ประเทศกินีเตรียมฉีดวัคซีนบุคคลใกล้ชิดผู้ป่วย “อีโบล่า” 500 ราย
คุณโฟด ทาสส์ ซิลลา โฆษกศูนย์ต่อสู้อีโบล่าประจำแอฟริกาตะวันตก กล่าวอ้างอิงงานวิจัยว่า เชื้อไวรัสสามารถตกค้างอยู่ในร่างกายของผู้ป่วยต่อไปได้อีกหลายเดือน หลังจากหายเป็นปกติแล้ว
ดังนั้นเพื่อป้องกันการกลับมาระบาดของเชื้อดังกล่าว จึงจำเป็นต้องมีการฉีดวัคซีน ซึ่งรวมไปถึงบุคคลใกล้ชิดทุกกรณี นอกจากนี้ศูนย์ต่อสู้อีโบล่ายังจะปล่อยแคมเปญเตือนอดีตผู้ป่วยอีโบล่า ซึ่งกลายเป็นคุณแม่มือใหม่ ให้งดให้นมลูก เพื่อป้องกันการติดต่อของโรค
องค์การอนามัยโลก (WHO) ชี้ว่า มีผู้รอดชีวิตจากเชื้อไวรัสอีโบล่า ในประเทศกินี ไลบีเรีย และเซียร์ราเลโอน 10,000 ราย ทำให้บุคคลที่ใกล้ชิดกับผู้ป่วย 800 ราย ต้องเข้ารับการฉีดวัคซีน โดยกระบวนการนี้มีชื่อเล่นว่า “วัคซีนวงแหวน” (ring vaccination) เพราะเป็นการฉีดวัคซีนเร่งด่วน ให้ทุกคนที่เข้ามาใกล้ชิดกับผู้ป่วย หรือใกล้ชิดกับบุคคลใกล้ชิดผู้ป่วย ซึ่งขณะนี้มีกว่า 1,000 รายที่เข้าข่ายนี้
ประเทศกินีเป็น 1 ใน 3 ประเทศ ที่เป็นศูนย์กลางการระบาดของไวรัสอีโบล่า โดยได้ประกาศปลอดเชื้อดังกล่าวไปแล้วในเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา แต่กลับต้องประกาศกรณีการติดเชื้อใหม่อีก 8 กรณี ในเดือนที่แล้ว ประเทศเพื่อนบ้านอย่าง ประเทศไลบีเรีย จึงประกาศปิดชายแดนเข้าออกประเทศกินี
ประเทศไลบีเรียเองก็เพิ่งประกาศกรณีผู้ป่วยใหม่ ซึ่งเสียชีวิตขณะเดินทางไปโรงพยาบาล ในวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยกระทรวงสาธารณสุขของประเทศ ระบุว่า ผู้เสียชีวิตเพิ่งเดินทางกลับมาจากประเทศกินี ทางการจึงต้องติดตามเฝ้าระวังบุคคลใกล้ชิดอีก 46 ราย และพนักงานสาธารณสุขที่เกี่ยวข้องอีก 10 ราย
อย่างไรก็ตาม WHO ประกาศเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า เชื้อไวรัสอีโบลา ไม่ได้เป็นปัญหาสาธารณสุขฉุกเฉินอีกต่อไป และการฉีดวัคซีนจะช่วยทำให้โรคราบคาบในอนาคต