แก้เครียดจากการทำงานด้วยธรรมะ บทความธรรมะดี ๆ จากพระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญ
สิ่งที่ชาวออฟฟิศหนีไม่พ้นคือ ความเครียดจากการทำงาน เช่น เครียดเรื่องงาน เจ้านาย เพื่อนร่วมงาน และเรื่องอื่น มีคำถามในประเด็นนี้ส่งเข้ามา ทำให้ซีเคร็ตรับรู้ว่าชาวออฟฟิศอยากได้วิธี แก้เครียดจากการทำงานด้วยธรรมะ จึงนิมนต์พระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญเป็นพระอาจารย์ผู้ตอบคำถามเหล่านี้ เพื่อคลายความทุกข์ให้กับชาวออฟฟิศทุกท่าน
พระอาจารย์คะ ถ้ารักงาน แต่เบื่อเจ้านาย เพราะเจ้านายไม่ดี ไม่มีความยุติธรรมในการปกครองคน แต่เราก็ไม่อยากลาออก จะทํายังไงดีคะ
เรามาทํางานไม่ใช่หรือ ทําไมต้องไปสนใจสัตว์ บุคคล นายก. นายข. ด้วย ฉะนั้นตัดส่วนเกินคือคน สัตว์ บุคคลไปได้เลย…เราเรียนมามีความรู้ความสามารถ ก็จงนําความรู้ความ สามารถเหล่านั้นมาปฏิบัติหน้าที่ทําให้งานดําเนินไป ถ้าเราตัด ส่วนเกินออกไป ความทุกข์จะเกิดไม่ได้ การปรุงแต่งจะไม่เกิด ขึ้น เพราะเราไปทํางานเพื่องาน คนส่วนมากที่บอกว่าไปทํางานๆ ต้องลองหันกลับมามองดูนะว่าไปทํางานจริงหรือเปล่า ไปทํางาน หรือไปให้ถูกงาน“ทํา” ผู้ถูกงานทํา ทํางานไม่เป็น ไม่ได้ทํางาน มัวแต่เอาเวลาไปคิดนู่นนี่ไร้สาระ แล้วจะมาทํางานทําไม
หากมีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน เพราะความคิดเห็นไม่ตรงกันอยู่เสมอๆ เราควรทําใจอย่างไรให้สามารถทํางานร่วมกับเขาต่อไปได้คะ
ความชอบ-ไม่ชอบเขาในใจทําให้เราเป็นทุกข์ บางทีเขาอาจจะเป็นของเขาอย่างนั้นเอง แต่พอในใจเราเกิดอกุศล เวลาเราเห็นเขาทําอะไรก็จะขัดหู ขัดตา ขัดใจไปหมด ทําให้เราไม่ชอบเขาขึ้นมา จนพานไม่อยากทํางานกับคนคนนี้ ทําไป ก็มีแต่ความทุกข์ ไม่สบายใจ…ให้คิดเสียว่า สิ่งที่เกิดในใจเรา ไม่เที่ยง ไม่คงอยู่ถาวร เดี๋ยวเกิดสิ่งนั้นเดี๋ยวเกิดสิ่งนี้ ถ้าเรา ทําตามสิ่งที่เกิดขึ้นในใจเราตลอดคงไม่ไหว เพราะฉะนั้นต้องแก้ที่ใจ ลบความชอบหรือไม่ชอบให้หายไปจากใจ เหลือแต่เพื่อน ร่วมงานที่มาปฏิบัติงานร่วมกัน ไม่มีทั้งความรัก ไม่มีทั้งความ ชอบหรือไม่ชอบ แค่มาทําหน้าที่ร่วมกันเท่านั้น
แล้วถ้าเรามีความจําเป็นต้องทํางานเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว แต่ใจไม่อยากทํางานเลย เราควรทําอย่างไรเพื่อไม่ให้ทุกข์ใจคะ
แม้แต่นกมันยังขยันทํามาหากิน ขยันทํารัง ถ้านกตัวไหนไม่ทํารังแต่ไปอาศัยรังตัวอื่นอยู่ ก็จะถูกเขาจิกปาก… คนเราก็เหมือนกัน จะอ้างว่าไม่อยากทํางานแล้วไปเกาะพ่อ-แม่ หรือยืมเงินเพื่อนฝูงใช้ ก็ถือว่าทําตัวน่าอายกว่านก… มนุษย์ส่วนมากยังมีกิเลส การทําหรือไม่ทําบางสิ่งยังมีความอยาก/ไม่อยากประกอบจิตอยู่ ความอยาก/ไม่อยากนี้แหละที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรม อยากจึงทํา ไม่อยากจึงไม่ทํา อย่างบางคนต้องทนทํางานที่ตัวเองไม่ถนัด เพื่อให้ได้เงินมา ซื้อปัจจัยสี่หล่อเลี้ยงชีวิต ไปทํางานทุกครั้งก็หาความสุขจาก การทํางานไม่ได้ เรียกว่าทํางานไปพลางตกนรกไปพลาง กรณี เช่นนี้พระอาจารย์แนะนําให้เอาความอยากหรือไม่อยากออกไปก่อน แล้วดูว่าสิ่งไหนเป็นสิ่งจําเป็นหรือสมควรทํา ก็ลงมือทําไปเลย
การถอนเอาความอยาก-ไม่อยากออกไปจากการทํางานนี้ คือการ “ทํางานด้วยจิตว่าง” อย่างที่ท่านพุทธทาสเคยกล่าวถึงหรือเปล่าคะ
ถูกต้อง เป็นการทําให้จิตว่างจากกิเลส ไม่ให้กิเลสมา เป็นแรงผลักดันจนเกิดความอยากหรือไม่อยาก แต่ให้ทํางานโดยคิดว่า เป็นหน้าที่โดยธรรมเป็นสิ่งที่ควรทําทําด้วยความเข้าใจ และมีปัญญาประกอบ โดยการเจริญสติ ให้มีสติ อยู่กับกายกับใจ เพราะทุกข์เป็นส่วนเกินของชีวิต การเจริญสติจะช่วยสกัดส่วนเกินนี้ออกไป สติเป็นกุศล พอมีสติรักษาใจ ไว้ ในใจก็ไม่มีความอยาก/ไม่อยาก งานก็จะออกมาดี เพราะเราทําแต่ “งานเพียวๆ” ใจก็จะสงบเย็น ไม่สุขและไม่ทุกข์ มีแต่จิตที่เป็นปกติอยู่เสมอ
แต่ถ้าเราไม่ยอมเจริญสติ ปล่อยให้ความอยาก ไม่อยาก มาครอบงํา ใจก็จะคอยวี้ดว้ายกระตู้วู้ เสียความปกติไป จิต จึงไม่เย็น ไม่ว่าง มีบวก (สุข) มีลบ (ทุกข์) ไม่เป็นศูนย์ แบบนี้ทํางานยังไงก็ทุกข์ กลายเป็นคนที่วันไหนอยากทํางาน ก็มาทํางาน วันไหนไม่อยากทํางานก็ไม่มาทํางาน อาร์ตมาก สุดท้ายโบนัสไม่ได้ เจ้านายไล่ออกพอดี เพราะฉะนั้น ใคร ไม่อยากทุกข์ต้องลองเจริญสตินะ เราจะได้ไม่พลาดจากสิ่งที่สมควรทําทั้งหลายในโลกนี้
ถ้าอาชีพที่เราทําบังเอิญขัดกับหลักพระพุทธ-ศาสนา เราจะทํางานด้วยจิตว่าง หรือทํางานไปด้วยเจริญสติไปด้วย โดยไม่สุข ไม่ทุกข์ ได้อย่างไรกันคะ
ถ้าจิตเรา“ว่าง” สิ่งไหนที่เหมาะสม ถูกต้องชอบธรรม จิตจะรู้เอง ฉะนั้นถ้างานไหนที่ไม่ถูกต้องชอบธรรม เราก็จะ ไม่ทํา เพราะใช่ว่าในโลกนี้จะมีเพียงอาชีพเดียว สมมุติว่าเราอยู่องค์กรใดองค์กรหนึ่งซึ่งไม่ใช่สัมมาอาชีวะ เช่น องค์กรที่ขาย มนุษย์ น้ำเมา อาวุธ ยาพิษ แต่ถ้าเราเป็นคนมีคุณธรรม บางคนถึงกับยอมลาออก ทนทําไม่ได้ เพราะอึดอัดคับข้อง ไม่สบายกายและใจ เหมือนมีแรงดันข้างในบอกไม่ให้ทํา เลย ต้องยอมลาออกไปหางานใหม่ เงินเดือนน้อยแต่เป็นสัมมาอาชีพ ดีกว่า
การจะทําให้จิตว่างทีเดียวเป็นเรื่องยาก สําหรับปุถุชนคนธรรมดาเพียงรู้ให้ทันความอยาก อย่าให้เจ้าความอยากมาจิกหัวใช้งาน จนตกเป็นทาสอยู่ใต้อํานาจ หรือถูกครอบงําและลากเอาไปใช้ก็พอแล้ว
ที่มา : นิตยสาร Secret ฉบับที่ 101
เรื่อง : พระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญ
เรียบเรียง : ผั่นพั้น
ภาพ : https://pixabay.com
บทความน่าสนใจ
4 สิ่งที่ชาวออฟฟิศไม่ควรทำ เพื่อให้ทำงานมีศักยภาพมากขึ้น
10 วิธีปรับออฟฟิศเพื่อสร้างความสุขในการทำงาน
แค่รับโทรศัพท์ที่ออฟฟิศก็ฝึกสติได้ : วิธีฝึกสติในที่ทำงานสำหรับคนยุคใหม่