อาหารรสจัด วายร้ายทำลายสุขภาพคนทำงาน
หนุ่มสาวออฟฟิศคนไหนจัดเต็มมื้อนี้ ด้วยสารพัด อาหารรสจัด ขยับมาใกล้ๆ เรามีคำเตือนถึงอันตรายแฝง ที่มากับรสชาติสะใจนั้นค่ะ
5 สหายรสจัด แฝงอันตรายสุดๆ
แพทย์หญิงศรันยา กตัญญูวงศ์ หรือ คุณหมอส้ม แพทย์ด้านเวชปฏิบัติทั่วไปเกี่ยวกับการฝังเข็มและยาสมุนไพร อธิบายความหมายของคำว่า “รสจัด”
“ถ้าพูดถึงอาหารรสจัดจะนึกถึงอาหาร 5 รส คือ เผ็ด เปรี้ยว หวาน เค็ม และมัน ซึ่งแต่ละรสชาตินั้น หากกินเกินพอดีจะส่งผลเสียต่อสุขภาพ ทำให้เกิดโรคร้ายแรงตามมาได้”
คุณหมอส้มอธิบายอันตรายของรสจัดดังนี้
รสเผ็ด ส่วนใหญ่เกิดจากการกินพริกที่มีสารแคปไซซิน (Capsaicin) เข้าไป จริงๆ ลิ้นของเราไม่มีต่อมรับรู้รสเผ็ด แต่ความเผ็ดที่เกิดขึ้นเกิดจากการระคายเคืองของเนื้อเยื่อ ถ้ากินเผ็ดมากๆ จะรู้สึกถึงความร้อนตั้งแต่ภายในปากลงไปถึงกระเพาะอาหารช่องท้องด้านล่าง กระทั่งตอนขับถ่ายออกมา
ถ้าส่องกล้องเข้าไปดูเนื้อเยื่อระบบทางเดินอาหารซึ่งเป็นเนื้อเยื่ออ่อนจะเกิดการอักเสบและบวมแดง หากกินเผ็ดมากๆ การอักเสบนี้จะมีความรุนแรงมาก บางครั้งอาจทำให้เซลล์ตายและหลุดลอกออกมา การอักเสบนี้จะเกิดขึ้นนาน 3 - 4 วัน ซึ่งจะทำให้เกิดโรค IBS หรือลำไส้แปรปรวนได้ อาการคือ ท้องผูก สลับท้องเสีย รวมไปถึงอาการกรดไหลย้อนด้วย
สำหรับ รสเปรี้ยว นั้น คุณหมอส้มสรุปว่า ในกระเพาะอาหารของเรามีความเป็นกรดสูงมากอยู่แล้ว ดังนั้น หากเรากินรสเปรี้ยวมากเกินไป จะยิ่งเป็นการเพิ่มความเป็นกรดในกระเพาะอาหารให้สูงขึ้น ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคกระเพาะอาหาร ลำไส้แปรปรวน และภาวะกรดไหลย้อนมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้รสเปรี้ยวยังกัดเคลือบฟันของเราตั้งแต่การเคี้ยวอาหารในปากแล้วค่ะ ทำให้เคลือบฟันบางหรือกร่อน เกิดอาการเสียวฟัน ฟันผุได้ง่าย
ส่วน รสหวาน คุณหมอส้มอธิบายถึงอันตรายว่า
“ความหวานจากข้าวขาวหรือน้ำตาลขัดขาวจะทำให้ร่างกายดูดซึมน้ำตาลอย่างรวดเร็ว พอระดับน้ำตาลในเลือดสูง ตับอ่อนก็ต้องทำงานเพื่อผลิตอินซูลินมากขึ้น เมื่อตับอ่อนทำงานหนักขึ้นท้ายที่สุดผู้ที่กินรสหวานก็จะป่วยเป็นโรคเบาหวานในที่สุด”
รสมัน หรือการกินอาหารที่มีไขมันสูง คุณหมอส้มเล่าว่าบางคนกินอาหารไขมันสูง เช่น ข้าวขาหมู แต่กินมากเท่าไรก็ไม่อ้วน จึงคิดว่าไม่มีไขมันเกินในกระแสเลือด ความจริงแล้วความอ้วนผอมไม่ใช่ตัววัดระดับคอเลสเตอรอลหรือระดับไขมันในเส้นเลือด
คนผอมก็มีโอกาสมีคอเลสเตอรอลในเลือดสูงได้ หากกินอาหารที่มีไขมันสูง นอกจากนี้ยังทำให้เกิดโรคไขมันพอกตับ ซึ่งอาจลุกลามเป็นโรคตับแข็งหรือมะเร็งตับได้
รสอันตรายสุดท้ายคือ รสเค็ม คุณหมอส้มเล่าว่า
“การกินเค็มมากๆ อันตรายประการแรกที่จะพบคือ อาการบวมน้ำ เพราะไตของเราขับเกลือออกไม่ทัน และยิ่งดื่มน้ำน้อยด้วย ความเข้มข้นของเกลือในเลือดจะยิ่งมากขึ้น เลือดจึงมีความหนืดมาก ทำให้หัวใจต้องออกแรงบีบตัวมากขึ้นเพื่อส่งเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย ดังนั้น การกินเค็มนอกจากทำให้ไตเสียแล้ว ระบบหัวใจและหลอดเลือดยังได้รับผลเสียด้วย”