รู้จักหรือไม่ กับ “โรคลำไส้รั่ว”
ระบบทางเดินอาหารถือเป็นระบบที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด ถึงขนาดมีคำเปรียบเปรยว่า “You are what you digest” แปลความหมายได้ง่ายๆ ว่า คุณคือสิ่งที่ร่างกายคุณย่อยนั่นเอง ซึ่งหลายคนคงเคยอ่านเจอคำพูดของนักวิชาการแพทย์ชื่อดังของโลกคือ ฮิปโปคราตีส ที่ได้กล่าวเอาไว้ว่า ทุกโรคล้วนเริ่มต้นที่ลำไส้กันมาบ้าง
แต่วงการแพทย์ปัจจุบันอาจจะเพิ่งหันมาให้ความสนใจระบบการย่อยอาหาร เมื่อไม่กี่สิบปีมานี้ โดยดูได้จากเริ่มมีหนังสือเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารตีพิมพ์และเผยแพร่ออกมาให้เห็นกันมากขึ้นกว่าในอดีต
ใครที่มีอาการสิวอักเสบ ผื่นแพ้ตามผิวหนัง แพ้อาหาร ระบบทางเดินอาหารอักเสบ อ่อนเพลีย และมีอาการเจ็บป่วยเรื้อรังมานานชนิดที่ว่ารักษาเท่าไรก็ไม่หายสักที เชื่อหรือไม่ว่าสาเหตุอาจเกิดมาจากความผิดปกติของลำไส้ที่เรียกว่า “ลำไส้รั่ว” และวันนี้ค่ะ เราจะพาคุณผู้อ่านไปทำความรู้จักกับภาวะลำไส้รั่วกัน ว่ามันเกิดจากสาเหตุใด และเมื่อเป็นแล้วเราจะมีอาการอย่างไร พร้อมวิธีการป้องกันและรักษา รู้เอาไว้ก่อนได้เปรียบค่ะ
ร่างกายของคนเราเปรียบเสมือนบ้านของเหล่าจุลินทรีย์สายพันธ์ต่างๆ จำนวนนับล้านตัว มนุษย์เราเริ่มได้รับเชื้อจุลินทรีย์ตั้งแต่แรกเกิดในขณะเคลื่อนผ่านช่องคลอดของมารดา โดยจุลินทรีย์จากช่องคลอดจะแทรกซึมสู่ทารกโดยอัตโนมัติ เรียกว่าจุลินทรีย์เป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อร่างกายมากๆ อย่างหนึ่งโดยเฉพาะในระบบย่อยอาหาร กำจัดกากอาหาร และปกป้องการทำงานของลำไส้ให้เป็นไปอย่างปกติ การทำงานอย่างสมดุลของจุลินทรีย์จะส่งผลให้ร่างกายคนเรามีความสุข อารมณ์แจ่มใส สุขภาพแข็งแรง กระปรี้กระเปร่า สมองปลอดโปร่ง ตลอดจนส่งผลมาสู่ภายนอกนั่นคือมีสภาพผิวหนังที่ดี เป็นต้น
แต่จุลินทรีย์ก็มีทั้งชนิดดีและไม่ดี จุลินทรีย์ที่ช่วยปรับสมดุลการทำงานของลำไส้ไม่ให้จุลินทรีย์ไม่ดีมาก่อให้ร่างกายเกิดโรคมากเกินไปมีชื่อว่าโพรไบโอติก ซึ่งหากจุลินทรีย์ชนิดนี้ถูกทำลายไปด้วยเชื้อโรคที่อันตรายทำให้ร่างกายเกิดโรคขึ้นมากมาย สิ่งเหล่านี้จะเป็นสาเหตุที่ทำให้ระบบนิเวศน์ในลำไส้เสียสมดุลได้ และหากปล่อยไว้จะกระตุ้นให้เกิด “ภาวะลำไส้รั่ว” ในที่สุดนั่นเอง
ลำไส้รั่วซึมตรงไหน
ในสภาพปกติเซลล์ดูดซึมอาหารในลำไส้เล็กจะเรียงตัวกันแน่น มีเพียงสารอาหารที่ถูกกรองแล้วเท่านั้นที่จะดูดซึมผ่านมาทางเยื่อบุผิวลำไส้ได้ เมื่อมีอาการอักเสบหรือความผิดปกติเกิดขึ้นความสามารถในการดูดซึมอาหารของเยื่อบุลำไส้จะเสียไป ทำให้สารอาหารที่มีประโยชน์ไม่ถูกดูดซึม และเกิดภาวะขาดสารอาหารที่จำเป็น บางอย่างตามมาได้ ในขณะเดียวกัน การอักเสบยังทำให้เซลล์บวม และมีช่องว่างระหว่างผนังเซลล์เกิดขึ้น เปรียบเทียบได้กับร่างแหหรือตาข่ายที่มีรูโหว่มากมาย เรียกภาวะนี้ว่า “ลำไส้รั่ว” นั่นเอง
เมื่อเกิดการรั่วในลำไส้รั่วเกิดขึ้นแล้ว ลำไส้จะทำงานผิดปกติให้อนุภาคต่าง ๆ เช่น สารพิษ เชื้อจุลินทรีย์ และอาหาร ผ่านจากลำไส้เข้าไปสู่กระแสเลือดโดยตรง โดยปกติแล้ว ผนังลำไส้จะป้องกันไม่ให้เกิดช่องโหว่นี้ขึ้น แต่เมื่ออนุภาคที่ทำงานผิดปกติซึ่งไม่ควรเข้าสู่กระแสเลือดไหลผ่านเข้าไปโดยไม่ผ่านการกรองและเริ่มเดินเรื่องเหตุการณ์ต่อเนื่อง ร่างกายต้องเร่งสร้างแอนตี้บอดี้ขึ้นมาเพื่อรับมือกับสิ่งแปลกปลอมเหล่านั้น มีผู้คนจำนวนมากที่มีภาวะลำไส้รั่วโดยไม่รู้ตัว จึงต้องทำการศึกษาและสังเกตอาการของตัวเองกันให้ดีๆ
ผลที่ตามมาเมื่อเกิดภาวะลำไส้รั่ว
ผลจากการรั่วของลำไส้ทำให้เกิดการอักเสบทั่วร่างกาย ตับจึงต้องทำงานหนักมากขึ้นเพื่อสลายสารพิษเหล่านี้ให้อ่อนลง แล้วขับออกจากร่างกาย ยิ่งตับทำงานหนักแค่ไหน ยิ่งส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานแปรปรวนไปด้วย ทำให้เกิดอาการเหนื่อย อ่อนเพลีย สมองมึนงง ระดับฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง เกิดผื่นผิวหนังอักเสบหรือผื่นแพ้
บางรายระบบภูมิคุ้มกันอาจทำงานผิดพลาด เช่น ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันทำลายตัวเอง ทำให้เกิดโรคต่างๆ ตามมา เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ไทรอยด์ เบาหวาน ปวดกล้ามเนื้อทั่วร่างกายเรื้อรัง ข้อเสื่อม ไปจนถึงโรคอ้วน ผมร่วง ซึมเศร้า สมาธิสั้น นอนไม่หลับ แพ้อาหาร เกิดโรคผิวหนังอักเสบ โรคสะเก็ดเงิน มีสิวเรื้อรังในวัยผู้ใหญ่ที่รักษาไม่หายขาด
ทั้งนี้ สิ่งที่น่าเศร้าใจอีกอย่างที่มักพบเจอก็คือ คนเราเมื่อเกิดผื่นหรือสิวขึ้นตามผิวหนัง มักจะพยายามสรรหาวิธีการรักษาด้วยการหายามาทาลงบนผิวด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงแล้ว ต้นเหตุกลับอยู่ลึกลงไปถึงลำไส้ ดังนั้นการทายาลงบนผิวจึงแทบไม่ได้ช่วยรักษา แถมยังอาจก่อให้เกิดโทษซ้ำได้และหากเป็นสารเคมีแรงๆ ด้วยแล้ว ร่างกายก็ยิ่งต้องทำงานหนักเพื่อทำการกำจัดออกไปอีก
คุณคิดว่าตัวเองกำลังเป็นโรคลำไส้รั่วอยู่หรือเปล่า
การมีปฏิกริยาต่ออาหารหลายชนิด: เป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญที่สุดของการเป็นโรคลำไส้รั่ว ปฏิกิริยาการแพ้หลังจากบริโภคอาหารบางอย่างเป็นวิธีการของร่างกายที่จะบอกกับคุณว่าลำไส้ของคุณไม่สามารถย่อยอนุภาคเหล่านี้ได้ โดยเฉพาะไขมันและโปรตีน หลายคนอาจคาดไม่ถึงว่าสุขภาพของลำไส้จะเกี่ยวเนื่องกับอาการแพ้อาหาร อย่างมาก โดยเมื่อลำไส้เริ่มอักเสบไปจนถึงรั่ว ผู้ที่ไม่เคยมีประวัติการแพ้อาหารก็มีโอกาสแพ้อาหารสูงมากขึ้น หรือในทางกลับกัน ผู้กินอาหารที่ตัวเองแพ้ไปโดยไม่รู้ตัวเป็นประจำไปนานๆ อาจส่งผลทำให้เกิดภาวะลำไส้รั่วได้เช่นกัน
อาการลำไส้อักเสบเรื้อรัง : เช่น โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง โรคทางเดินอาหารอักเสบโครห์น และโรคลำไส้แปรปรวน ต่างถูกเชื่อมโยงกับภาวะนี้
โรคแพ้ภูมิตนเอง : เป็นการตอบสนองต่อความผิดปกติของลำไส้อีกอย่างหนึ่งที่กระตุ้นระบบคุ้มกันของร่างกายให้อยู่ในภาวะถูกกระตุ้นมากเกินไป สิ่งนี้จะนำไปสู่การโจมตีเซลล์สุขภาพดี ตัวอย่างของโรคแพ้ภูมิตนเองรวมถึง โรคข้ออักเสบ โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง และโรคต่อมไทรอยด์อักเสบเรื้อรัง
อาการทางผิวหนัง : อย่างสิวและผดผื่นไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ แต่การรักษาในอดีตมุ่งเน้นการสั่งจ่ายยาเป็นครีมทาและ สเตียรอยด์มากกว่าการพยายามแก้ไขสาเหตุที่แท้จริง ซึ่งอาจเกิดจากภาวะลำไส้รั่วที่เป็นผลมาจากโภชนาการที่ไม่ดี
อารมณ์และสุขภาพจิต : มักจะเป็นผลข้างเคียงจากการอักเสบ ผู้ป่วยโรคลำไส้รั่วจะไวต่อการเพิ่มปริมาณสารกระตุ้นการอักเสบ (Cytokines) ซึ่งสามารถนำไปสู่การเกิดภาวะซึมเศร้าได้
เทคนิคซ่อมแซมและฟื้นฟูลำไส้
เมื่อเราเริ่มรู้ตัวว่าเกิดภาวะลำไส้รั่ว นอกจากกินยาตามคำสั่งของแพทย์แล้ว เราสามารถซ่อมแซมลำไส้ของเราเองได้ด้วยการทำให้ระบบนิเวศน์ลำไส้อยู่ในภาวะสมดุล เลือกกินอาหารที่มีคุณสมบัติช่วยฟื้นฟูลำไส้อย่าง โอเมก้า 3 ที่ช่วยลดการอักเสบ วิตามินซี เป็นแอนตี้ออกซิแดนค์และป้องกันการติดเชื้อ วิตามินดี สำคัญต่อความแข็งแรงของระบบคุ้มกันร่างกาย อีกทั้งช่วยต้านแบคทีเรียตัวร้ายและไวรัส สังกะสี ช่วยเสริมสร้างผนังลำไส้ให้แข็งแรง
ที่สำคัญต้องพักผ่อนให้เพียงพอ ทำร่างกายให้ผ่อนคลาย เพราะไม่มีอะไรดีไปกว่าการให้เวลากับร่างกายและจิตจของเราหลอกค่ะ การทำร่างกายและจิตใจให้ดี ไม่เครียดนั้นนอกจากจะส่งผลให้รูปร่างและจิตใจแจ่มใสแล้ว ยังส่งผลดีต่อทุกๆ ด้านของชีวิต เพราะไม่ว่าจะอะไรก็ต้องอาศัยร่างกายที่แข็งแรงกับจิตใจที่ปลอดโปร่งด้วยกันทั้งนั้น จริงมั้ยคะ
ข้อมูลประกอบจาก: คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ