ดื่มน้ำน้อยเกินไป ระวัง “ต่อมน้ำลายอักเสบ”
เคยรู้สึกปวดบริเวณด้านข้างของใบหน้า หรือแถวๆ กกหูบ้างคะ ลองสังเกตอาการดู คุณอาจมีอาการ “ต่อมน้ำลายอักเสบ” โรคที่มีต้นตอหลักมาจากการดื่มน้ำน้อยเกินไป จนเชื้อที่อยู่ในปากแพร่พันธุ์จนสร้างโรคนี้ขึ้นมาได้ เอาล่ะค่ะ เรามาทำความรู้จักโรคที่มาจากการดื่มน้ำไม่เพียงพอกันดีกว่า
ดื่มน้ำน้อย ทำไมเป็น ต่อมน้ำลายอักเสบ
ต่อมน้ำลายอักเสบ เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อไวรัส ซึ่งส่งผลต่อต่อมน้ำลายหรือท่อน้ำลาย การติดเชื้อนี้ ส่งผลให้การไหลของน้ำลายลดน้อยลง ซึ่งเกิดขึ้นเพราะท่อน้ำลายมีการอุดตันหรือมีการอักเสบ เรียกภาวะนี้ว่าต่อมน้ำลายอักเสบเรื้อรัง
น้ำลายเป็นส่วนสำคัญช่วยในการย่อยอาหาร ทำให้อาหารย่อยง่าย และมีหน้าที่ทำให้ปากของเราสะอาด ด้วยการทำลายเชื้อแบคทีเรียและเศษอาหาร อีกทั้งยังช่วยควบคุมจำนวนเชื้อแบคทีเรีย ทั้งชนิดดีและไม่ดีในปากของเรา หากเชื้อแบคทีเรียและเศษอาหารไม่ถูกทำลาย เพราะน้ำลายไม่สามารถเดินทางไปได้ทั่วทั้งปาก ก็เป็นเหตุที่นำไปสู่การติดเชื้อได้
ต่อมน้ำลายหลักมี 3 คู่ ตรงบริเวณด้านข้างของใบหน้า ต่อมน้ำลายหน้ากกหูเป็นต่อมน้ำลายขนาดใหญ่ที่สุดอยู่ข้างในแก้มแต่ละข้าง อยู่เหนือขากรรไกรด้านหน้าหู เมื่อต่อมน้ำลายส่วนใดส่วนหนึ่งหรือหลายส่วนมีการติดเชื้อเราเรียกว่าคางทูมนั่นเอง
อาการของต่อมน้ำลายอักเสบ
อาการด้านล่างต่อไปนี้คืออาการต่อมน้ำลายอักเสบ ผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยโรค เพราะอาการบางอาการอาจมีความคล้ายกับโรคหรือภาวะอื่นๆ โดยผู้ป่วยอาจมีอาการเช่น
- การรับรู้รสผิดปกติหรือมีรสชาติผิดปกติในปาก
- ไม่สามารถอ้าปากได้ตามปกติ
- รู้สึกเจ็บหรือรู้สึกไม่สบายปากเมื่อต้องอ้าปากหรือรับประทานอาหาร
- มีตุ่มหนองในปาก
- ปากแห้ง
- เจ็บปาก
- เจ็บบริเวณใบหน้า เจ็บใต้คาง
- มีอาการแดงหรือบวมบริเวณกรามด้านหน้าใบหู ใต้กรามหรือใต้ปาก
- มีการบวมบริเวณใบหน้า หรือลำคอ ใต้คางบวม
- มีสัญญาณของการติดเชื้อ เช่น มีไข้หรือหนาวสั่น
หากมีอาการเหล่านี้ควรรีบพบแพทย์ทันทีหากพบการติดเชื้อที่ต่อมน้ำลาย และมีอาการไข้สูง มีปัญหาในการหายใจหรือการกลืน หรืออาการแย่ลง ปวดใต้คางจนทนไม่ไหว
สาเหตุการติดเชื้อของต่อมน้ำลาย
ต่อมน้ำลายอักเสบ โดยทั่วไปมักติดมาจากเชื้อแบคทีเรีย เชื้อสตาฟิโลคอคคัส ออเรียส เป็นเชื้อที่เป็นสาเหตุให้เกิดโรคต่อมน้ำลายอักเสบมากที่สุด โดยภาวะการติดเชื้อดังกล่าวเป็นผลมาจากการทำงานของต่อมน้ำลายที่ลดลง มักพบว่าเกิดจากการอุดตันหรือการอักเสบของท่อต่อมน้ำลาย เชื้อไวรัส และการรับประทานยาบางชนิดก็อาจไปลดทอนการทำงานของต่อมน้ำลายได้
- โรคที่อาจนำไปสู่ต่อมน้ำลายอักเสบ
- โรคคางทูม เป็นโรคติดต่อจากการติดเชื้อไวสัสมักพบในเด็กที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนมาก่อน
- โรค HIV
- โรคไข้หวัดใหญ่ และโรคติดเชื้อพาราอินฟลูเอนซาแบบ1และ2
- โรคเริม
- นิ่วในต่อมน้ำลาย
- ท่อน้ำลาายอุดตันจากเสมหะ
- เนื้องอก
- กลุ่มอาการโจเกรน (Sjogren’s syndrome) เป็นการเจ็บป่วยทางระบบภูมิคุ้มกันร่างกายซึ่งทำให้เกิดอาการปากแห้ง
- ซาคอยโดซิส (Sarcoidosis) เป็นการเจ็บป่วยทางระบบภูมิคุ้มกันที่ทำให้เกิดการอักเสบในร่างกาย
- ภาวะขาดน้ำ, ภาวะขาดสารอาหาร
- การฉายรังสีรักษาโรคมะเร็งที่บริเวณศีรษะและลำคอ
- ขาดสุขอนามัยที่ดีในช่องปาก
ปัจจัยเสี่ยงในการติดเชื้อ
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดต่อมน้ำลายอักเสบได้สูงขึ้นคือ มีอายุเกิน 65 ปีขึ้นไป, มีสุขอนามัยช่องปากไม่ดี, ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคคางทูม, โรคประจำตัวเริ้อรังบางโรคก็เป็นตัวเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดการติดเชื้อมากขึ้นได้เช่น โรคเอดส์ กลุ่มอาการโจเกรน โรคเบาหวาน ภาวะขาดสารอาหาร โรคพิษสุรา โรคบูลิเมีย (Bulimia) ภาวะปากแห้งน้ำลายน้อย
ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น
การเกิดภาวะแทรกซ้อนจากโรคต่อมน้ำลายอักเสบพบได้ไม่บ่อยนัก หากทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษา อาจเกิดตุ่มหนอง และก่อตัวจนเป็นฝีในต่อมน้ำลายได้
ต่อมน้ำลายอักเสบที่เกิดจากเนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรงอาจทำให้ต่อมน้ำลายขยายใหญ่ขึ้น และส่วนเนื้อที่เป็นเนื้อร้ายก็อาจลุกลามไปอย่างรวดเร็ว และเป็นสาเหตุที่ทำให้ใบหน้าด้านใดด้านหนึ่งไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ อาจเป็นเพียงบางส่วนหรืออาจทั้งหมดก็ได้
การรักษาต่อมน้ำลายอักเสบ
การรักษาขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการติดเชื้อ สาเหตุ และอาการร่วมที่เกิดขึ้นเช่นการบวมหรือการเจ็บปวด อาจนำยาปฏิชีวนะมาช่วยใช้ในการรักษาในกรณีที่เกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย เกิดตุ่มหนอง หรือมีไข้ อาจใช้เข็มในการการเจาะดูด เพื่อระบายฝีหนองร่วมด้วย
การรักษาด้วยตนเอง
- ดื่มน้ำเปล่าวันละ 8-10 แก้วต่อวันโดยอาจผสมน้ำมะนาวเข้าไปด้วยเพื่อช่วยกระตุ้นน้ำลายและช่วยทำความสะอาดต่อมน้ำลาย
- นวดต่อมน้ำลายบริเวณที่เกิดการอักเสบ
- ประคบร้อนบริเวณต่อมน้ำลายที่เกิดการอักเสบ
- บ้วนปากด้วยน้ำเกลือ
- อมมะนาวหรือลูกอมรสเปรี้ยวปราศจากน้ำตาลเพื่อช่วยกระตุ้นน้ำลายและช่วยลดอาการบวม
โรคต่อมน้ำลายอักเสบไม่มีความจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัด แต่อย่างไรก็ตามก็อาจมีความจำเป็นในกรณีที่เป็นเรื้อรังหรือเกิดการติดเชื้อซ้ำ โดยการผ่าตัดอาจเป็นการนำเอาบางส่วน หรือทั้งหมดของต่อมน้ำลายออกไป
การป้องกันต่อมน้ำลายอักเสบ
โดยมากแล้วไม่มีวิธีป้องกันการเกิดต่อมน้ำลายอักเสบ ทางเดียวที่เราสามารถทำได้ดีที่สุดคือ การลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ เช่น ดื่มน้ำให้มาก และหมั่นรักษาดูแลสุขภาพในช่องปากด้วยการแปรงฟัน และใช้ไหมขัดฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง
ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการ
ทุกคนรู้ว่าร่างกายต้องการน้ำอย่างน้อย วันละ 8 แก้ว แต่ที่จริงแล้ว เราสามารถดื่มน้ำได้มากถึงวันละ 2 ลิตร หรือมากกว่าได้อีกนิดหน่อย ในกรณีที่มีน้ำหนักตัวมาก แต่มากน้อยเท่าไหร่ แอดมีวิธีคำนวนมาฝากกัน เพราะน้ำเนี่ยดื่มน้ำก็เกิดโรค แต่ดื่มมากไปก็เป็นอันตรายได้เหมือนกัน
สูตรคือ น้ำหนักตัว x 2.2 x 30 / 2 ก็จะทำกับปริมาณน้ำดื่มในหน่วยมิลลิลิตร
เช่น น้ำหนักตัว 50 x 2.2 x 30 / 2 = 1,650 ml หรือเท่ากับ ควรดื่มน้ำในปริมาณ 1.65 ลิตร
สำหรับการดื่มน้ำที่ดีคือ ควรดื่ม 2 แก้วหลังตื่นนอน เพราะร่างกายขาดน้ำมาเป็นระยะเวลานานทั้งคืน แล้วหลังจากนั้นจึง ค่อยๆ จิบทีละนิด
สำคัญอีกอย่างในการดื่มน้ำให้ดีต่อสุขภาพคือ ควรเลือกดื่มน้ำอุ่นๆ และน้ำอุณหภูมิห้องนะคะ
แหล่งที่มาในบทความ
- webmd
- clevel and clinic
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
โปรแกรมดื่มน้ำ ใน 1 วัน สลายเครียด ช่วยผิวเปล่งประกาย
ดื่มน้ำ เพื่อกล้ามเนื้อแข็งแรง
ดื่มน้ำอุ่น สิ่งง่ายๆ ดูแลสุขภาพรอบด้าน ประโยชน์เกินคาด