“อริยะ” เป็นอย่างไร เรื่องราวของ พรานเบ็ด ที่ชื่อว่า “อริยะ”
ขณะที่พระพุทธเจ้าเสด็จเที่ยวบิณฑบาตในหมู่บ้านทางตอนเหนือของกรุงสาวัตถี โดยทรงแวดล้อมไปด้วยพระภิกษุ ในหมู่บ้านแห่งนั้น มี พรานเบ็ด คนหนึ่งชื่อว่า “อริยะ” เขาพึงพอใจในชื่อของเขามาก เพราะมีความหมายว่า “ผู้ประเสริฐ”
เมื่อคณะสงฆ์โดยมีพระพุทธเจ้าเป็นประธานได้ผ่านมาถึงบริเวณที่พรานอริยะกำลังลงเบ็ดเพื่อจับปลาอยู่นั้น พรานอริยะทราบว่าเป็นคณะพระสาวกของพระพุทธเจ้าจึงละทิ้งเบ็ดของตน แล้วเข้าไปกราบนมัสการ เขาได้ถามชื่อพระสาวกของพระพุทธเจ้าทีละรูป จนทราบว่ามีพระสาวกผู้สำเร็จเป็นพระอรหันต์อยู่หลายรูปด้วยกัน เช่น พระสารีบุตร พระมหาโมคคัลลานะ เป็นต้น แต่แปลกที่พระเถระไม่ถามชื่อของพรานเบ็ดกลับเลย
พระพุทธเจ้าทรงทราบด้วยญาณทัศนะว่าพรานผู้ปลื้มในชื่อของตน ต้องการให้พระสาวกถามชื่อกลับ เพื่อที่จะได้บอกชื่ออันประเสริฐนี้ พระพุทธเจ้าจึงตรัสถามพรานว่า “พราน ท่านมีชื่อว่าอะไร”
พรานเบ็ดจึงรีบตอบทันทีว่า “ชื่อของข้าพเจ้าคือ อริยะ พระเจ้าข้า” พระพุทธเจ้าตรัสต่อว่า “พราน เธอเป็นผู้ฆ่าและเบียดเบียนชีวิตผู้อื่น เธอจะเป็นอริยะไม่ได้ เพราะอริยะคือผู้ที่ไม่เบียดเบียนใคร”
เรื่องเล่าจบเพียงแค่นี้ ถึงจะเป็นเหตุการณ์สั้น ๆ ช่วงพระชนม์ชีพของพระพุทธเจ้า แต่สิ่งที่เป็นธรรมะที่ได้จากพระพุทธเจ้าในครั้งนั้นคือ การเป็นอริยะที่แท้จริงคือผู้ไม่เบียดเบียน ไม่ได้เบียดเบียนแค่ชีวิตของผู้อื่นเท่านั้น จะสังเกตได้ว่าพระอริยบุคคลในพระพุทธศาสนา ตั้งแต่พระโสดาบันจนถึงพระอรหันต์ ท่านจะไม่เบียดเบียนตนเอง เพราะได้กระทำให้ตนแจ้งในธรรม เมื่อแจ้งในธรรมแล้วยังไม่เบียดเบียนตนเองให้ตกอยู่ในวัฏสงสารอีกต่อไป
ที่มา อรรถกถา คาถาธรรมบท เรื่องพรานเบ็ดชื่ออริยะ
ภาพ www.pexels.com
บทความน่าสนใจ
นายพรานกุกกุฏมิตร บรรลุโสดาปัตติผลด้วยอานิสงส์แห่งการปรนนิบัติเจดีย์
มองชีวิตตามความเป็นจริงด้วยอริยสัจ 4 เพื่อไปสู่ความสุขอย่างแท้จริง
โจรลักทรัพย์ในพระเชตวันได้เป็นพระโสดาบัน
จุดจบของโจรขโมยศรัทธา ถึงเวลาที่ กรรมตามทัน เรื่องเล่าจากผู้อ่าน