมาเยอะมากแต่ก็มีการพัฒนามาเรื่อยๆ จนแบรนด์รองเท้า Nike ยิ่งใหญ่มาถึงปัจจุบัน
8.สร้างความเชื่อมั่นและเป็นหนึ่งเดียวกับพนักงาน
เมื่อคราวที่ Onitsuka ยกเลิกสัญญาพนักงานในบริษัทต่างก็รู้สึกกลัว รู้สึกหมดกำลังใจ เพราะแน่นอนว่าใครๆ ก็กลัวการตกงานอย่างกระทันหันทั้งนั้น แต่ Phil Knight เขาได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับพนักงานว่าเขาสามารถผ่านมันไปได้ และมันก็ผ่านไปได้จริงๆ เขาขอบคุณที่ในวันนั้นพนักงานไม่ทิ้งเขาและยังบอกอีกว่า ที่บริษัทดำเนินการได้มาถึงทุกวันนี้ไม่ใช่เพราะเขาหรือ Onitsuka แต่เป็นเพราะการร่วมแรงร่วมใจกันของทุกคนในบริษัทต่างหาก
เรื่อง : saipiroon_goodlifeupdate
ข้อมูลจาก : www.businessinsider.com