ปัญญา นิรันดร์กุุล

ธรรมะไม่ธรรมดาของเจ้าพ่อเกมโชว์พันล้าน ปัญญา นิรันดร์กุล

ธรรมะไม่ธรรมดาของเจ้าพ่อเกมโชว์พันล้าน ปัญญา นิรันดร์กุล

เป็นเวลากว่า 25 ปีที่บริษัทเวิร์คพอยท์  เอ็นเทอร์เทนเมนท์  จำกัด  (มหาชน) ผู้ผลิตรายการโทรทัศน์  เกมโชว์  วาไรตี้  และซิตคอมครบวงจร  เติบโตขึ้นภายใต้การนำของคุณตา ปัญญา นิรันดร์กุล

การเริ่มต้นทำช่องทีวีของตนเองในครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นการพิสูจน์ ศักยภาพความเชี่ยวชาญด้านการผลิตรายการโทรทัศน์เท่านั้น  แต่ ณ ช่วงเวลาเดียวกันยังได้นำพาให้คุณปัญญาพบกับความรู้ทางธรรมอันประเสริฐที่ไม่เคยรู้มาก่อน

 

ที่มาของการตัดสินใจทำช่อง 1 เวิร์คพอยท์คืออะไรคะ

การได้ประมูลช่องทีวีดิจิทัลถือเป็นโอกาสดีที่เข้ามาในขณะที่เรามีความพร้อมทุกอย่าง  โดยเฉพาะทีมงานชาวเวิร์คพอยท์ที่ต้องบอกว่าอะเลิร์ตมาก  ไฮเปอร์มาก  ฟิตกันเหลือเกินในการคิดสร้างสรรค์รายการต่าง ๆ ออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง  จึงเป็นที่มาว่าเมื่อเป็นเช่นนี้เราควรไปประมูลช่องทีวีกันเถอะ  เพราะถ้าไม่ประมูล  ใจคงจะขาดแน่  ตอนนี้ทำมาปีครึ่งแล้ว  เรียกว่าประสบความสำเร็จ ซึ่งถือว่าเราโชคดีมาก

การเริ่มต้นครั้งนี้เป็นการเริ่มใหม่ในการทำช่องดิจิทัลแต่ไม่ใช่เริ่มใหม่ในการทำรายการทีวี  เวิร์คพอยท์ทำงานนี้มาอย่างน้อย ๆ 25 ปี เราจึงมีความเชี่ยวชาญ  จนได้กำลังใจรวมทั้งเสียงปรบมือจากคนดูและเอเจนซี่ต่าง ๆ

 

เคล็ดลับความสำเร็จของการก้าวสู่การเป็นธุรกิจพันล้านคืออะไรคะ

การทำงานของเราเริ่มมาจากไม่มีเงินทอง  ไม่มีสิ่งใด ๆเลย  จึงเกิดโจทย์ว่าแล้วเราจะดำรงชีพอย่างไร  พบว่าการทำงานที่เราถนัด  เราชอบ  และทำเป็นอยู่แล้วสามารถนำมาซึ่งความสำเร็จได้  โดยเฉพาะเรื่องการทำงานที่ถนัด  เป็นพื้นฐานที่ทำให้เราคิดต่อไปว่าจะทำอย่างไรให้งานออกมาดียิ่ง ๆ ขึ้นไป

ในโลกแห่งการแข่งขันและการพัฒนา  หากเป็นสิ่งที่เราชอบอยู่แล้ว  เราก็มีโอกาสชนะ  ผู้บริหารต้องมีวิสัยทัศน์มองให้ออก  และต้องรู้ด้วยว่าเราเชี่ยวชาญอะไร  ถนัดอะไร  เก่งเรื่องอะไรที่สุด  เอตทัคคะของเราคือเรื่องอะไรกันแน่  ต้องรู้จักตัวเองว่าทีเด็ดของเราคืออะไร  อย่างเวิร์คพอยท์ไม่ได้เปลี่ยนไปทำอย่างอื่น  พูดได้ว่าเราเป็นคนโง่สำหรับเรื่องอื่นเคยมีคนยกย่องชมเชยว่าเราเก่ง  เราก็บอกว่าไม่ได้เก่งอะไรคนก็บอกว่าเราถ่อมตัว  ความจริงแล้วยังมีอย่างอื่นอีกตั้งเยอะแยะมากมายที่เราไม่เก่ง  ที่ทำอยู่ทุกวันนี้เนื้องานเป็นตัวพิสูจน์ออกมาเองว่าเราตั้งใจทำแค่ไหน  เพราะปกติแล้วทั้งปัญญานิรันดร์กุล และ ประภาส  ชลศรานนท์ เป็นคนที่ไม่ชอบเป็นข่าวเวลามีคนมาถามเรื่องเนื้องานหรือถามว่าบริษัทเติบโตขึ้นกี่เปอร์เซ็นต์จะไม่ชอบเลยเพราะรู้สึกเขิน  แต่หากคุยเรื่องธรรมะนี่จะชอบ  เพราะอยากร่วมแบ่งปันความรู้สึกที่เรามาถึงจุดนี้

 

เห็นว่าช่วงที่ประมูลช่องทีวีเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่คุณตาได้พบธรรมะของพระพุทธเจ้า กระทั่งนำไปสู่การฉายซีรี่ส์เรื่อง พระพุทธเจ้ามหาศาสดาโลก

ซีรี่ส์พระพุทธเจ้าฯ ถือว่าเป็นบุญกุศล  การจะทำอะไรเกี่ยวกับธรรมะหรือพระพุทธเจ้า  ก่อนอื่นเราต้องมีบุญก่อนเรื่องนี้ปัญญาคิดเอาเองนะว่าโดยส่วนตัวเราก็ประพฤติเลวน้อยกว่าประพฤติดี  ประกอบกับช่วงการประมูลช่องดิจิทัลเมื่อปีกว่า ๆ ที่ผ่านมา  มีโอกาสไปสังเวชนียสถานที่พุทธคยาและพาราณสี  ประเทศอินเดีย  โดยการนำของ หลวงพ่อโกวิท วัดด่านใน  จังหวัดนครราชสีมา  ตอนแรกไม่อยากไป  เพราะพอบอกว่าไปอินเดียก็นึกภาพออกเลยว่าสภาพความเป็นอยู่ต้องลำบากยากจนข้นแค้นอย่างไร  พอไปถึงที่นั่นก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ  หลวงพ่อท่านบอกว่า  นี่แหละคือสัจธรรม  คืออริยสัจสี่ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้  จึงเข้าใจทันทีว่าสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้มีอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องไปแบกมันไว้  แต่ไปเห็นเพื่อนำมาพิจารณาความเป็นจริง

ตอนไปที่นั่นได้พักที่โรงแรมซึ่งมีสภาพยิ่งกว่าชายแดนบ้านเรา  แต่ก็อยู่ได้  เพราะเข้าใจว่าทุกข์คืออะไร  จึงเอาใจไว้ที่พระพุทธเจ้า  อยู่กับธรรมะ  ก่อนหน้านี้มีความรู้เรื่องธรรมะแค่นิด ๆ หน่อย ๆ  หลังจากวันนั้นมาเหมือนกับได้เปิดประตูสู่โลกแห่งธรรมะ  เริ่มสนใจอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับศาสนา  การไปอินเดียครั้งนั้นยังได้อธิษฐานจิตกับพระ-พุทธเจ้าว่าอยากรู้เรื่องพระพุทธศาสนาอย่างจริงจัง  ถ้าโชคดีมีบุญขอให้ได้เข้าใจธรรมะที่ลึกซึ้งอย่างง่าย ๆ  และอยากช่วยเผยแผ่ศาสนาด้วย  พอกลับมาจากอินเดียก็ได้เจอกับซีรี่ส์พระพุทธเจ้าฯ  ถือเป็นนิมิตหมายอันดีที่แสดงว่าพระองค์ท่านรับรู้ความตั้งใจของเราแล้ว

สิ่งที่อยากจะสื่อสารให้ผู้ชมที่ได้ดูซีรี่ส์ พระพุทธเจ้ามหาศาสดาโลก คืออะไรคะ

เรื่องราวของพระพุทธประวัติทำให้เราเห็นว่าพระองค์ท่านผ่านเรื่องราวในชีวิตมาทุกเรื่องแล้ว  ดังนั้นหากคุณเจอปัญหาชีวิต  สามารถหยิบเรื่องราวในพระพุทธประวัติออกมาเป็นตัวอย่างได้เลยว่าจะแก้ปัญหานั้นอย่างไร  เพราะทุกปัญหาล้วนแต่มีตัวอย่างมาแล้วทั้งสิ้นตั้งแต่ในสมัยพุทธกาล

พระพุทธองค์ทรงสอนให้เราเห็นทุกข์ที่เกิดจากความยึดติด  เพราะฉะนั้นถ้าหลุดพ้นจากความยึดติดได้ก็จะมีความสุข  สัจธรรมข้อนี้ทำได้ไม่ง่ายเลย  เพราะสัญชาตญาณของคนและสัตว์ล้วนต้องหาสิ่งต่าง ๆ มาครอบครองเพื่อการดำรงอยู่  ทำให้เกิดการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น  ที่ร้ายแรงที่สุดก็ถึงกับเข่นฆ่ากันเพื่อให้ได้มา

นอกจากนี้พระพุทธองค์ยังทรงแสดงออกมาให้เห็นหมดเลยว่า  ครอบครัวที่มั่งคั่งแล้วมีลูกอยากสละทรัพย์สมบัตินั้นพ่อแม่คิดอย่างไร  เมียคิดอย่างไร  หรืออย่างเรื่องการบำเพ็ญ-เพียรทุกรกิริยาที่ท่านทำนั้นส่งผลต่อตัวท่านอย่างไร  การมีจิตเมตตาเกิดขึ้นได้อย่างไร  หรือการมีจิตใจที่เบิกบานลอยอยู่เหนือทุกข์ต่าง ๆ นั้นเป็นอย่างไร  เราจะพบคำตอบได้ในซีรี่ส์นี้ซึ่งมีข่าวดีว่าจะนำเรื่องนี้มาฉายอีกรอบเพื่อให้ทุกคนได้ศึกษากัน

พระพุทธองค์ทรงเป็นตัวอย่างให้เราเห็นว่า  ท่านมีทรัพย์สมบัติมหาศาล  มีครบทุกสิ่งอย่าง  แต่ท่านสละหมดปัญญาเลยคิดว่าคนที่จะตรัสรู้ได้นี่ต้องเป็นคนที่ผ่านมาแล้วทุกอย่าง  ทั้งทุกข์ที่สุด  สุขที่สุด  เพียรที่สุด  อดทนที่สุดบำเพ็ญทานบารมีมาอย่างมากมาย  ดังนั้นจึงอยากบอกคนที่มีบุญมีเงินทองและมีความพร้อมทุกอย่างแล้วว่าอยากให้หันมาศึกษาธรรมะกัน  เพราะเมื่อเจอความทุกข์จะมีโอกาสได้เข้าใจมันอย่างชัดเจน

 

การเปิดประตูสู่โลกทางธรรม” ได้เรียนรู้อะไรบ้างคะ

ก่อนหน้านี้แม้จะนับถือศาสนาพุทธ  แต่ไม่เข้าใจธรรมะเพราะไม่มีเหตุปัจจัยที่อยากจะศึกษาค้นคว้าอย่างลึกซึ้ง  จนได้มีโอกาสเดินทางไปอินเดียกับหลวงพ่อโกวิท  แม้จะไปเพียง4 - 5 วันแต่ก็คุ้มค่ามาก  ท่านเป็นผู้เปิดประตูให้รู้ว่ายังมีพระอริยสงฆ์อีกมากมาย  ซึ่งทำให้เรารู้สึกสดชื่น  อยากไขว่คว้าหาความรู้จากท่านต่าง ๆ เหล่านี้  ท่านทำให้ปัญญาอยากศึกษาธรรมะอย่างจริงจัง  และอ่านหนังสือธรรมะของพระทุกรูป  ทั้งของ ท่านพุทธทาส  ท่านปัญญานันทภิกขุ  หลวงปู่ชา  และครูบาอาจารย์อีกหลาย ๆ ท่าน  ล่าสุดนี่กำลังคลั่งไคล้ท่าน ว.วชิรเมธี  เพราะท่านสามารถนำธรรมะที่เข้าใจยากมาอธิบายให้เข้าใจได้อย่างง่าย ๆ  คนระดับไหนก็รับได้

ตอนนี้ปัญญากำลังอินธรรมะมาก  และเข้าใจว่าการจะศึกษาธรรมะได้ต้องมีบุญมาก  มีความเพียรมาก  ตั้งใจมากธรรมะช่วยให้เรามองเห็นสิ่งต่าง ๆ ชัดเจนขึ้น  มีสมาธิมากขึ้นเกิดปัญญามองเห็นปัญหา  รู้ว่าอะไรคือทุกข์  สาเหตุแห่งทุกข์และวิธีดับทุกข์คืออะไร  ซึ่งนำมาพัฒนาใช้กับชีวิตและการทำงานได้หมด  เรียกว่าเรายกพระพุทธองค์มาไว้ในใจ  เคยนึกเสียดายเหมือนกันว่าทำไมไม่เรียนรู้ธรรมะให้เร็วกว่านี้  ใครที่รู้ธรรมะมาตั้งแต่เด็กนี่ได้เปรียบ  แต่คิดอีกทีก็ไม่ได้สายเกินไป

เมื่อมองย้อนกลับไปสมัยยังเป็นเด็ก  ตอนเป็นเด็กฐานะก็ติดลบ  พ่อแม่ไม่มีเงิน แต่ไม่เคยเอาชีวิตไปเปรียบเทียบกับสิ่งต่าง ๆ ว่าเราดีหรือแย่อย่างไร  ชีวิตเราขวนขวายสร้างเนื้อ-สร้างตัวขึ้นมาเองด้วยสัมมาทิฏฐิ  ทำมาหากินโดยสุจริตไม่เคยขโมยหรือคิดในทางมิชอบเพื่อให้ได้มา  จึงเชื่อเรื่องของกฎแห่งกรรมมาก  ทำสิ่งใดก็จะได้สิ่งนั้น  ทำดีได้ดี  ทำชั่วได้ชั่ว  เราเชื่อว่าชะตากรรมเป็นการกำหนดมาจากอดีตชาติ  แต่ชาตินี้กับชาติหน้าเราเป็นผู้กำหนดเอง

ตั้งแต่ได้ศึกษาธรรมะคิดว่าตัวเองเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้างคะ

เปลี่ยนไปนะ  อย่างเมื่อก่อนหงุดหงิดง่าย  ใจร้อนเรียงระบบความคิดไม่ค่อยดี  เวลาทำอะไรจะพุ่งเป้าไปที่เป้าหมายยอดเยี่ยม เน้นสปีดเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย  มุ่งให้สำเร็จอย่างเดียว  พอหมดเรื่องนี้ปุ๊บก็เปลี่ยนเป้าใหม่  แล้วก็พุ่งเป้าไปที่ความสำเร็จอีกเรื่อง  เรียกว่าเหยียบคันเร่งมาทั้งชีวิตไม่มีเบรก  ก็เลยเหนื่อย  แต่พอกลับมาจากสังเวชนียสถาน เริ่มเห็นว่าชีวิตคนเราไม่จำเป็นต้องเหยียบคันเร่งตลอดเวลา ก็ไปถึงจุดหมายและประสบความสำเร็จได้เหมือนกัน  ชีวิตต้องรู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา  สุดท้ายก็กลับมาที่มัชฌิมาปฏิปทาคือเดินทางสายกลาง  ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเราได้ยินได้ฟังมาเยอะนะคำคำนี้  แต่ไม่รู้ว่าคืออะไร  ไม่เคยเข้าใจ  พอศึกษาธรรมะทำให้เข้าใจมากขึ้น  ตอนที่ศึกษาแรก ๆ ลำบากเหมือนกันเพราะไปอ่านภาษาบาลี  อ่านบทสวด  เมื่อก่อนสวดอิติปิโสฯก็ไม่ได้  ไม่รู้ว่าสวดพาหุงฯคืออะไร  ธัมมจักกัปปวัตนสูตรสมาธิ  ศีล และปัญญาคืออะไร  แต่เดี๋ยวนี้อยู่ในสายเลือดหมดแล้ว

การศึกษาธรรมะทำให้คิดเหมือนกันนะว่าทำงานเยอะไปหรือเปล่า  ต้องทิ้งทุกสิ่งอย่างเลยหรือ  จะทำงานหาเงินเยอะแยะไปเพื่ออะไร  เหนื่อยก็เหนื่อย  ทั้งที่กินก็น้อย ใช้ก็น้อย  ซึ่งเป็นการคิดแบบตึงเกินไปไง  เพราะการจะทำอย่างนั้นได้ คุณต้องเก่งกล้าที่จะสละทุกอย่างแล้วออกบวช  แต่พระ-พุทธเจ้าท่านไม่ได้บอกให้ไปบวชทุกคน  เพราะบุญแต่ละคนไม่เท่ากัน  คนมีบุญมากถึงจะไปบวช  บรรลุธรรมและไปนิพพานแต่ถ้าหากคุณยังไม่มีบุญมากขนาดนั้น  คุณยังติดอยู่กับทรัพย์-สมบัติ  สิ่งของ  คุณก็ต้องทำงาน  เมื่อยังต้องทำงาน  เราก็คิดแต่เรื่องดี ๆ  ด้วยจิตใจที่ดี  มีแล้วต้องแบ่งปัน  มีเมตตากับผู้ร่วมงาน  ให้อภัยกัน  เมื่อเกิดปัญหาก็ใช้หลักธรรมเข้ามาช่วยแก้ไข  หาต้นเหตุว่าคืออะไร  ก็เหมือนปัญญานี่ละที่ยังสละไม่ได้  ก็ต้องทำงานไป

สำหรับปุถุชน หลักปฏิบัติในชีวิตเรายึดศีล 5  คือไม่ฆ่าสัตว์  ไม่ลักทรัพย์  ไม่ประพฤติผิดในกาม  ไม่พูดเท็จไม่ดื่มน้ำเมา  นั่นหมายถึงถ้ามีศีล  คุณจะไม่โลภ  ไม่โกรธไม่หลง  สมาธิและสติปัญญาก็จะตามมา  เท่านี้ก็ได้ประโยชน์มหาศาลแล้ว

รู้สึกอย่างไรกับคำว่านิพพานคะ

คนจะไปนิพพานได้คือบุคคลที่สูงส่งแล้ว  สละได้ทุกสิ่งทุกอย่าง  แต่เมื่อมนุษย์เรายังติดอยู่  คุณก็ยังต้องเกิด  เมื่อยังสละไม่ได้ก็ต้องไปเกิดใหม่  ต้องไปตามกรรมต่อไป  ถ้ากรรมนั้นเป็นกรรมดี  คุณก็ได้ทรัพย์สมบัติอีก  จนถึงจุดหนึ่งที่คุณไม่อยากได้  อยากสละทั้งหมด  กล้าให้คนอื่นทั้งหมดโดยไม่ยึดติดอะไรแล้ว  นั่นแหละคือนิพพาน  เหมือนพระโพธิสัตว์เจอชูชกมาขอทั้งลูกทั้งเมียก็สละให้หมด  เพราะไม่ยึดติดอะไรแล้ว

ปัญญาเข้าใจว่า  คุณปฏิบัติมาอย่างไร  ใจคุณต้องการอย่างไร  เดี๋ยวสิ่งนั้นก็มาหาคุณ  เพราะฉะนั้นจึงเชื่อเรื่องใครทำสิ่งใดได้สิ่งนั้นมาก  ไม่ใช่ทำดีได้ดีมีที่ไหน  ทำชั่วได้ดีมีถมไปทำดีต้องได้ดีแน่นอน  ทำชั่วได้ชั่วแน่นอน  บางคนบอกว่าทำดีทำไมไม่ได้ดีสักที  นั่นก็เพราะทำกรรมในอดีตไว้เยอะ  เดี๋ยวถึงเวลาที่ต้องรับบาปบุญเข้าจริง ๆ คุณจะเห็นเองว่ารับกันไม่ทันเลย  เราทำอะไรไว้ก็ต้องโทษตัวเอง  หากเป็นกรรมดีก็จะส่งผลให้ชีวิตคุณค่อย ๆ ดีขึ้น  จากการที่เคยลำบากก็สบายขึ้นมีคนมาช่วยเหลือ หรืออาจมีบางสิ่งที่เป็นปาฏิหาริย์เกิดขึ้นกับชีวิตบ่อยขึ้น  มีผู้ใหญ่มาช่วยมากขึ้น  เรียกว่าทั้งหมดอยู่ที่การกระทำของตัวเองทั้งนั้น  ดังนั้นถ้าเรามีพระพุทธองค์อยู่ในใจ  ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานก็ไม่ใช่ใคร คือตัวเราเอง

ใช้ธรรมะในการบริหารคนและสร้างสรรค์งานอย่างไรบ้างคะ

สติปัญญาเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้มนุษย์ต่างกัน  ไม่ใช่เรื่องโง่หรือฉลาด แต่เป็นความสามารถที่ไม่เท่ากัน  แม่บ้านก็มีสติปัญญาในการทำงานของเขา  มีวิธีการ  มีความอดทนของเขาซึ่งเราคงไม่สามารถอยู่กับภาพซ้ำ ๆ ที่ต้องเจอของที่ไม่สะอาดอยู่ตลอดเวลา  เขาเก่งอย่างหนึ่ง  เราก็เก่งอีกอย่างหนึ่งฉะนั้นคือการพึ่งพาอาศัยกัน  จึงอยู่ด้วยกันได้  ในโลกนี้ไม่มีใครดีหมดทุกอย่าง  เราจึงควรเลือกมองมุมที่ดี  ใช้คนให้ถูกกับความรู้ความสามารถ บริหารงานก็ต้องมองให้ทะลุ ให้เห็นภาพรวมขององค์กรและความเป็นจริงที่เกิดขึ้น

ส่วนการนำความรู้ทางธรรมะมาใช้กับการทำรายการคือในการผลิตงานไม่ใช่ว่าจะจบแค่วาไรตี้  เกมโชว์  ละครซิตคอม  อันนี้มันแค่หัวข้อเรื่อง  แต่ในรายละเอียดเราต้องคิดว่าควรมีอะไรในวาไรตี้นั้นบ้าง  จะขายอะไร  ทำไมจะขายสิ่งนี้  มันมีความลึกซึ้งอะไรอีกไหมในความเป็นวาไรตี้หรือเกมโชว์  เราทำมา 25 ปีแล้วจะมีวิธีทำอย่างไรให้มันเป็นปริศนาฟ้าแลบที่ให้ผู้คนได้ลุ้นตลอดเวลา  แล้วให้คนดูหัวเราะเยาะและชื่นชมคนอื่นได้ในเวลาเดียวกัน  คือมันมีเชิงซ้อนอยู่มากมาย  เปรียบได้กับพระสงฆ์ที่มีอยู่มากมายหลายรูป  หลายลักษณะ  เหมือนกับคำสอนของพระพุทธองค์ที่มีอยู่หลายลักษณะว่าขั้นต้น  ขั้นกลาง  ขั้นประณีตเป็นอย่างไร  นำมาพิจารณาให้ลึกซึ้ง  ได้เอาธรรมะมาใช้อยู่ในการงานหมด  เราคิดอย่างมีเชิงซ้อนว่าอะไรทำให้ครองใจผู้คนเราไม่ได้คิดแล้วทำเลย  ทุกอย่างต้องผ่านกระบวนการคิดจนได้รับความชื่นชม  ก็เหมือนพระโมคคัลลานะ พระสารีบุตรพระอานนท์  ที่ได้รับความชื่นชมว่าท่านเก่งมาก แต่ท่านเก่งคนละด้าน  ซึ่งเราก็นำมาปรับใช้ในการทำงานทุก ๆ อย่าง

ชีวิตทุกวันนี้มีแต่เรื่องงาน  แล้วเคยคิดถึงเรื่องเกษียณอายุบ้างไหมคะ

มีคนถามเรื่องนี้อยู่ตลอด  แต่เป็นคนทำอะไรแล้วจะไม่คิดถึงอนาคต  จะบอกว่าปัญญาเป็นคนไม่มีอนาคตก็ได้  เพราะหากมัวแต่คิดอนาคต  ก็จะพะวงหน้าพะวงหลังอยู่นั่นแหละอนาคตก็เป็นเรื่องของอนาคต  ถ้าตั้งอนาคต  เราจะเครียดแล้วจะไปไม่ถึง  อนาคตไม่ใช่เรื่องของปัจจุบัน  ฉะนั้นไม่รู้จะคิดไปเพื่ออะไร  เพราะถ้าทำปัจจุบันให้ดี  เดี๋ยวอนาคตก็จะเป็นเรื่องของปัจจุบันเอง  อดีตก็เหมือนกัน  เอาไว้คิดเป็นประสบการณ์เวลาทำสิ่งที่ไม่ดีว่าจะไม่ทำอีก  ทำปัจจุบันให้ดีเดี๋ยวมันก็บอกอนาคตเอง  แค่ปัจจุบันเราก็ทำกันไม่ทันแล้ว

ในการทำงานเราใช้หลักเดียวกับพระพุทธเจ้า  ท่านไม่เคยคิดถึงเรื่องตรัสรู้  แต่ท่านบำเพ็ญเพียรไปเรื่อย ๆ  เราก็เหมือนกัน  ไม่เคยคิดว่าได้สิบล้านเลิก  ร้อยล้านเลิก  ห้าพันล้านเลิก  คิดไปก็มีแต่ความเครียด  เพราะฉะนั้นปัญญาจึงไม่มีอนาคต  แต่ถ้าทำปัจจุบันไว้ดี  อนาคตก็จะมีตัวเลือกเยอะแยะไปหมดเลย  นี่เป็นธรรมะมากเลย

แม้จะใช้เวลาเพียงปีกว่า ๆ ในการศึกษาธรรมะ  แต่คุณปัญญาสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับชีวิตและการทำงานได้อย่างลึกซึ้ง  ทะลุปรุโปร่ง  จึงเป็นบทพิสูจน์ที่แสดงให้เห็นว่า  ธรรมะเป็นของสากลและอยู่เหนือกาลเวลา  

                ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร  อายุเท่าไหร่  หรืออยู่ในสถานะใดถ้าหากเปิดใจคุณก็สามารถเข้าถึงและเข้าใจธรรมะของพระพุทธองค์ได้เช่นเดียวกัน 


Secret BOX

ชีวิตคนเราต้องแพ้เป็น

ยิ่งให้ยิ่งได้  ยิ่งอยากได้ยิ่งไม่ได้”

ปัญญา  นิรันดร์กุล

เรื่อง ธันยาภัทร์  รัตนกุล  ภาพวรวุฒิ  วิชาธร  ผู้ช่วยช่างภาพอนุวัฒน์  วรรณศิริ


บทความน่าสนใจ

 

© COPYRIGHT 2024 Amarin Corporations Public Company Limited.