อดีตหนุ่มทำงานประจำเดินขายน้ำส้มคั้นจน ปลดหนี้สิน ได้
เรื่องที่ซีเคร็ตนำมาฝากทุกท่านต่อไปนี้ เป็นเรื่องราวของหนุ่มสู้ชีวิตคนหนึ่ง ที่มีน้ำส้มคั้นเป็นจุดพลิกชีวิต จากคนทำงานประจำที่สามารถ ปลดหนี้สิน ได้เพราะการเดินขายน้ำส้มคั้น
หนุ่มสู้ชีวิตคนนี้คือ คุณนิก-ธนัช กอวีรสกุลชัย วัย 28 ปี เขาพยายามหาช่องทางเพิ่มรายได้เพื่อทำให้ชีวิตพนักงานประจำของเขาดีขึ้น เพราะงานประจำของเขามีรายได้น้อยไม่พอใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เขาเริ่มต้นด้วยการขายน้ำส้มคั้นบรรจุขวด โดยแบ่งเงินเดือนของเขาออกมา 1,000 บาท นำมาเป็นเงินทุนก้อนแรก
ขายน้ำส้มครั้งแรกเป็นอย่างไรบ้าง ?
เขาเริ่มขายน้ำส้มคั้นด้วยการตั้งโต๊ะขายแถวบ้านโชคชัย 4 ประมาณ 2 ชั่วโมงก่อนไปทำงาน เขายอมรับว่าวันแรกมีคนเข้ามาอุดหนุนหลายคน ทำให้วันนั้นขายได้เงินถึง 800 บาท แต่มาทราบภายหลังว่าน้ำส้มที่รับมาขายเป็นน้ำส้มคั้นผสม ทำให้วันต่อมามีลูกค้าลดลง ในที่สุดก็ไม่มีใครมาอุดหนุนเลย น้ำส้มที่ซื้อมาแล้วก็ขายไม่ได้ ถือว่าลงทุนครั้งแรกก็ขาดทุนย่อยยับเลย
ทำไมคุณนิกที่ต้องหันมาหาช่องทางหารายได้เสริม ?
คุณนิกเองก็มีงานประจำทำอยู่แล้ว เขาบอกว่าเขาเคยทำงานเป็นพนักงานในร้านอาหารมาก่อน เริ่มต้นจากการเป็นเด็กเก็บจาน และก้าวมาเป็นคนจดเมนูอาหาร ซึ่งทำให้เขามีเงินใช้ทุกเดือน แต่ด้วยเงินเดือนมีจำนวนน้อยมาก ทำให้มีเงินใช้ได้ไม่พอเพียง เขาจึงเริ่มคิดแล้วว่าต้องหารายได้เสริมมาจุนเจือ
แต่เมื่อก้าวแรกแล้วก็พลาดเสียแล้ว จะมีก้าวต่อไปไหม ?
ถึงคุณนิกจะขาดทุนไปกับการขายน้ำส้มคั้นครั้งแรก แต่ก็ไม่เลิกล้มความตั้งใจที่จะหารายได้เสริมจากการขายน้ำส้มคั้น เมื่อเขาพลาดที่นำน้ำส้มคั้นผสมมาขาย เขาเลยลงทุนซื้อส้มมาคั้นขายเอง แต่ผลที่ได้คือพอมาทำน้ำส้มคั้นเอง ลูกค้ากลับติว่า บางขวดเปรี้ยวไป บางขวดหวานไป คือรสชาติของน้ำส้มคั้นไม่เสถียรเลย ทำให้ลูกค้าไม่เชื่อมั่นในความอร่อยของน้ำส้มที่เขาขายอีกต่อไป จึงทำให้ขาดทุนเป็นครั้งที่สอง แต่ก็ยังมีครั้งที่สามต่อไปอีก เพราะถูกบีบด้วยสถานการณ์ทางการเงินที่ย่ำแย่ เขาเป็นหนี้บัตรเครติคถึง 2 บัตร เพราะต้องซื้อเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันที่จำเป็น เช่น ตู้เย็น ไมไครเวฟ ไหนจะค่ารักษาพยาบาลอีก เขาจึงต้องกลับมาขายน้ำส้มคั้นอีกครั้ง แต่เขาจะทำอย่างไรให้มีคนกลับมาสนใจสินค้าของเขาอีก
ถ้าเป็นอย่างนี้แล้ว ลาออกจากงานประจำมาขายน้ำส้มได้อย่างไร ?
เขาตัดสินใจลาออกงานจากประจำเพราะไม่เห็นความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน นี่คืออีกสาเหตุหนึ่งที่ผลักดันให้เขากลับมาขายน้ำส้มอีกครั้ง เมื่อเขาตัดสินใจออกมาจากงานและมาทุ่มเทให้กับการขายน้ำส้มอย่างจริงจัง ก็เจอกับเหตุการณ์น้ำท่วมกรุงเทพฯในบริเวณโชคชัย 4 เขาเลยต้องวางกล่องโฟมที่ใส่น้ำส้มลงบนรถเข็นผักแทน แล้วเดินลุยน้ำจนเป็นโรคน้ำกัดเท้า เขาท้อแท้ใจจนอยากจะเลิกขาย แต่หนี้บัตรเครติคที่ยังตามหลอกหลอนเขาอยู่ ซึ่งเป็นจำนวนเงินถึงสามหมื่นบาท ทำให้ขาต้องหันมายืมเงินจากคนในครอบครัวมาใช้หนี้ก้อนนี้ก่อน แล้วกลับไปทำงานประจำอีกครั้ง แต่ก็ทำให้สุขภาพของเขาย่ำแย่ เพราะต้องทำงานตั้งแต่ 17.00-02.00 น.
เขาลาออกจากงานนั้นและกลับมาขายน้ำส้มอีกครั้ง ด้วยการลงทุน 2,000 บาท ครั้งนี้เขาจะไม่ทำน้ำส้มคั้นเอง แต่เขาจะซื้อน้ำสัมจากตัวแทนจำหน่ายเลย แต่เมื่อเขาลงมือขายก็พบว่าต้นทุนของน้ำส้มคั้นต่อขวดมันสูงเกินไป จึงไปรับจากโรงงานหรือที่ผลิตมาขายเอง
อุปสรรคให้อะไรแก่เราบ้าง ?
เขาต้องพบอุปสรรคคือ ไม่มีใครอุดหนุนเขาเท่าไรเพราะลูกค้าติดภาพไปแล้วว่าน้ำส้มคั้นของเขาเป็นน้ำส้มที่ไม่มีคุณภาพ ทำให้เขาท้อแท้ใจไม่น้อยเลยทีเดียว ไม่ต่างจากการเสียเครดิตไปแล้ว เมื่อคนในพื้นที่เดิมไม่เชื่อในสินค้าของเขา เขาจึงขยับไปขายหน้าถนนโชคชัย 4 แต่เส้นทางแถวนั้นทำให้เขาเดินไม่คล่องตัวนัก แถมยังใช้รถเข็นขนผักเหมือนทุกทีก็ไม่ได้ เขาเลยซื้อกระเป๋าเก็บความเย็นแบบสะพายมาใช้ขนน้ำส้มคั้นแทน เวลาเขานำน้ำส้มไปขายก็จะบรรจุลงในกระเป๋าเก็บความเย็นใบนี้ แล้วสะพายไว้ข้างหน้า และเดินขายไปเรื่อย ๆ ครั้งแรกที่เขาขายแบบนี้ได้เงินก้อนแรกถึง 2,000 บาท เขาจะขายประจำที่โชคชัย 4 กองปราบ ตั้งแต่ 19.00-01.00 น. โดยประมาณ และเขาก็บอกว่าหัวใจหลักในการขายของเขาคือ “สะอาด มีคุณภาพ รสชาติดี และบริการประทับใจ” ด้วยรายได้ที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เขาไม่ได้ไปสมัครงานประจำที่ไหนเลย แถมยังปลดหนี้สินบัตรเครดิตใบแรกได้อีก ซึ่งอีกไม่นานก็จะปลดหนี้บัตรเครดิตบัตรใบที่สองหมด
หากผ่านไปบริเวณ โชคชัย 4 กองปราบ ช่วงหนึ่งทุ่มแวะอุดหนุนน้ำส้มอร่อย ๆ จากคุณนิกได้นะคะ หรือถ้าสนใจสั่งซื้อและสอบถามรายละเอียดอื่นได้ที่ 091-057-6119 ค่ะ
ที่มาและภาพ : www.sentangsedtee.com
บทความน่าสนใจ
เลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะสู้ได้ สามพี่น้องสู้ชีวิตทำงานเลี้ยงยายและหาทุนเรียน
คุณตาวัย 78 ปี เหลือตัวคนเดียว ขายโจ๊กสู้ชีวิต ชามละ 20 ใส่ไข่ 25 บาท
น้องกิจ เด็กขายโตเกียวสู้ชีวิตแห่งตลาดท่าน้ำปากเกร็ด
หนุ่มโปลิโอสู้ชีวิต จากชีวิตขอทานสู่เจ้าของแบรนด์แซนด์วิช “ต้นบัว”
พอลร์ ผู้พิชิตไพร หนุ่มกะเหรี่ยงตาบอด สู้ชีวิตปลุกปั้นโรงงานเนยถั่วเพื่อเด็กด้อยโอกาส
