ภิกษุณีนิรามิสา

ภิกษุณีนิรามิสา ภิกษุณีชาวไทย รูปแรกที่บวชกับ หลวงปู่ติช นัท ฮันห์

ภิกษุณีนิรามิสา ภิกษุณีชาวไทย รูปแรกที่บวชกับ หลวงปู่ติช นัท ฮันห์

ภิกษุณีนิรามิสา เล่าถึงชีวิตในวัยเยาว์ที่แตกต่างจากเพื่อนในวัยเดียวกัน เมื่ออายุ 16 ปี ท่านได้อ่านหนังสือของหลวงปู่เป็นครั้งแรก และรู้สึกประทับใจอย่างยิ่ง

“เราอาจมีเมล็ดพันธุ์บางอย่างที่ทำให้สนใจเรื่องจิตวิญญาณ ตอนเป็นวัยรุ่น เพื่อนชอบอ่านนิยาย แต่เรากลับสนใจหนังสือด้านสารคดี ปรัชญา และโตมาในแบบที่ชอบเรียนรู้ชีวิตจริงจากหนังสือ

“พี่สาวเอาหนังสือ ปาฏิหาริย์แห่งการตื่นอยู่เสมอ ของหลวงปู่มาให้ พอได้อ่านก็รู้สึกว่าหนังสือเล่มนี้ขลังมาก เป็นปรัชญาที่น่าสนใจ น่าจะเป็นหนังสือเก่าแก่หรือคัมภีร์ พอดูชื่อผู้เขียนเป็นภาษาเวียดนามว่า ติช นัท ฮันห์ ก็ไม่รู้ว่าท่านเป็นพระ แต่ประทับใจกับคำสอนของท่านมาก ประกอบกับในวัยนั้นไปฝึกปฏิบัติที่สวนโมกข์ ได้สัมผัสกับวิธีการฝึกสติทที่ ำให้เราเปลี่ยนมุมมองว่า พุทธศาสนาไม่ใช่เรื่องงมงาย ไม่ใช่เรื่องที่แก่แล้วค่อยมาเข้าวัดเพื่อปฏิบัติ แต่เป็นวิทยาศาสตร์ และคิดว่าเราจะนำพุทธศาสนาเป็นพื้นฐานทางจิตวิญญาณ”

หลังเรียนจบ ท่านทำงานเป็นพยาบาล จากนั้นได้ไปเรียนต่อปริญญาโทด้านการศึกษาเด็กปฐมวัยที่สหรัฐอเมริกา และได้ทำงานเป็นผู้อำนวยการองค์กรที่ช่วยเหลือเด็ก ผู้หญิงและคนยากจน ในสาธารณประชาธิปไตยประชาชนลาว ต่อมาเป็นที่ปรึกษาให้ยูนิเซฟที่ลาวเช่นกัน เมื่อเงื่อนไขปัจจัยลงตัว ท่านจึงได้เดินทางไปภาวนากับหลวงปู่เป็นครั้งแรก

“เคยได้ยินคนพูดกันว่า ต่อไปพุทธศาสนาจะมาจากทางตะวันตก พอมีโอกาสเดินทางไปทำงานที่เยอรมนีจึงอยากไปที่หมู่บ้านพลัม เพราะเคยเห็นใบปลิวที่สวนโมกข์ช่วงที่เข้าร่วม International Course จึงโทร.ไปที่หมู่บ้านพลัม โชคดีมากที่หลวงแม่เจิงคอมเป็นผู้รับสาย ท่านให้ข้อมูลดีมาก เวลานั้นไม่รู้หรอกว่าท่านเป็นใคร ท่านบอกว่าชื่อ True Emptiness

“การเข้าร่วมภาวนากับหลวงปู่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เยอรมนีกลายเป็น ‘ประสบการณ์เปลี่ยนแปลงชีวิต’ ได้ฟังหลวงปู่เทศน์แล้วตื้นตันประทับใจจนร้องไห้  ประโยคที่ประทับใจมากคือ ‘I have arrived, I am home. ฉันได้กลับมาแล้ว ถึงบ้านแล้ว’ ซึ่งเป็นการฝึกน้อมใจมาสู่กายอยู่กับปัจจุบัน เมื่อกายและใจร้อยเป็นหนึ่งเดียวกัน นั่นคือบ้านที่แท้จริง เมื่อฝึกก็สัมผัสได้ถึงความมั่นคงและเป็นอิสระ ภาวะเช่นนี้เราได้อยู่กับความเป็นจริงสูงสุด แม้เป็นคำกลอนสั้น ๆ เรียบง่าย แต่ลึกซึ้งมาก

“ลึก ๆ รู้สึกว่าที่ผ่านมาสายธารแห่งจิตวิญญาณของเราถูกปิดกั้น ทำให้เกิดความไม่เบิกบาน ไม่สบายใจ แต่เหมือนหลวงปู่มาเปิดประตูน้ำให้ ทำให้ได้สัมผัสได้ถึงความเบิกบาน คำสอนของท่านเรียบง่าย แต่ลึกซึ้งมาก ที่ชอบอีกอย่างคือหลวงปู่สอนว่า ถ้าเพิ่งมาวันนี้ก็ต้องฝึกจากกลอนจากคาถาพวกนี้ แม้เริ่มต้นฝึกแล้ว 1 สัปดาห์ 1 ปี 5 ปี หรือแม้จะเป็นเจ้าอาวาสหรือพระมหาเถระก็ต้องฝึกเช่นเดียวกัน พอได้ฟังทำให้รู้สึกโล่งสบาย เพราะคาถาที่เรียบง่ายนี้ ทุกคนฝึกได้เหมือนกัน ไม่มีขั้นใด ๆ”

หลวงแม่เล่าว่า ชีวิตมีความสุขมากขึ้นเมื่อนำคำสอนของหลวงปู่มาใช้ เป็นความสุขที่ยิ่งใหญ่ แม้หน้าที่การงานกำลังรุ่งโรจน์และมีหนทางที่จะก้าวหน้าขึ้นไปได้อีก แต่ท่านกลับปฏิเสธตำแหน่งเงินทองแล้วมุ่งสู่ชีวิตนักบวช

“เคยแว่บคิดว่า เราจะอยู่เป็นฆราวาสอย่างนี้แหละ เป็นผู้หญิงทำอะไรได้เยอะกว่า เพราะมองไม่เห็นว่าบวชแล้วจะช่วยคนได้อย่างไร แต่เมื่อฝึกปฏิบัติมาเรื่อย ๆ ก็ยิ่งได้สัมผัสถึงความสุขอันยิ่งใหญ่ที่อธิบายเป็นคำพูดไม่ได้ ยิ่งฝึกก็ยิ่งสัมผัสได้ และเวลาคิดถึงหมู่บ้านพลัมก็มีแต่ความสุข จึงเห็นว่าเราต้องมีวิถีชีวิตแบบนักบวชแล้ว

“อีกเหตุผลหนึ่งคือ เราได้สัมผัสกับสิ่งที่อยู่ในห้วงลึกของจิตวิญญาณ เราอยากแปรเปลี่ยนที่รากฐานที่ก้นลึกของจิตวิญญาณ เยียวยาบาดแผลในใจให้สิ้นจนเป็นพลังบริสุทธิ์สดใสแท้จริง และนำไปช่วยเหลือผู้อื่นต่อไป เวลานั้นเราตัดความเย้ายวนทางโลกได้ทันที เพราะความสุขความเบาสบายจากการฝึกปฏิบัตินั้นทำให้เราเลือกได้ง่าย จึงเตรียมตัวจัดการชีวิตและเดินทางไปอยู่หมู่บ้านพลัม ฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1997 ถัดมาหนึ่งปีก็บวช”

เมื่อบวชแล้วท่านยังต้องเรียนรู้ชีวิตของนักบวชอย่างไม่รู้จบ โดยมีหลวงปู่ติช นัท ฮันห์เป็นแบบอย่าง

“การใช้ชีวิตในวิถีของนักบวชและสังฆะมีอะไรให้เรียนรู้อยู่ตลอดเวลา โชคดีที่หลวงปู่ช่วยแปลประยุกต์คำสอนของพระพุทธเจ้าให้เราเข้าใจและนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน หลวงปู่จะมองสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชุมชนและสังฆะอย่างลึกซึ้งและทะลุปรุโปร่ง ซึ่งทางเถรวาทอาจเรียกว่า วิปัสสนากรรมฐาน และท่านจะมีคำสอนใหม่ ๆ ให้ได้เห็นว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยอะไร จากนั้นก็สรุปเป็นวัตรปฏิบัติข้อใหม่เพื่อรองรับกับชุมชนที่เติบโตขึ้น

“เป้าหมายสูงสุดในวิถีของหมู่บ้านพลัมคือ สัมมาทิฏฐิ การมองที่ถูกต้อง มองทุกอย่างให้ใกล้ความเป็นจริงและไม่ยึดติด แล้วเราจะหลุดออกจากบ่วงเหล่านี้ เวลาที่เราปฏิบัติเราไม่ต้องไปชนะอะไร ไม่มีผู้แพ้ผู้ชนะ เราฝึกปฏิบัติในแต่ละวันเพื่อที่จะรักษาพระโพธิจิต ซึ่งคือจิตแห่งรัก จิตที่ปรารถนาที่จะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ให้เติบโตอยู่เสมอ

“ถ้าเราอยู่กับปัจจุบันขณะอย่างเต็มร้อย ความเป็นนิพพานอยู่ตรงนั้นเอง หนึ่งในคำสอนมหายานคืออัปปณิหิตา คือความไม่มุ่งหวัง ไม่วิ่งตามไขว่คว้าในสิ่งที่อยากได้ ไม่เอานิพพานวางไว้ข้างหน้าแล้ววิ่งตาม”

เมื่อย่างก้าวเข้ามาในหมู่บ้านพลัม เราได้เห็นแต่รอยยิ้มและการต้อนรับอย่างอบอุ่น จนอดที่จะถามหลวงแม่ไม่ได้ว่าเหตุใดที่นี่จึงมีแต่บรรยากาศของความสุข

“ความทุกข์ก็มีนะคะ แต่เมื่อรู้วิธีปฏิบัติ ความทุกข์ก็แปรเปลี่ยนเป็นความสุขความเบิกบานได้ บางคนที่ไม่ได้ทุกข์มากมายก็สามารถหล่อเลี้ยงความเบิกบานได้ตลอด เมื่อทำไปได้เรื่อย ๆ ก็จะเกิดเป็นพลังที่เกื้อกูลกัน”

หลวงแม่นิรามิสากล่าวทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข

สุขที่แท้จริงไม่ต้องตามหาที่ไหน เพราะอยู่ในเรือนใจในบ้านที่แท้จริงของทุกคน

 

“I have arrived, I am home. ฉันได้กลับมาแล้ว ถึงบ้านแล้ว” เป็นคำสอนท่ี่เหมือนตราประทับของหมู่บ้านพลัม ซึ่งหมายถึงการน้อมใจกลับมาสู่กายและอยู่กับสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ในขณะนนั้ หลวงปู่ติช นัท ฮันห์กล่าวว่า หากไม่มีเนื้อหานี้ถือว่าไม่ใช่คำสอนของที่นี่

ในชีวิตประจำวันเราวิ่งวุ่นอยู่เสมอทั้งกายใจ บางครั้งเรากำลังนั่งทำงาน แต่ใจกลับวิ่งวุ่นไปที่อื่น หรือมีความรู้สึกหงุดหงิด เศร้าโศก ไม่พอใจ การฝึกปฏิบัตินั้นคือการตามลมหายใจอย่างมีสติ หายใจเข้า ฉันกลับมาแล้ว หายใจออก ฉันอยู่ที่บ้านแล้ว และเมื่อนั้นความคิดที่วุ่นวาย อารมณ์ความรู้สึกต่าง ๆ จะเบาบาง และหายไปโดยปริยาย ทำให้เราได้กลับมาตั้งมั่นกับปัจจุบันขณะ อยู่ในภาวะที่มีสติ หากมีสติอย่างต่อเนื่องจะเกิดภาวะสมาธิ เมื่อสติและสมาธิตั้งมั่นก็จะทำให้เราเห็นสิ่ง ๆ ต่าง ๆ ได้ชัดเจน เกิดเป็นความเข้าใจที่เราเรียกว่า ปัญญารู้แจ้ง

เพราะฉะนั้นไม่ว่าเป็นเรื่องในอดีตหรืออนาคต ถ้าเรามองด้วยภาวะที่มีสติ ก็จะเกิดความเข้าใจถ่องแท้ หากมองอดีตก็จะเกิดความเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น หากมองอนาคตก็จะรู้ว่าควรวางแผนต่อไปอย่างไร แล้วเราก็จะมีความสุขได้อย่างแท้จริง

ภิกษุณีนิรามิสา

ณ หมู่บ้านพลัม ประเทศไทย

 

ที่มา : นิตยสาร Secret  ฉบับที่ 229

เรื่อง : อุราณี ทับทอง, เชิญพร คงมา, อิศรา ราชตราชู

ภาพ : วรวุฒิ วิชาธร, สรยุทธ พุ่มภักดี

Secret Magazine (Thailand)


บทความน่าสนใจ

พระภัททากัจจานาเถรี ภิกษุณีผู้เลิศทางมหาอภิญญา (พระนางยโสธราพิมพา)

แม่ชีร็อคสตาร์ เผยแผ่ศาสนาด้วยเสียงเพลง

5 พลัง 5 ธรรมาจารย์หญิง ผู้พลิกหัวใจให้เบิกบาน

© COPYRIGHT 2024 AME IMAGINATIVE COMPANY LIMITED.