ณ วัดหนองคู ห่างจากตัวเมืองร้อยเอ็ดไปราว 1 ชั่วโมง สถานที่จัดงานพระราชทานเพลิงศพเป็นกรณีพิเศษ จ่าแซม-สมาน กุนัน วีรบุรุษถ้ำหลวงฯ ผู้พลีชีพขณะออกปฏิบัติภารกิจค้นหา ทีมหมูป่าอะคาเดมีแม่สาย เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
เมื่อความทราบถึงพระเนตรพระกรรณของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร จึงโปรดเกล้าฯ ให้ทรงรับไว้ในพระราชานุเคราะห์ ทั้งยังทรงมีรับสั่งให้จัดงานอย่างสมเกียรติ และให้ดูแลครอบครัวผู้เสียชีวิตอย่างดีที่สุด เป็นที่มาให้ เวลา 14.15 น. ในวันเดียวกันนั้น เจ้าหน้าที่ได้ทำพิธีเคลื่อนศพ จ่าแซม ขึ้นสู่เครื่องบินของกองทัพเรือ
ก่อนส่งต่อไปยังสนามบิน กบร. สัตหีบ เพื่อทำพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ณ วัดสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ในช่วงเย็น พร้อมสวดอภิธรรม 1 คืน จากนั้นจึงเคลื่อนย้ายไปบำเพ็ญกุศลที่วัดหนองคู ใกล้บ้านเกิดใน จ.ร้อยเอ็ด เพื่อสวดอภิธรรมต่อจนครบ 7 คืน
และวันนี้ 14 กรกฎาคม ในเวลา 16.00 น ก็จะเป็นวันที่ จ่าแซม-สมาน กุนัน จะออกเดินทางเป็นครั้งสุดท้าย นั่นคือการเดินทางกลับไปยังสวรรค์
โดยพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี จะเดินทางไปเป็นประธานในพิธีพระราชทานเพลิงศพ จ่าแอกสมาน หรือที่ล่าสุดเพิ่งได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานยศเป็นกรณีพิเศษที่ “นาวาตรี สมาน กุนัน” ณ เมรุชั่วคราว วัดหนองคู
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศว่า “จ่าเอก สมาน กุนัน” ทหารกองหนุนประเภทที่ ๑ ชั้นที่ ๓ สังกัดกองเรือยุทธการ เป็นผู้ที่ประกอบคุณงามความดี และได้อุทิศความช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์จนกระทั่งตนเองเสียชีวิต มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ต่อสาธารณชน องค์กร และนานาประเทศ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานยศเป็นกรณีพิเศษที่ “นาวาตรี สมาน กุนัน” และพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ ๑ ประถมาภรณ์ช้างเผือก(ป.ช.) เป็นกรณีพิเศษ
ก่อนหน้านี้ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก โปรดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเชิญผ้าไตรบังสุกุลประทาน ๕ ไตรไปทอดหน้าหีบศพ “จ่าแซม” ในพิธีพระราชทานเพลิงศพเป็นกรณีพิเศษด้วยอีกทั้งยังโปรดให้เชิญรับสั่งทรงเป็นกำลังใจให้ครอบครัวของผู้วายชนม์ คลายโศกและให้ถึงพร้อมด้วยศรัทธาในการบำเพ็ญคุณความดีสืบไป
ทั้งนี้ในอินสตาแกรมของคุณดอยธิเบศร์ ดัชนี หนึ่งในอาสาสมัครภารกิจค้นหาทีมหมูป่า ซึ่งได้เดินทางไปร่วมงานสวดอภิธรรม “จ่าแซม” ก็ได้เขียนความรู้สึกในห้วงเวลาที่ได้พบคุณพ่อของจ่าว่า…
#จากเชียงรายถึงร้อยเอ็ด นับเป็นครั้งแรกในชีวิต ที่ผมเดินทางมาจังหวัดร้อยเอ็ด หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจค้นหาทีมหมูป่า ณ ถ้ำหลวง จังหวัดเชียงราย คนทั้งโลกต่างพากันชื่นชมยินดี แต่สำหรับผมภารกิจครั้งนี้ยังไม่แล้วเสร็จ หากไม่ได้มากราบศพ จ่าเอกสมานด้วยตนเอง
#หัวใจของผู้เป็นพ่อวีรบุรุษถ้ำหลวง ผมมาถึงวัดหนองคู จังหวัดร้อยเอ็ด ตั้งแต่บ่ายโมงครึ่ง หลังจากกราบศพเสร็จ ผมมานั่งรอพิธี มองเห็นชายผู้เป็นพ่อ ยืนรับแขกที่มางานอยู่หลายชั่วโมงอย่างเข้มแข็ง ผมรอเวลาจนถึงหกโมง มีจังหวะเข้าไปมอบพวงหรีดและเงินทำบุญจำนวน 100,000 บาท ผมพูดกับพ่อว่า “พ่อครับ ผมขอแสดงความเสียใจด้วยอย่างสุดซึ้งครับ ผมเป็นกู้ภัยที่ปฏิบัติภารกิจร่วมกันในถ้ำหลวง ผมมาจากเชียงราย ตั้งใจมาเคารพศพ ลูกของพ่อคือวีรบุรุษ พ่อรักษาสุขภาพด้วยนะครับ” ผมโผเข้ากอดพ่อ…กอดนั้นรับรู้ได้ถึงความสูญเสียและหัวใจที่แตกสลาย แต่กอดของผู้เป็นพ่อนั้นแนบแน่นและทรงพลังสมกับเป็นพ่อของวีรบุรุษถ้ำหลวงฯ พ่อพูดกับผมว่า…”ซึ้งใจจริงๆ” ผมกราบลาพ่อและภรรยาของจ่าเอกสมาน เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพ ผมมากราบจ่าแล้ว…ภารกิจถ้ำหลวงเสร็จสิ้นอย่างสมบูรณ์
ขณะที่ในอินสตาแกรมของคุณวลีพร กุนัน @valeepoan_sinmongkolsup ซึ่งเป็นภริยา “จ่าแซม” แม้จะสัมผัสได้ถึงความเศร้าอย่างเต็มเปี่ยม แต่ก็มีความภาคภูมิใจในตัวสามีวีรบุรุษอัดแน่นอยู่เช่นกัน
“ผู้ชายที่แสนดีที่สุด…ในชีวิต… ขอบคุณที่เกิดมารักกัน… ต่อจากนี้ไปคำที่เธอชอบบอกว่าเมียทหารต้องอดทนต้องแข็งแกรง… ฉันจะพยามทำให้ได้ ในวันที่ไม่มีเธอ…”
“ใกล้แล้วนะ..ใกล้จะจบภาระกิจแล้วนะ….เด็กๆ กำลังจะกลับบ้านกันทุกคนแล้ว…ตามไปดูแลน้องด้วยนะที่โรงบาล…..ให้ปลอดภัยทุกคนนะ….”
“คิดถึงจังคนบนฟ้า… ความรู้สึกไม่เปลี่ยนไป… เหมือนว่าเธอยังอยู่ใกล้ๆ… ไม่เคยจากไปไหน… แค่เหมือนชีวิตรอเธอ…ฮีโร่”
ทุกข้อความที่เธอเขียนถึงสามีตอกย้ำว่า…”จ่าแซม” วีรบุรุษถ้ำหลวงฯ คือคนดีโดยเนื้อแท้ และความดีนี่แหละที่ไม่มีวันตาย
ขอบคุณที่มาเรื่องและภาพทุกภาพมา ณ ที่นี้