พัฒนาตนเอง เลิกเป็นคน “คิดแล้วไม่ทำ” เปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ที่ “คิด และ ทำ” อย่างชาญฉลาด
คุณเป็นคนหนึ่งที่มักจะมีความคิดและไอเดียต่างๆ มากมาย หลายไอเดียก็ดี สร้างสรรค์ และน่าสนใจ แต่ในที่สุดคุณก็ไม่ได้ลงมือทำอะไรกับความคิดนั้น ปล่อยให้ความคิดยังคงกลายเป็นเพียงความคิดอยู่ต่อไป มาทำความคิดของคุณให้กลายเป็นความจริง ด้วยการ พัฒนาตนเอง เพื่อแก้นิสัย “คิดแล้วไม่ทำ” กันเถอะค่ะ
::: “ความกังวล” ยิ่งคิดก็ยิ่งเพิ่ม :::
สาเหตุยอดนิยมอย่างหนึ่งของคน “คิด แล้ว ไม่ทำ” คือ “ความกังวล” คุณกลัวว่าเมื่อลงมือทำแล้วจะประสบปัญหา หรือพบเจอกับอุปสรรคต่างๆ คุณจึงต้องคิดวางแผนอย่างถี่ถ้วนเสียก่อน อุดทุกช่องโหว่ที่อาจเกิดความผิดพลาดขึ้นได้ ไตร่ตรอง ตัดสินใจ ทุ่มเทกายใจ จนหลายครั้งที่อาจรู้สึกท้อไปเสียก่อนที่จะได้เริ่มลงมือทำให้เกิดขึ้นจริง
แต่แท้ที่จริงแล้ว ความกังวลนั้น ยิ่งคิดก็ยิ่งมีเพิ่มขึ้น พอกังวัลเรื่องหนึ่ง คุณก็จะพาลคิดกังวลในเรื่องต่อๆไปตามมาอีกมากมาย จนกลายเป็นความกังวลที่ทบเท่าทวีคูณ จนไม่กล้าลงมือทำเสียที
พยายามคิดกังวลให้น้อยลง ปล่อยใจให้สบาย มองและวางแผนตามความเป็นจริง แล้วลงมือทำตามที่คิดกันเถอะค่ะ
::: “ความกังวล” คือสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง :::
เราต้องสามารถแยก “ความคิดฟุ้งซ่าน” ออกจาก “ความวิตกกังวล” ให้ได้ เพราะหลายๆ ครั้งที่ความกังวลแปรเปลี่ยนเป็นความฟุ้งซ่าน ซึ่งความฟุ้งซ่านนั้นจะเป็นกำแพงที่กั้นขวางตัวเรา ไม่ให้กล้าที่จะก้าวข้ามไป
สิ่งที่เราควรทำคือ การเตรียมใจ ว่าความผิดพลาดทั้งหลายนั้นมีโอกาสเกิดขึ้นได้ แต่ในขณะที่ความผิดพลาดนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ ความสำเร็จก็สามารถเกิดขึ้นได้เช่นกัน ลองชั่งน้ำหนักดูว่า มันคุ้มที่จะเสี่ยงหรือไม่ ถ้าคุ้มค่าที่จะเสี่ยงก็เลิกเกรงกลัว แล้วลุยมันไปให้เต็มที่เลยค่ะ
::: ก้าวออกจาก “พื้นที่ปลอดภัย” :::
หลายคนรู้สึกหวาดกลัวต่อเหตุการณ์ในอนาคต ไม่พร้อมรับความเสี่ยง กลัวว่าหากลงมือทำอะไรลงไปแล้ว ผลลัพธ์จะไม่เป็นอย่างที่ต้องการ ยกตัวอย่างเช่น คุณตัดสินใจไม่ไปพบลูกค้า เพียงเพราะกลัวว่าลูกค้าจะปฏิเสธการเจรจาทางธุรกิจ หรือคุณแอบชอบใครสักคน แต่ไม่บอกรักเขา เพียงเพราะกลัวว่าจะถูกเขาปฏิเสธ การกระทำเช่นนี้ทำให้คุณรู้สึกว่าคุณกำลังอยู่ใน “พื้นที่ปลอดภัย”
แต่ที่จริงแล้ว “ความปลอดภัย” ต้องแลกมาด้วยการสูญเสียโอกาส
แอบรักเขาแต่ไม่กล้าบอกรักเพราะกลัวโดนปฏิเสธ กับ แอบชอบเขา บอกรักเขา แล้วโดนเขาปฏิเสธ ผลลัพธ์อาจดูเหมือนกัน แต่ขั้นตอน กระบวนการ และความรู้สึกนั้นช่างแตกต่างกัน เพราะกรณีแรกคือคุณเลือกที่จะเก้บงำความรู้สึกนั้นเอาไว้ และคุณไม่มีวันรู้ได้เลยว่าหากตัดสินใจบอกรักไป แล้วผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร คุณได้ปิดกั้นโอกาสของตัวคุณเองให้เหลือศูนย์ไปตั้งแต่ยังไม่เริ่มต้นเสียแล้ว แต่ในกรณีที่สอง คุณได้เปิดโอกาสให้ตัวเองลองลงมือทำ และเมื่อผลลัพธ์ไม่เป็นดังที่คาดหัวงไว้ อย่างน้อยคุณก็ได้พยายามทำอย่างเต็มที่ และได้รับรู้ผลลัพธ์ที่แท้จริงโดยไม่ต้องคาดเดาอีกต่อไปแล้ว
::: ไม่มีต้นแบบความสำเร็จที่แท้จริง :::
คุณอาจคุ้นเคยกับการได้ยินโฆษณาอบรมวิธีการที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ แต่แท้ที่จริงแล้ว ไม่มีสูตรสำเร็จของความสำเร็จ ทุกสิ่งล้วนต้องผ่านการปรับแนวทางให้เหมาะสมกับแต่ละคน แต่ละกรณี
::: ไม่ลองไม่รู้ :::
คนเรา ล้มบ้าง ผิดพลาดบ้าง สำเร็จบ้าง สลับๆ กันไปบ้างก็ได้ ถือคติว่า “ไม่ลองไม่รู้” กล่าวคือ หากเราไม่ลงมือทำ ผลลัพธ์ก็จะยังเป็นศูนย์อยู่เช่นนี้ต่อไป แต่ถ้าหากเราลงมือทำ เราก็จะมีโอกาสได้รับผลสำเร็จ และผลลัพธ์จากความสำเร็จนั้นก็จะนำพาความสุข ความภาคภูมิใจ และสิ่งที่คุณต้องการมาให้คุณได้อย่างมากมาย
ไม่มีความสำเร็จใดเกิดขึ้นได้จากการไม่ลงมือทำ
ขอขอบคุณข้อมูลบางส่วนจากหนังสือ “9 พฤติกรรมเพื่อเลิกเป็นคนคิดแล้วไม่ทำ” – Short Cut
บทความโดย: พิระดา ธรรมวีระพงษ์
Author: Pirada Tumweerapong