ปัญหาผิวพรรณ ไม่ใช่เรื่องเล็กนะคะ โดยเฉพาะเรื่องของ เชื้อรา
แม้จะคิดกันว่าก็แค่คัน แต่ความจริงแล้วผิวที่อักเสบจะนำมาซึ่งความไม่มั่นใจ แถมการเกา นอกจากจะทิ้งผื่นแดง รอยแผล รอยด่างแล้วยังอาจจะทำให้เชื้อราลามไปยังจุดอื่น ๆ ได้ ยังทำให้เสียบุคลิกภาพ และรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน จนทำให้ผู้ที่มีปัญหาเครียด ลามปามไปจนนอนไม่หลับ
เห็นมั้ยคะ ปัญหาผิว เป็นเรื่องเร่งด่วนที่ปล่อยไว้นานไม่ได้ต้องรีบจัดการ
ว่าด้วยเรื่องของปัญหาโรคผิวหนัง
เชื้อรานี้ มีด้วยกันหลายชนิดค่ะ ทั้งกลาก (Tinea Versicolor) เกลื้อน (Dermatophytosis) และยีสต์ (Candidiasis) ซึ่งเป็นราชนิดหนึ่ง โดยทุกชนิดล้วนก่อให้เกิดความรำคาญ และเป็นปัญหาในการเข้าสังคม
- กลาก
จริงอยู่ที่กลาก มักมาเยือนพร้อมความอับชื้นในฤดูฝน แต่เพราะเมืองไทยเป็นเมืองร้อน ทำอะไรนิดอะไรหน่อยเหงื่อก็ออกมากจนเสื้อชุ่ม ซึ่งการต้องสวมใส่เสื้อชื้น ๆ หรือการออกกำลังกายและยังต้องสวมเสื้อเปียกเป็นเวลานานและบ่อย จะทำให้เกิดการหมักหมม อับชื้น จนง่ายต่อการเกิดเชื้อราที่ผิวหนัง
ถ้าเห็นว่า ผิวหนังของเราผิดปกติ มีวงขาว หรือแดง มีขอบชัด มักเกิดขึ้นตามลำตัว ให้คิดเลยว่า นั่นคือ กลาก ได้มาเยือนผิวของเราแล้ว และจากนั้นไม่นานความคัน และผื่นคันอักเสบก็จะตามมา
- เกลื้อน
สาเหตุการเกิดเกลื้อน ไม่ต่างจากกลากเลย นั่นคือติดเชื้อราจากความอับชื้น การสะสมของเหงื่อ และการใส่เสื้อผ้าซ้ำ ๆ แต่สิ่งที่ต่างกันคือลักษณะของเกลื้อนจะเป็นวงเรียบ มีสีขาว หรือสีน้ำตาล และมักแผ่กระจายเป็นวงกว้างตามลำตัว
- แคนดิดา หรือเชื้อราตามข้อพับ
เป็นอีกหนึ่งอาการติดเชื้อราบริเวณผิวหนัง ที่มักเกิดตามข้อพับ ขาหนีบ ใต้รักแร้ หรือราวนม สำหรับลักษณะของโรคคือ ผื่นแฉะ สีแดงกระจายเป็นวงกว้างตามจุดอับต่าง ๆ ของร่างกาย ซึ่งใครที่เป็นก็จะคันมาก บางคนคันตลอดเวลาจะนอนไม่ได้เลยทีเดียว
- สิว
นอกจากบรรดาเชื้อราแล้ว ยังมี “สิว” ที่ไม่ใช่สิวฮอร์โมน ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของคนทุกเพศทุกวัย โดยสิวในที่นี้ จะไม่ใช่เพียงสิวบนใบหน้านะคะ แต่เราจะรวมไปถึงสิวบริเวณลำตัว ที่เกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย การอุดตันที่รูขุมขน การมีสิ่งสกปรกตกค้างอยู่ใต้ผิวหนัง ก็ทำให้เกิดตุ่มบวมแดงเป็นหนอง มักมีมากที่ใบหน้า หน้าอก หรือส่วนหลังช่วงบน บางคนยังมีที่ก้น ทำให้นั่งลำบากกันเลยทีเดียว
และจากปัญหาผิวที่เรากล่าวมานี้ ยังนำไปสู่ปัญหากลิ่นตัว อันมีสาเหตุมากจากจำนวนเชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อราต่างๆ ที่ผิวหนังเพิ่มขึ้น โดยเชื้อจะทำปฏิกิริยาที่ผิวหนังทำให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ง่าย
สมุนไพรรักษาปัญหาผิว
ใครที่กำลังเผชิญปัญหาผิว ลองใช้สูตรยาสมุนไพรรอบรั้วบ้านมาเป็นยารักษาเชื้อรากันดีกว่า
- สูตรที่ 1 นำเหง้าข่าสด มาตำให้ละเอียดผสมกับเหล้า ทาตัวยาบนผิวหนังบริเวณที่เป็นเชื้อรา ใช้ได้ทั้งโรคกลากและเกลื้อน
- สูตรที่ 2 นำใบและรากต้นทองพันชั่ง มาตำให้ละเอียดแล้วผสมกับเหล้า แช่ตัวยาไว้หนึ่งสัปดาห์ จากนั้นนำมาทาผิวบริเวณที่เป็นเชื้อรา ใช้ได้ทั้งโรคกลากและเกลื้อน
- สูตรที่ 3 นำกระเทียม มาตำให้ละเอียด แล้วนำมาทาผิวบริเวณที่ติดเชื้อราทาวันละ 2-3 ครั้งจะได้ผลดีมาก และเป็นสมุนไพรที่หาได้ง่ายจากในครัว
- สูตรที่ 4 นำใบสดต้นชุมเห็ดเทศ มาตำให้ละเอียด และทาบริเวณที่เป็นเชื้อราวันละ 2-3 ครั้ง
อาบน้ำให้สะอาด หยุดปัญหาเชื้อราและสิว
นอกจากการใช้สมุนไพรแล้ว การอาบน้ำให้สะอาดก็ช่วยลดเชื้อราและเชื้อแบคทีเรียได้นะคะ แต่เคล็ดลับที่จะช่วยให้ปัญหาผิวหมดไปคือ ส่วนประกอบสำคัญที่จะจบปัญหาเหล่านี้ได้
สำหรับผิวที่มีการอักเสบจากเชื้อราและแบคทีเรีย เราแนะนำให้เลือกใช้สบู่ที่มีส่วนผสมของ “ซัลเฟอร์” หรือ สารกามะถัน ซึ่งเป็นแร่ธาตุในธรรมชาติที่มีคุณสมบัติหลากหลายในการฆ่าเชื้อ และจากัดสิ่งสกปรกได้อย่างล้ำลึก
ซัลเฟอร์ สามารถยับยั้งเชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย และยังช่วยผลัดเซลล์ผิว โดยลดความมันพร้อมขจัดสิ่งสกปรกจากรูขุมขนได้อย่างดี ซึ่งความพิเศษนี้เองที่ทำให้อาการคันจากเชื้อรา กลาก เกลื้อน เชื้อราในร่มผ้า หรือน้ำกัดเท้าลดลง ผื่นคัน สิว กลิ่นตัว ก็จะค่อย ๆ หมดไป ซึ่งการใช้สบู่ที่มีส่วนผสมของซัลเฟอร์เป็นประจำยังป้องกันการกลับมาเป็นซ้าของเชื้อรา หรือสิวอีกด้วย
สบู่ไมด้า เคลียร์ปัญหาอาการคันกวนใจ ช่วยทำความสะอาดผิวล้ำลึก จบทุกปัญหาผิวพรรณ
ใครที่กำลังมีปัญหาผิวข้างต้นที่กล่าวมา และต้องการแก้ปัญหาผิวจากอาการคัน ผดผื่น พร้อมทั้งป้องกันการเกิดเชื้อราซ้ำ “สบู่ไมด้า” นับว่าตอบโจทย์แบบสุด ๆ เพราะมีซัลเฟอร์เป็นส่วนประกอบหลัก จึงมีประสิทธิภาพในการดูแลผิวอย่างครบวงจร จนจบได้ในก้อนเดียว ด้วยคุณสมบัติ ดังนี้
- ยับยั้งเชื้อรา กลาก เกลื้อน เชื้อราในร่มผ้า
- ยับยั้งแบคทีเรีย ลดผดผื่น สิว กลิ่นตัว
- ช่วยผลัดเซลล์ผิวให้หลุดง่ายขึ้น
- ลดผิวมัน ขจัดสิ่งแปลกปลอมจากรูขุมขน
- ป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำของโรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อรา
นอกจากทำความสะอาดผิวได้อย่างล้ำลึกแล้ว เชื้อรา กลาก เกลื้อนเป็นโรคผิวผนังที่ต้องการรักษาด้วยยาทาแก้เชื้อราโดยสามารถใช้สบู่ไมด้าเสริมประสิทธิภาพคู่กับ “ครีมไมด้า บี” โดยทาบาง ๆ บริเวณที่ติดเชื้อราและผิวที่มีอาการอักเสบ วันละ 2-3 ครั้ง จะช่วยขจัดเชื้อราได้รวดเร็วและป้องกันการเกิดซ้ำได้ดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ต้องดูแลร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอด้วยการกิน นอน พักผ่อน และออกกำลังกาย ก็จะช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ทำให้การติดเชื้อราและแบคทีเรียไม่เกิดขึ้นกับเราได้ง่าย ๆ ค่ะ ใครที่มีปัญหาผิวอยู่ อย่าลืมเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐาน ความน่าเชื่อถือในการรักษา รับรองอาการต่าง ๆ จะค่อย ๆ ลดลง และไม่กลับมาเป็นซ้ำแน่นอน