เราเชื่อว่าการทำงานด้วยความรักและความสุขมักนำพาชีวิตคนคนหนึ่ง ไปสู่คุณค่าอันยิ่งใหญ่สำหรับการเกิดมาเป็นมนุษย์ คุณหมอจ๋า – แพทย์หญิงอัญวีณ์ เกียรติอภิพงษ์ ผู้ก่อตั้ง Heppy Chemo Club คุณหมอเริ่มต้นจากวิชาชีพแพทย์และต่อยอดไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพที่สร้างคุณภาพชีวิตของ ผู้ป่วยมะเร็ง และครอบครัวให้เฮลตี้และแฮปปี้ขึ้น มาฟังไอเดียการทำงานดีๆ จากคุณหมอจ๋ากันค่ะ
Q : ทราบมาว่าเดิมที่คุณหมอทำงานด้านความงาม เพราะอะไรจึงสนใจผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเกี่ยวกับมะเร็ง มีที่มาที่ไปอย่างไรคะ
A : เริ่มจากเป็นคนที่ชอบศิลปะ ดนตรี ชอบทำงานฝีมือมากๆ มาตั้งแต่เด็กๆ ตอนเรียนหมอก็จะชอบวิชาศัลยกรรม ชอบสูตินรีเวชที่ต้องมีการทำหัตถการต่างๆ เวลาเรียนจะรู้สึกมีความสุขมากกว่าวิชาอื่นๆ พอเรียนจบมาก็ตกตะกอนกับตัวเองว่าเราชอบอะไรและจะอยู่กับงานนั้นอย่างมีความสุขไปได้นานๆ ก็เลยตัดสินใจเรียนด้านความงาม เริ่มต้นชีวิตแพทย์ด้วยการเป็นแพทย์ด้านความงาม จนถึงวันนี้ก็ 10 กว่าปี และยังมีความสุขกับงานแพทย์ความงามอยู่มากๆ แต่ลดบทบาทในการให้การรักษาคนไข้ลงเหลือเพียง 3 วันต่อสัปดาห์ แล้วหันมาให้เวลากับการถ่ายทอดประสบการณ์มากขึ้น โดยผ่านทางบทบาทการเป็น แพทย์ Trainer และเป็นอาจารย์พิเศษ หลักสูตรเวชศาสตร์ความงาม มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ค่ะ

ส่วนงานเกี่ยวกับอาหารผู้ป่วยมะเร็งนี่เริ่มต้นขึ้นเมื่อได้แต่งงานเข้าไปเป็นสมาชิกในครอบครัวศัลยแพทย์มะเร็ง สามีเติบโตมาในคลินิกมะเร็งของคุณปู่ ซึ่งคุณปู่ท่านก็เป็นศัลยแพทย์มะเร็ง เขามักจะเล่าถึงคนไข้มะเร็งที่เข้ามาหาคุณปู่ที่คลินิกว่า
สมัยก่อนผู้ป่วยมะเร็งไม่ได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีเหมือนทุกวันนี้ คือกว่าจะรู้ว่าเป็นมะเร็งก็มีก้อนออกมาเลย บางคนเก็บเป็นความลับ ไม่ยอมรักษาจนก้อนแตก เลือดไหลน้ำเหลืองไหลติดเสื้อผ้า กว่าจะตัดสินใจมาหาหมอ อาการก็เป็นมากแล้ว
สมัยนี้ผู้ป่วยมะเร็งจะดูเหมือนคนปกติมากๆ เนื่องจากมีการตรวจคัดกรองที่ทำให้ค้นหามะเร็งได้ตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม หากให้การรักษาได้ทันท่วงทีด้วยนวัตกรรมทางการแพทย์ต่างๆ ทั้งการผ่าตัด การทำเคมีบำบัด ฉายแสง การให้ยามุ่งเป้า และวิธีอื่นๆ อีกมากมาย ก็สามารถทำให้คนไข้หายจากมะเร็งได้ และมีอัตราการรอดชีวิตสูงขึ้นเรื่อยๆ มีคุณภาพชีวิตที่ดี แตกต่างจากคนไข้มะเร็งสมัยก่อนมากๆ
แต่สิ่งที่เป็นความท้าทายของคนไข้คือการประคับประคองสุขภาพกายและใจระหว่างเส้นทางรับการรักษาที่ทำให้หลายๆ คนท้อ จนบางคนถึงขั้นถอนตัว ปฏิเสธการรักษา ทุกครั้งก่อนรับการรักษาแต่ละครั้งจะมีการตรวจเลือด
เพื่อดูความพร้อมของร่างกาย หากค่าเลือดไม่ผ่าน คนไข้ก็จะถูกเลื่อนการรักษาออกไป โดยคุณหมอจะบอกว่าให้ไปบำรุงร่างกายมาก่อน ให้กินไข่ขาววันละ 7 ฟองบ้าง 10 ฟองบ้าง ถึงขั้นตอนนี้
คำถามที่ได้ยินจากคนไข้มะเร็งมาตลอด ตั้งแต่รุ่นปู่สู่รุ่นหลานคือ “เป็นมะเร็งกินอะไรดี”
ก่อนหน้านี้ตัวเลือกในการกินอาหารบำรุงร่างกายของผู้ป่วยมีไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นอาหารทดแทนสูตรครบถ้วน ที่มีปริมาณโปรตีนไม่สูงมาก มีแป้งและน้ำตาลเป็นส่วนผสมดังนั้นหากจะกินให้ได้ปริมาณโปรตีนเพียงพอก็ต้องกินวันละหลายมื้อ แต่สิ่งที่ลืมคิดไปก็คือทำให้ได้รับแป้งและน้ำตาลสูงเกินไป อีกทั้งน้ำตาลยังเป็นตัวเร่งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้เป็นอย่างดี แล้วคนไข้จะต้องทำอย่างไร ให้กินไข่ขาวทุกวัน วันละ 7-10 ฟอง แค่คิดก็เครียดแล้ว

ใครไม่เคยกินต้องลองดูว่ามันไม่ง่ายเลย ประกอบกับหมอเองเรียนบริญญาโทด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟูและการชะลอวัย และมีความหลงใหลในด้านโภชนาการเพื่อการชะลอวัยเป็นพิเศษ จึงได้นำความรู้ตรงนี้มาพัฒนาสูตรผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เพื่อตอบโจทย์กลุ่มคนไข้มะเร็งที่ต้องการโปรตีนสูง วิตามินและเกลือแร่ครบถ้วน แต่ไม่เติมแป้งและน้ำตาล โดยเมื่อนำมาใช้จริง พบว่าเหมาะกับกลุ่มผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ต่างๆ เช่น ผู้ป่วยเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจ โรคอ้วน ไม่ต้องการน้ำตาล รวมไปถึงผู้สูงอายุและบุคคลทั่วไปที่ต้องเสริมโปรตีน โดยไม่ต้องการน้ำตาลอีกด้วยค่ะ
Q : มุมมองเรื่องสถานการณ์ปัจจุบันของโรคมะเร็งทั่วโลกและในประเทศไทย สัดส่วนผู้ป่วยมะเร็งในปัจจุบันเป็นอย่างไรคะ
A : ในขณะที่วิวัฒนาการทางการแพทย์รุดหน้าไปมากสามารถตรวจวินิจฉัยมะเร็งได้ตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม ให้การรักษาได้ทันท่วงที แต่สถานการณ์มะเร็งกลับไม่มีทีท่าจะลดลงแม้แต่น้อย จนปัจจุบันมีผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ทั่วโลกประมาณปีละ 18 ล้านคน
ในประเทศไทยพบผู้ป่วยรายใหม่มากถึงปีละ 140,000 คน หรือคิดเป็นประมาณ 400 คนต่อวัน
มะเร็งที่พบบ่อยในผู้ชายไทย ได้แก่ มะเร็งตับและท่อน้ำดี มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ใหญ่ ส่วนในผู้หญิง ได้แก่ มะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งตับ ตามลำดับ จะสังเกตเห็นว่ามะเร็งลำไส้ใหญ่และมะเร็งตับมาแรงในทั้งสองเพศเลย ซึ่งลำไส้เองก็เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าคือเส้นทางการเดินทางของอาหารที่เรารับประทานเข้าไปในทุกๆ วัน ส่วนตับก็คืออวัยวะหลักในการกำจัดสารพิษ พอเห็นอย่างนี้แล้วทำให้ต้องย้อนกลับมาพิจารณากันดีๆ เลยว่าวันหนึ่งๆ เรากินอะไรเข้าไปทำร้ายร่างกายเราเองบ้าง
Q : ถ้าพูดถึงมะเร็ง เราจะนึกถึงกระบวนการรักษาของ โรคมะเร็งที่มีความซับซ้อนและสำคัญก่อน แต่เรื่องอาหารก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะอะไรคะ
เรื่องกระบวนการรักษาในทางการแพทย์แผนปัจจุบัน คุณหมอจะเป็นคนวางแผนตามขั้นตอนต่างๆ ให้คนไข้อยู่แล้วค่ะ หากคนไข้เลือกที่จะสู้ คุณหมอก็พร้อมที่จะให้การรักษาอย่างเต็มความสามารถ แต่ภาวะโภชนาการเป็นสิ่งที่คนไข้ต้องทำเอง เตรียมพร้อมด้วยตัวเอง และมีวินัยในการเลือกอาหารการกินตั้งแต่การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการรักษา ระหว่างการรักษา และการฟื้นฟูหลังจบการรักษา
ความยากและย้อนแย้งมันอยู่ตรงที่เซลล์มะเร็งจะมีการหลั่งสารในกลุ่มไซโตไคน์ และเปปไทด์บางชนิดที่ทำให้คนไข้เบื่ออาหาร ประกอบกับความเครียดทั้งทางร่างกาย และจิตใจก็ยิ่งทำให้คนไข้กินได้น้อยลง ในขณะเดียวกับที่ต้องการสารอาหารมากกว่าคนอื่นๆ ศิลปะในการเลือกอาหารในช่วงเวลานี้คือเลือกกินของที่กินง่าย ปริมาณไม่มากเพื่อให้กินไหว แต่ประโยชน์ต้องสูง พูดง่ายๆ คือ “เลือกมื้อเล็ก ๆ แต่ประโยชน์ต้องยิ่งใหญ่” และไม่มีส่วนประกอบที่ทำร้ายสุขภาพ
Q : อะไรคือแนวคิดในการพัฒนาสูตรอาหารเพื่อผู้ป่วยมะเร็งคะ
A : ตอนออกแบบสูตรเราคิดกันหลายแง่มุมมากค่ะ ในทีมจะมีทั้งแพทย์และนักโภชนาการที่มาร่วมกันคิดว่าปัญหาด้านโกชนาการของคนไข้มะเร็งมีจุดไหนบ้างที่เราต้องแก้ นอกจากจะรวบรวมสารอาหารหลักที่จำเป็นเข้ามาไว้ในสูตรแล้ว ยังต้องคิดต่ออีกว่าจะทำอย่างไรให้กินง่าย กลิ่นและรสที่ทำให้คนไข้มีความสุขในการกิน นอกจากนั้นยังต้องมีตัวช่วยเสริมสุขภาพลำไส้ที่ดูดซึมได้ดี เพราะถ้าสำไส้ไม่ดี ให้ใส่ส่วนประกอบดี ๆ ลงไปมากแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์

เมื่อได้รายการของส่วนประกอบที่ต้องการแล้ว จึงค่อยๆ มาลงรายละเอียดทีละตัว คัดเลือกแหล่งที่มาของส่วนประกอบที่น่าเชื่อถือและมีผลงานวิจัยรองรับ นอกจากนั้นยังมีกฎเหล็กคือไม่เติมน้ำตาลอย่างเด็ดขาด แม้จะเป็นการตัดสินใจที่ทำให้พลังงานรวมต่อมื้อน้อยลง แต่ก็มั่นใจว่าเป็นแนวทางที่เหมาะสมกับผู้ป่วยมะเร็ง
Q : เพราะอะไรจึงเลือกใช้ Whey Protein Isolate (WPI)
อย่างที่บอกว่าเราให้ความสำคัญกับการคัดเลือกวัตถุดิบมาก จึงเลือกใช้เวย์โปรตีนที่มีโปรไฟล์ดีที่สุดเท่าที่จะหาได้ การเลือกใช้ WPI ความบริสุทธิ์สูงขนาดนี้จะทำให้เหลือไขมันและน้ำตาลในเวย์โปรตีนอยู่น้อยมาก จึงไม่ต้องกังวลว่าจะได้รับคอเลสเตอรอลและน้ำตาลแล็กโทสจากนมมากเกินไป ซึ่งในส่วนนี้ก็เป็นความภูมิใจของทีมงานมากๆ ค่ะ
Q : ทราบว่าคุณหมอได้คิดค้นสูตรโปรตีนจากพืช (Plant-Based Protein) ด้วย สูตรนี้มีความแตกต่างจากสูตรโปรตีนทดแทนจาก Whey Protein Isolate อย่างไรคะ
พบว่ามีคนไข้มะเร็งส่วนหนึ่งตั้งปณิธานกับตัวเองไว้ว่าจะไม่กินเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์อีกเลย ทำให้ทางเลือกในการเติมโปรตีนให้แก่ร่างกายนั้นน้อยลงมาก เลยเป็นที่มาของการพัฒนาสูตร Plant-Based Protein ให้มีแหล่งที่มาของโปรตีนจากพืช โดยพืชมีข้อจำกัดหลายด้าน ตั้งแต่โปรตีนจากพืชเพียงชนิดเดียวให้กรดแอมิโนจำเป็นไม่ครบถ้วน โปรตีนพืชบางชนิดมีปริมาณโซเดียมสูงมาก และที่สำคัญคือพืชไม่มีวิตามินบี 12 การพัฒนาสูตรโปรตีนจากพืชนี้จึงต้องปิดจุดอ่อนของโปรตีนพืชทุกจุด คือมีการผสานโปรตีนจากพืช 5 ชนิด เพื่อให้มีกรดแอมิโนจำเป็นครบถ้วน เลือกใช้โปรตีนพืชที่โซเดียมต่ำ และเติมวิตามินบี 12 ลงไปที่สำคัญต้องอร่อย และยังคงคอนเซ็ปต์ปราศจากน้ำตาลไว้อย่างเหนียวแน่น

Q : นอกจากผู้ป่วยมะเร็งแล้ว ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสูตรที่พัฒนาขึ้นมายังเหมาะกับใครอีกบ้าง
A : กลุ่มที่เหมาะมากๆ ได้แก่ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วย ล้างไต ผู้ป่วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ต่างๆ เช่น ผู้ป่วยเบาหวาน โรคอ้วน ความดันโลหิตสูงไขมันในเลือดสูง โรคหัวใจ รวมไปถึงบุคคลทั่วไปที่ต้องการเสริมโปรตีนหรือสร้างกล้ามเนื้อค่ะ เนื่องจากเป็นสูตรที่ไม่เติมแป้งและน้ำตาล จึงไม่ต้องกังวลว่าการเสริมด้วยผลิตภัณฑ์เสริมอาหารทั้งสูตรที่มีแหล่งโปรตีนจาก Whey Protein Isolate และโปรตีนจากพืชที่ได้พัฒนาสูตรขึ้นมานี้ จะทำให้ได้น้ำตาลแฝง เพราะเรากินทั้งแป้ง และน้ำตาลเกินความต้องการของร่างกายอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่เป็นเบาหวานและความดันโลหิตสูงกันมากมายเหมือนทุกวันนี้
Q : โปรตีนทดแทนที่คุณหมอคิดค้นขึ้นมามีข้อจำกัดในการใช้หรือไม่อย่างไรคะ
เนื่องจากส่วนประกอบหลักของสูตรที่มีแหล่งที่มาของโปรตีนจาก Whey Protein Isolate นั้นสกัดมาจากนมวัว ผู้ที่แพ้โปรตีนนมวัวจึงควรเลี่ยงไปกินสูตรโปรตีนจากพืชแทนค่ะ ส่วนคนไข้โรคไตเรื้อรัง ระยะที่มีค่าการกรองของไต (GFR) ต่ำกว่า 60 มีความจำเป็น ต้องควบคุมปริมาณโปรตีนต่อวันให้เหลือเพียง 60-80 เปอร์เซ็นของคนทั่วไป จะเห็นว่าโปรตีนก็ยังต้องการอยู่นะคะ แต่ต้องควบคุมไม่ให้มากเกินไป ควบคุมไปจนกว่าจะถึงระยะที่ต้องล้างไต ถึงตอนนั้นผู้ป่วยจะสูญเสียโปรตีนไปกับการล้างไตเป็นอย่างมาก จึงกลับมาต้องการโปรตีนสูงขึ้นมากกว่าคนปกติ
Q : กว่าจะมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการยอมรับจากผู้ป่วยและโรงพยาบาลชั้นนำ คิดว่าปัญหาและอุปสรรคที่ยากที่สุดคืออะไรคะ
A : ครั้งแรกที่เปิดตัวเมื่อหลายปีก่อน อุปสรรคสำคัญคือคนไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ทำป็นสูตรครบถ้วน ทำไมถึงไม่มีแป้งและน้ำตาล ซึ่งมักเป็นส่วนประกอบหลักของอาหารทางการแพทย์สูตรอื่นๆ เมื่ออธิบายถึงแนวคิดที่พัฒนาสูตรนี้ขึ้นมา ประกอบกับความตื่นตัวของประชาชนที่เข้าใจถึงโทษของการกินน้ำตาลมากขึ้น ก็ค่อยๆ ได้รับการยอมรับขึ้นเรื่อยๆ ไม่ใช่ว่าอาหารสูตรครบถ้วนนั้นไม่ดี แต่อาหารสูตรครบถ้วนนั้นเหมาะกับคนที่กินอาหารทั่วไปได้น้อย หรือแทบจะกินไม่ได้เลย ถ้ายังเป็นคนที่กินข้าวได้ กินขนมหวานได้ แล้วยังเสริมอาหารสูตรที่มีแป้งและน้ำตาลลงไป ผลลัพธ์ก็คือการมีภาวะโภชนาการเกิน คือแป้งและน้ำตาลโอเวอร์โหลด กระตุ้นอินซูลินให้พุ่งสูง หากเกิดขึ้นเป็นประจำก็จะนำไปสู่โรคเรื้อรังต่างๆ ตามมามากมายในที่สุด

Q : โดยส่วนตัวคุณหมอคิดว่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่คุณหมอได้คิดค้นและพัฒนาสูตรขึ้นมา มีที่มาของความสำเร็จจากอะไรคะ
A : จากประสบการณ์ของครอบครัวในการดูแล ผู้ป่วยมะเร็งมาตั้งแต่รุ่นคุณปู่ค่ะ ทำให้เราเข้าใจปัญหาที่ผู้ป่วยต้องเผชิญอย่างแท้จริง ประกอบกับประสบการณ์ของรุ่นหลานในการเป็นศัลยแพทย์มะเร็งร่วมกับความรู้ทางเวชศาสตร์ป้องกันและโภชนาการเพื่อการชะลอวัย จึงเป็นองค์ประกอบที่นำมาผนึกกำลังกันแล้วใส่จิตวิญญาณในการดูแลคนไข้ลงไป จนได้ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่กลั่นกรองมาจากประสบการณ์ เพื่อการดูแลสุขภาพผู้ป่วยและผู้ที่ใส่ใจสุขภาพอย่างแท้จริง
Q : Happy Chemo Club (แฮปปี้โมคลับ) เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งมีแรงบันดาลใจจากอะไรคะ และผลตอบรับเป็นอย่างไรบ้าง
A : กิจกรรมครั้งที่ผ่านมาเกิดจากความร่วมมือของโรงพยาบาลมะเร็งลพบุรีกับ Happy Chemo Club ร่วมกับองค์กรสุขภาพชั้นนำของไทย ได้แก่ สมาคมเวชศาสตร์วิถีชีวิตแห่งประเทศไทย, ชมรมโภชนวิทยามหิดล, บริษัทไทยวาโก้ จำกัด, นิตยสาร ชีวจิต และบริษัท นิวทรีพรีม จำกัด ร่วมกันจัดกิจกรรมในโครงการ วันมะเร็งเต้านมโลก “World Breast Cancer Day 2024” ณ โรงพยาบาลมะเร็งลพบุรี เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับโรค การรักษา การดูแลสุขภาพกายและใจ วิธีการเลือกรับประทานอาหารที่ถูกต้อง การปรับวิถีชีวิตให้เหมาะสม เสริมสร้างความเข้าใจอารมณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ยอมรับและรับมือกับอารมณ์นั้นได้ และเพื่อให้กำลังใจและสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ป่วย ครอบครัว ตลอดจนผู้ดูแล ให้สามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดี รักษาสุขภาพกายและใจเพื่อรับการรักษาโรคตามขั้นตอนการรักษาต่างๆ ได้อย่างราบรื่น และกลับมามีสุขภาพแข็งแรงเป็นปกติ หรือถึงแม้จะยังรักษาไม่หายขาดก็สามารถดูแลกายและใจให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ มีความสามารถในการทำงาน และทำประโยชน์เพื่อครอบครัว เพื่อสังคมและประเทศชาติ มีโอกาสประสบความสำเร็จทุกด้านได้ไม่แตกต่างจากคนอื่น

กิจกรรมนี้ในเบื้องต้นคาดหวังว่าจะมีผู้ร่วมงานประมาณ 160 คน แต่พอถึงวันจริงพบว่ามีผู้สนใจร่วมงานมากกว่า 325 ราย และจากแบบสำรวจพบว่ามีความพึงพอใจต่อโครงการร้อยละ 94 ซึ่งนับเป็นความภาคภูมิใจของทุกฝ่ายที่ได้ร่วมมือกันจัดโครงการในครั้งนี้ค่ะ
Q : ในอนาคตจะมีโครงการหรือแคมเปญเกี่ยวกับผู้ป่วยมะเร็งอื่นอีกไหมคะ
A เราตั้งใจจะทำโครงการ Happy Chemo Club ต่อไปอีกเรื่อยๆ ค่ะ รอติดตามนะคะ
Q : สุดท้ายนี้ขอให้คุณหมอแนะนำวิธีดูแลตัวเองให้ห่างไกลมะเร็งค่ะ
A : มาจนถึงวันนี้ยังไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าสาเหตุของมะเร็งคืออะไร เราพบเห็นคนที่ดูสุขภาพดี กินดี อยู่ดี ไม่เครียด เป็นมะเร็งกันก็ไม่น้อย แต่พบว่าพฤติกรรมบางอย่างมีความสันพันธ์กับการเกิดมะเร็งอย่างมีนัยสำคัญ หากเราหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเช่นนี้ อย่างน้อยๆ ก็น่าจะลดโอกาสการเกิดมะเร็งได้ ขออ้างอิงจากสถิติการเป็นมะเร็งสูงสุดของคนไทยนะคะ
มะเร็งตับและท่อน้ำดี
ประวัติของผู้ป่วยกลุ่มนี้ที่พบมาก ได้แก่ การรับประทานของดิบ หรือกึ่งดิบกึ่งสุก โดยเฉพาะปลาดิบจากแหล่งน้ำจืด และการดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ เราจึงควรกินอาหารปรุงสุกและงดดื่มแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะในผู้ที่มีประวัติการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ หรือเป็นตับอักเสบจากไขมันพอกตับมาก่อน ยิ่งควรระมัดระวังเป็นพิเศษ
มะเร็งลำไส้
การจะห่างไกลจากมะเร็งชนิดนี้ก็ต้องดูแลพฤติกรรมการกินเป็นหลัก การที่อาหารมีการหมักหมมในลำไส้นานๆ โดยไม่มีการขัดถูทำความสะอาดจากใยอาหาร การอักเสบเรื้อรังสะสมของผนังลำไส้จากแอลกอฮอล์และสารพิษต่างๆ เช่น สารที่เกิดขึ้นจากการปิ้งย่าง การปล่อยให้ท้องผูกเรื้อรัง เมื่อเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านี้ก็จะเป็นวิธีลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งลำไส้ได้
มะเร็งปอด
ส่วนการลดความเสี่ยงการเป็นมะเร็งปอดนั้นทุกวันนี้ทำได้ยาก แค่หายใจเฉยๆ เราก็สูดเอา PM2.5 เข้าไปเต็มปอด ส่วนใครที่สูบบุหรี่หรือมีคนใกล้ชิดสูบบุหรี่ก็จะยิ่งมีปอดที่อ่อนแอกว่าคนทั่วไป นอกจากจะมีโอกาสเป็นมะเร็งปอดสูงกว่า
คนไม่สูบบุหรี่อย่างมีนัยสำคัญแล้ว ยังมีความเสี่ยงกับโรคทางเดินหายใจอื่นๆ ที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตอย่างมากอีกด้วยค่ะ
สรุป วิธีใช้ชีวิตให้ห่างไกลมะเร็งคือการเลี่ยงพฤติกรรมทำร้ายสุขภาพทั้งหลาย พฤติกรรมอะไรก็ตามที่ทำให้ร่างกายเกิดการอักเสบซ้ำๆ จนทำให้เซลล์ร่างกายต้องปรับตัวเองให้กลายเป็นเซลล์ที่ทนทานต่อการถูกทำร้าย จนกลายร่างเป็นเซลล์ที่แบ่งตัวเร็วและฆ่าไม่ตายเพื่อสู้กับสภาวะเลวร้ายที่ตัวเราเองเป็นคนสร้างขึ้น แล้วหันมาใจดีกับตัวเอง รักร่างกายตัวเอง ใช้ชีวิตอย่างทะนุถนอมพาตัวเองออกจากพฤติกรรมและสิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษ
เราจะได้มีร่างกายที่แข็งแรง มีสุขภาพดีอันสมควรตามอายุ ปราศจากโรคภัยไปได้นานๆ