บริจาคเลือด ข้อห้าม หลังทำหัตถการความงาม
บริจาคเลือด ข้อห้าม ที่ทุกคนรู้ดีคือ ก็เช่น ห้ามนอนดึก ห้ามอดมื้อเช้า ห้ามสัก เจาะ แต่นอกจากนั้นการไปทำหัตถการความงาม อย่างการฉีดฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ ยกกระชับผิว เข้าคลีนิกความงาม ก็เป็นข้อห้ามสำหรับการบริจาคเลือดด้วยเช่นกัน โดยแต่ละอย่างมีกำหนดระยะเวลาที่จะให้เลือดได้แตกต่างกัน วันนี้เราไปดูกันค่ะ ว่าแต่ละอย่างทำแล้ว ควรงดให้เลือดนานแค่ไหน
เสริมความงามมาแล้วบริจาคเลือดได้เลย
ไม่ใช่ว่าหัตถการความงามทุกชนิด ทำมาแล้วจะต้องเป็นระยะก่อนบริจาค เพราะก็มีบางโปรแกรมที่ทำแล้ว สามารถบริจาคเลือดต่อได้เลย นั้นก็คือ การทำทรีตเมนต์ ยกกระชับผิว ซึ่งเป็นการใชเครื่องมือในการนวดกระชับผิว หรือเพื่อสลายไขมัน ซึ่งไม่ใช่การผ่าตัด หรือการฉีดสารบางอย่างเข้าสู่ร่างกาย จึงทำให้บริจาคเลือด ได้ทันที
ทำมาแล้ว รอดูอาการก่อนบริจาคเลือด
การทำหัตถการความงามบางอย่าง ทำมาแล้ว อาจต้องรอดูว่ามีอาการอักเสบหรือไม่ หากไม่มีการอักเสบ ก็สามารถบริจาคได้เลย แต่ถ้าอักเสบ ก็ต้องรอให้หายดีก่อน จึงจะบริจาคเลือดได้ โดยการทำหัตถการที่ต้องรอดู คือ
- การจี้ด้วยความร้อน เช่น ขี้แมลงวัน จุดด่างดำ
- การเลเซอร์ แผลเป็น ริ้วรอย ขน
- การแวกซ์ กำจัดขน
- ผ่าตัด เนื้องอกที่ไม่ใช่มะเร็ง หูด ไฝ
- สัก ลบรอยสัก
ซึ่งการทำหัตถการในกลุ่มนี้ อาจทำให้เกิดอาการอักเสบ ที่จะส่งผลต่อเม็ดเลือด จึงจำเป็นต้องดูอาการว่า เกิดการอักเสบหรือไม่
บริจาคเลือด ข้อห้าม 4 เดือน หลังทำหัตถการ
การทำหัตถการประเภทที่ต้องมีการฉีดสารต่างๆ เข้าสู่ร่างกายหากเสริมความงามจากคลินิกทั่วไป เช่น
- การฉีดวิตามิน
- ฉีดโบท็อกซ์
- ฉีดฟิลเลอร์
- ฉีดเมโส
- ฉีดกลูตาไธโอน
- ปรับรูปหน้าเรียว วีเชฟ
- กดสิว ฉีดสิว
- ร้อยไหม
หากทำในสถานที่ ที่ไม่ใช่โรงพยาบาล ควรงดบริจาคเลือดอย่างน้อย 4 เดือน หลังทำหัตถการ เพื่อให้มั่นใจได้ว่า ร่างกายไม่ได้รับเชื้อแปลกปลอมอะไรมา ที่อาจทำให้เกิดโรค แต่หากทำในโรงพยาบาล ด้วยเทคนิคปลอดเชื้อ สามารถทำได้ทันที
กินยาและวิตามิน บริจาคเลือดได้ไหม
ยาปฏิชีวนะ (Antibiotic)
ยาที่ใช้เพื่อป้องกันการติดเชื้อในกรณีสิว เช่น
- เตตราซัยคลิน (tetracycline)
- คลินดาไมซิน (clindamycin)
- มิโนไซคลีน ( minocycline)
- ด็อกซีไซคลิน(doxycycline)
- อีรีโทรมัยซิน (erythromycin)
- ไลมีไซคลีน (lymecycline)
- ออกซีเตตราไซคลีน (oxytetracycline)
ซึ่งการบริจาคเลือด จะขึ้นอยู่กับ
- กรณีที่ไม่ใช่สิวอักเสบ การใช้ยารักษาสิว ไม่ว่าจะเป็นยากิน หรือ ยาทาผิวหนัง สามารถบริจาคโลหิตได้ทันที
- กรณีที่เป็นสิวอักเสบ ต้องรอให้อาการอักเสบหายดีอย่างน้อย 1 สัปดาห์ จึงจะบริจาคเลือดได้
ยา Retinoids (กลุ่มอนุพันธ์วิตามิน เอ)
เป็นอีกหนึ่งกลุ่มยาที่นิยมใช้เพื่อรักษาสิว ซึ่งยาในกลุ่มดังกล่าว มีผลทำให้ทารถในครรภ์พิการได้ จึงมีข้อกำหนดในการบริจาคเลือด คือ
- ยา Isotretinoin ต้องหยุดยาอย่างน้อย 1 เดือน
- ยา Acitretin ต้องหยุดยาอย่างน้อย 2 ปี
- ยา Etretinate งดบริจาคโลหิตถาวร
รับประทานอาหารเสริม และ สมุนไพร
วิตามินทุกชนิด และสมุนไพรที่ไม่ส่งผลต่อการทำงานของเกร็ดเลือด สามารถบริจาคโลหิตได้ทันที โดยไม่ต้องหยุดยา เช่น
- วิตามินทุกชนิด
- เวย์โปรตีน
- แอลคาร์นิทีน
- คอลลาเจน
- กลูตาไธโอน
- เลซิติน อี
- อาหารเสริมที่มีไบโอติน
- ฟ้าทะลายโจร
- โสม
- ถั่งเช่า
แต่หากเป็นน้ำมันตับปลา น้ำมันปลา และขมิ้นชัน ต้องงด 3 วัน ก่อนบริจาคโลหิต เพราะมีผลต่อการทำงานของเกล็ดเลือด
ข้อปฏิบัติหลังบริจาคเลือด
นอกจากจะต้องมีการเตรียมตัวก่อนบริจาคเลือดแล้ว ก็มีข้อควรระวังนิดหน่อยหลังบริจาคเลือดคือ
- ลหังบริจาคเลือดเสร็จต้องนอนพักอย่างน้อย 5นาที อย่าเพิ่งลุกจากเตียงบริจาคเลือด เพื่อประเมินอาการ
- งดใช้กำลังแขนข้างที่บริจาคเลือด
- งดออกกำลังกายทุกประเภท
- ดื่มน้ำให้มากกว่าปกติ
- ทานวิตามินเสริมธาตุเหล็กที่สถานรับบริจาคเลือดมอบให้ เพื่อป้องกันการขาดธาตุเหล็ก
- หากมีอาการไม่พึงประสงค์แจ้งเจ้าหน้าที่ทันที