ทำอย่างไรให้หมด ปัญหาความจำเสื่อม กับ 6 เคล็ดลับพิชิตความจำดี
ทุกคนเคยสังเกตไหมว่า ปัญหาความจำเสื่อม เริ่มมีมากขึ้นในชีวิตประจำวัน ซึ่งความจำที่ดีต้องอาสัยการทำงานของสมอง โดยแต่ละวันเราใช้สมองไปกับการเรียน การท่องจำหนังสือ การทำงาน หรือแม้กระทั่งการตัดสินใจอะไรที่หนัก ๆ ทำให้ขมวดคิ้วอยู่ตลอดหลายชั่วโมงต่อวัน โดยกลไกการทำงานของสมองเราก็จะทำงานหนักขึ้น แล้วเคยไหม เวลาที่เรากำลังจะพูดหรือจะทำอะไรบางอย่าง แต่เรากลับลืมไปง่าย ๆ เสียอย่างนั้น หรือบางทีจำได้แต่อยู่ดี ๆ แป๊บ ๆ ก็ลืม บางคนจะมองว่าอาจจะขำ ๆ แหละ แต่หารู้ไม่ว่านี่อาจเป็นจุดกำเนิดของโรคสมองเสื่อม
ความจำเสื่อมคืออะไร?
ความจำเสื่อม คือ ภาวะที่สมองเริ่มมีความบกพร่องต่อความทรงจำ แม้จะไม่ได้มีอันตรายเท่ากับโรคร้ายอื่น ๆ แต่กลับส่งผลกับการดำเนินชีวิตประจำวันอย่างมาก
อาจารย์สาทิส อินทรกำแหง อธิบายไว้ว่า
“ความเครียดทำให้ความจำเสื่อม เพราะความเครียดทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น ทำให้หลอดลมขยาย ทำให้หัวใจบีบตัว ทำให้หัวใจเต้นแรง ทำให้น้ำตาลในเลือดขึ้นสูง และทำให้กลไกหลายระบบในร่างกายเปลี่ยนแปลงการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้มีผลต่อส่วนต่าง ๆ ของสมองทั้งหมด”
แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า เรามีความบกพร่องต่อสมองและความจำ วันนี้เราจึงนำเอาข้อสังเกตอาการเหล่านี้มาฝากค่ะ
1.สูญเสียความจำ เช่น ลืมการสนทนา ลืมเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้น
2.ทำกิจวัตรประจำวันที่คุ้นเคยได้ไม่เหมือนเดิม หรืออาจจะทำได้แต่ยาก
3.ตัดสินใจได้อย่างไม่เหมาะสม เช่น เปิดพัดลมแรงทั้งที่มีอากาศเย็น
4.สับสนวันเวลาและสถานที่ เช่น หลงวัน เวลา บอกที่อยู่ตนเองไม่ได้
5.มีปัญหาในการใช้ภาษา เช่น ลืมคำศัพท์ง่าย ๆ ใช้คำผิดความหมาย
6.มีปัญหาเกี่ยวกับความคิดรวบยอด เช่น บวกลบคูณหารไม่ได้ คำนวณผิดพลาด
7.เก็บสิ่งของผิดที่ผิดทาง เช่น เก็บเตารีดในตู้เย็น เก็บนาฬิกาในโถน้ำตาล
8.มีอารมณ์แปรปรวน
9.บุคลิกภาพเปลี่ยนไป เช่น กลายเป็นคนหวาดกลัวง่ายกว่าเดิม หรือช่างสงสัยมากขึ้น
10.เก็บตัว เซื่องซึม ไม่กระตือรือร้น อยู่นิ่ง ๆ ไม่ออกสังคม
หากคุณหรือคนรอบข้างมีอาการเหล่านี้ให้รีบไปปรึกษาแพทย์ทันทีค่ะ
นอกจากนี้เรายังมีความลับเกี่ยวกับการมีความจำที่ดีได้มาฝากกันค่ะ เป็นวิธีง่าย ๆ ที่ใครก็สามารถทำได้
ดร.โจเอล ซาลินาส นักประสาทวิทยา โรงเรียนแพทย์แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ได้แนะนำกลยุทธ์ช่วยเพิ่มความจำ กับ 6 เคล็ดลับ ดังนี้ค่ะ
6 TIPS พิชิตความจำ
1. เก็บสิ่งของให้เข้าที่เป็นระเบียบ หมั่นจัดของต่าง ๆ ไว้ในบริเวณที่สามารถมองเห็นได้ง่ายหรือเดินผ่านเป็นประจำ
2. การแยกย่อยงาน จัดการทีละขั้นตอน แยกออกให้เป็นส่วนย่อย ๆ เพื่อให้ง่ายและจำได้ดีขึ้น
3. ลองทำสิ่งเดิมซ้ำหลาย ๆ ครั้ง เพราะการทำซ้ำจะเพิ่มโอกาสในการบันทึกข้อมูลและดึงข้อมูลได้ภายหลัง อาจจะออกเสียงดัง ๆ เวลาที่อ่านหรือคิด
4. หากิจกรรมใหม่ ๆ ทำอยู่เสมอ ทำให้ตัวเองอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเรียนรู้และช่วยกระตุ้นจิตใจให้เกิดการจดจำ ทำสมองและจิตใจให้แจ่มใสอยู่เสมอ
5. เข้าสังคมเป็นประจำ กระตุ้นความจำได้ดี การวิจัยพบว่า การมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมเป็นประจำจะช่วยกระตุ้นจิตใจให้เกิดการจดจำ
6. ตั้งเตือนความจำด้วยด้วยตนเอง เราจะเห็นว่าส่วนใหญ่นิยมแปะโน้ตไว้ตามจุดต่าง ๆ เช่น ไว้หน้ากระจก ในห้องน้ำหรือที่ประตูเพื่อเตือนความจำ แต่ปัจจุบันเรามีเทคโนโลยีติดตัวตลอด เราก็สามารถตั้งเตือนไว้ในโทรศัพท์มือถือได้อีกวิธีหนึ่ง
นอกจากนี้เรายังมีสุดยอดอาหารช่วยเพิ่มความจำมาฝากอีกด้วยค่ะ
- ปลา โดยเฉพาะปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า
- ผลไม้ตระกูลเบอรรี่ เช่น สตรอเบอร์รี เชอร์รี
- ไข่ ช่วยพัฒนาและบำรุงสมองได้เป็นอย่างดี
- ผักโขม โดยเฉพาะผักโขมที่ปลูกแบบออร์แกนิก ไม่มีสารเคมีตกค้าง
- ธัญพืช เช่น เมล็ดดอกทานตะวัน เมล็ดงา เมล็ดแฟลกซ์
- พืชตระกูลถั่ว เช่น อัลมอนด์ ถั่วลิสง แมคคาเมีย
- ช็อคโกแลต ช่วยกระตุ้นสมอง มีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยระบบหมุนเวียนเลือด
- แครอท จะช่วยกระตุ้นให้สมองทำงานอย่างสดชื่นแบบเร่งด่วน กินแครอทแบบสด ๆ อย่าง 1 ครั้งต่อสัปดาห์
- แอปเปิล หากดื่มน้ำแอปเปิ้ลวันละประมาณ 2 แก้ว หรือกินแอปเปิ้ลวันละ 2-3 ลูก จะช่วยในการจดจำ และเพิ่มประสิทธิภาพความจำของสมอง
- แปะก๊วย พืชสมุนไพรที่ใช้ในการรักษาโรคสมองเสื่อม โรคซึมเศร้า อาการหลง ๆ ลืม ๆ (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ https://cheewajit.com/healthy-body/217750.html)
แต่อย่างไรก็ตาม การที่เราจะมีสุขภาพความจำที่ดีได้ ก็ต้องอาศัยการออกกำลังกาย บำรุงสมองด้วยการกินอาหารที่มีประโยชน์ กินให้ครบทั้ง 5 หมู่ การกำจัดความเครียด ความกังวล หรือแม้กระทั่งภาวะซึมเศร้า ซึ่งเป็นผลข้างเคียงของการทำลายสมอง ล้วนส่งผลทั้งสิ้นต่อปัญหาความจำ มาพิชิตความจำที่ดี ทำได้ทุกวัยกันดีกว่าค่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก : หนังสือนิตยสารชีวจิต 526 Depression Guideline
………………………………………………………………
เรียบเรียงเนื้อหา : ลลิตา ศรีหาบุญมา