เคล็ดลับการดูแลสุขภาพ

ฟื้นสุขภาพ คืนความสุข ในวัน รักษามะเร็ง ของ อรอนงค์ ปัญญาวงศ์

ภาพดาราสาวผู้อ่อนหวาน เป็นภาพหนึ่งที่ติดอยู่ในความทรงจำของทุกคนที่รู้จัก น้องอร – อรอนงค์ ปัญญาวงศ์ แต่แล้ววันหนึ่ง เธอก็มีข่าวที่ทำให้ทุกคนตกใจ คือการเป็นโรคมะเร็ง! แถมคุณอรอนงค์ยังเป็นโรคมะเร็งในจุดที่พบได้ยาก แต่มีความอันตรายสูง และยิ่งน่าแปลกใจยิ่งกว่า เพราะในทุกวันนี้ใครที่เจอคุณอรอนงค์อาจแทบจำไม่ได้เลยว่า เธอเคยป่วยร้ายแรงแค่ไหน เพราะอะไร ขั้นตอนการ รักษามะเร็ง และมีวิธีการดูแลตัวเองอย่างไร แอดจะพาไปพูดคุยกับเจ้าตัวกันเลยค่ะ

อรอนงค์ ปัญญาวงศ์ เป็นมะเร็ง

ในฐานะนางสาวไทยประจำปี 2535 หลังจากนั้นเธอก็เดินเข้าสู่เส้นทางชีวิตสายใหม่ที่สร้างชื่อเสียงและความสำเร็จทั้งในฐานะดารานักแสดงและอินฟลูเอนเซอร์ แต่ชีวิตจริงก็ไม่ต่างจากบทละครซึ่งมีทั้งสุขและทุกข์ โดยในเดือนกันยายน 2566 มรสุมสุขภาพครั้งแรกก็พัดจู่โจมเข้าหาเธอโดยไม่ทันได้ตั้งตัว

“ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ทำงานหนัก ถ่ายละครที่ละ 2 เรื่อง และมีงานอื่นๆ ทำให้ไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ และด้วยวัยที่เพิ่มมากขึ้น พอพักผ่อนไม่เพียงพอก็เหมือนระเบิดเวลา จึงเกิดการเจ็บป่วยกะทันหัน”

รักษามะเร็ง

วันนั้นน้องอรเล่าว่า กำลังนั่งรถไปส่งลูกที่โรงเรียนตามปกติ ขากลับมีความรู้สึกว่าหายใจแล้วเจ็บหน้าอกหายใจไม่ทั่วท้อง จุกอยู่ที่หน้าอก และรู้สึกเจ็บมาก จึงบอกกับหลานที่ขับรถให้ว่าทนไม่ไหว ขอยกเลิกคิวถ่ายละครกะทันหัน และรีบไปโรงพยาบาลทันที

“ผลตรวจพบว่าบริเวณทรวงอกที่เป็นต่อมไทมัสมีก้อนลักษณะเทาๆอยู่ตรงปอด หมอจึงขอทำ CT Scan เพื่อจะได้เห็นภาพชัดเจนขึ้น พบว่าต่อมไทมัสมีขนาดโตขึ้นเป็นก้อนขนาดใหญ่ประมาณ 4 เซนติเมตร จึงไปเบียดอวัยวะภายในคือหัวใจกับปอด ทำให้มีอาการหายใจติดขัดหายใจไม่ทั่วท้อง และมีอาการเจ็บหน้าอก และต้องผ่าตัดออก”

แม้การผ่าตัดจะผ่านพ้นไปด้วยดี แต่สิ่งที่น้องอรกังวลใจคือผลข้างเคียงหลังการผ่าตัด เพราะต่อมไทมัสเป็นต่อมที่ติดตัวเรามาตั้งแต่เราเกิด มีหน้าที่ผลิตเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย ทำให้ร่างกายมีการเจริญเติบโตเป็นปกติพอถึงวันที่ร่างกายเราหยุดการเจริญเติบโต ต่อมนี้จะเล็กลงแต่ไม่ได้หายไปไหน จะช่วยควบคุมเรื่องภูมิต้านทานให้ร่างกายของเราอยู่

การตัดต่อมนี้ออกไปจึงกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงานของระบบภูมิต้านทานในร่างกาย บางครั้งเจอสภาพอากาศหรือสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงก็ทำให้เจ็บป่วยง่ายขึ้นและมีอาการหนักขึ้น จากที่เป็นหวัดเคยมีอาการแค่ 2 วัน มีน้ำมูกนิดหน่อย หายใจไม่สะดวกก็อาจจะเพิ่มเป็น 1 อาทิตย์ อาการหนักขึ้น มีอาการไอจามมากขึ้น และถ้ารักษาไม่ดีอาจทำให้ปอดติดเชื้อได้ง่าย

หลังจากที่มรสุมสุขภาพลูกแรกผ่านพ้นไปไม่นาน มรสุมสุขภาพลูกที่ 2 ก็พัดเข้ามา เมื่อคุณหมอนำก้อนเนื้อที่ผ่าตัดไปตรวจและพบว่าเป็นเนื้อร้ายหรือมะเร็งต่อมไทมัส วินาทีที่หมอบอกว่ามันเป็นเนื้อร้าย ใจหล่นไปที่ตาตุ่ม หน้าลูก หน้าแม่ หน้าทุกคนในครอบครัวลอยมา มันเหมือนหูดับ อึ้งไปสักพัก

“คุณหมอก็ให้กำลังใจ และบอกว่าวิวัฒนาการทางการแพทย์ในปัจจุบันรักษาให้หายได้ และโชคดีที่ตรวจเจอเร็ว เพราะเป็นมะเร็งต่อมไทมัสในระยะที่ 2 คือระยะที่ก้อนเนื้อร้ายมีขนาดโตขึ้นและไปเบียดอวัยวะ ทำให้เกิดผลกระทบมีอาการเจ็บหน้าอก หายใจไม่สะดวก ตอนนั้นก็รวบรวมสตินั่งคุยกับคุณหมอวางแผนการรักษา จะท้อไม่ได้ ต้องหาย เพราะเรายังเป็นกำลังสำคัญของครอบครัว และคุณหมอแนะนำให้รักษาด้วยการฉายรังสีโดยต้องฉายรังสีทั้งหมด 30 ครั้งภายใน 1 เดือนเศษๆ”

วันนี้แม้มะเร็งจะสงบ แต่ก็พบอาการแพ้ภูมิกล้ามเนื้อตัวเองที่เป็นโรคแทรกช้อนในกลุ่มโรค SLE จึงต้องทานยากดภูมิทุกวัน ตอนนี้ทุก 2 เดือนต้องไปพบคุณหมอ เจาะเลือดตรวจค่าเลือด และกินยากดภูมิอยู่ตลอด เพื่อไม่ให้อาการกำเริบหรือแสดงอาการออกมามากขึ้น เพราะจะกระทบกระเทือนต่ออวัยวะภายในร่างกายของเรา

กินดี อยู่ดี ดื่มดี ฟื้นฟูมะเร็ง

การเจอมรสุมสุขภาพจากโรคร้ายที่พัดกระหน่ำชีวิตติดต่อกันถึง 3 ครั้งเป็นบทเรียนสำคัญที่ทำให้น้องอรกลับมา
ทบทวนชีวิตที่ผ่านมา เพื่อรักษาชีวิตที่เหลืออยู่ให้แข็งแรงและยอมรับว่าพฤติกรรมและการใช้ชีวิตของเธอคือสาเหตุ
หนึ่งของการเจ็บป่วย

“หลักๆ เลยมาจากการที่เราทำงานหนัก ถ่ายละครติดต่อกันทำให้ไม่ได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ นอนไม่เป็นเวลา เครียด และมีปัจจัยภายนอกที่เป็นตัวกระตุ้นทั้งโควิด-19 ฝุ่น PM2.5 และมลพิษจากสิ่งแวดล้อมรอบตัวเป็นตัวกระตุ้น”

รักษามะเร็ง

ดังนั้นก่อนการผ่าตัดต่อมไทมัส เธอจึงหันมาใส่ใจ ตัวเองป็นพิเศษ เริ่มต้นจากการนอนหลับพักผ่อนให้มากขึ้น กินอาหารที่มีประโยชน์ และจะกินเพียงแค่พออิ่ม งดของหมักดอง อาหารสุกๆ ดิบๆ เน้นกินผักผลไม้ และกินเนื้อสัตว์ประมภทเนื้อปลา เนื้อไก่ที่ปรุงสุกใหม่เป็นส่วนใหญ่

“ปกติเป็นคนที่ไม่กินอาหารสุกๆ ดิบๆ ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ไม่สูบบุหรี่ ก็ทำให้เราดูแลตัวเองง่ายขึ้น แต่ปัจจัยสำคัญคือต้องเข้านอนเร็วขึ้น จากเดิมที่เคยนอนน้อยนอนดึก นอนตอน 5 ทุ่มหรือตี 2 ก็ปรับมาเข้านอนเร็วขึ้นคือ 2 ทุ่มครึ่งต้องอยู่บนเตียงแล้ว เพราะช่วงก่อนผ่าตัดการเตรียมร่างกายให้พร้อมเป็นเรื่องสำคัญ”

นอกจากนี้น้องอรยังโชคดีที่ค้นพบตัวช่วยเป็นน้ำแร่ด่างธรรมชาติ “ไอซ์แลนด์ สปริง” ที่มีค่าความเป็นด่างธรรมชาติสูงถึง pH8.88 โดยในช่วงก่อนการผ่าตัดต่อมไทมัสซึ่งเป็นช่วงเวลาความเป็นความตายของชีวิตที่ต้องดูแลตัวเองให้มากเป็นพิเศษ เพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมเข้าสู่กระบวนการผ่าตัดและรักษาต่อไป คุณหมอบอกว่าถ้าดื่มน้ำที่เป็นด่างธรรมชาติจะช่วยปรับสมดุลให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็ว คุณอั๋น – ภูวนาท คุนผลิน จึงแนะนำให้ดื่ม “ไอซ์แลนด์ สปริง” pH8.88 เพราะเป็นน้ำแร่ด่าง จากธรรมชาติร้อยเปอร์เซ็นต์ที่ไม่ได้ปรุงแต่งจากเครื่องกรองน้ำหรือการสังเคราะห์ จึงดีต่อสุขภาพภายในร่างกายของเธอมาก เมื่ออาหารที่เรารับประทานเข้าไปในแต่ละวัน ซึ่งมีทั้งหวาน มัน เค็ม หรือรสชาติจัดจ้านทั้งหลายทำร้ายร่างกายให้เกิดการอักเสบสะสม เกิดกรดในร่างกายแต่พอเราได้ดื่มน้ำแร่ด่างธรรมชาติจึงเข้าไปช่วยปรับสมดุลให้ร่างกาย และถ้าร่างกายเราเจ็บป่วย เป็นผู้ป่วยที่ต้องเตรียมตัวผ่าตัด หรือหลังจากผ่าตัดแล้วร่างกาย
ต้องซ่อมแซมตัวเองมากขึ้น น้ำดื่มคุณภาพจึงมีความสำคัญมาก

ดื่มน้ำ ช่วงฉายรังสี รักษามะเร็ง

ตั้งแต่รู้ว่าต้องเข้าสู่กระบวนการฉายรังสีเพื่อรักษามะเร็งต่อมไทมัส คุณหมอก็มีคำแนะนำให้ดื่มน้ำมากกว่าปกติ จากที่เคยดื่มวันละ 2 ลิตรก็เพิ่มเป็น 3 ลิตร โดยมีเคล็ดลับคือ จิบน้ำบ่อยๆ อย่าปล่อยให้ร่างกายขาดน้ำ และน้ำที่น้องอรเลือกดื่มก็คือไอซ์แลนด์ สปริง น้ำแร่ด่างธรรมชาติที่มีค่า pH สูงถึง 8.88

“โชคดีมากที่ไม่มีผลข้างเคียง ผิวไม่ไหม้ ไม่หมองหรือผมร่วงไม่มีเลย ต่างจากคนอื่นที่ไปฉายรังสีในวันเดียวกัน ทุกครั้งที่เจอ เขาจะผิวคล้ำลง หน้าหมองลงดูไม่สดใส แต่ช่วงนั้นน้องอรฉายรังสีเสร็จ ตอนบ่ายก็ไปทำงานต่อ คือทำอะไรได้ปกติเหมือนเดิม สามารถบอกกับลูกว่าคุณแม่ไปรักษาตรงนี้มันไม่น่ากลัวนะ ไม่ต้องห่วงคุณแม่”

รักษามะเร็ง

สิ่งสำคัญที่ทำให้ไม่มีเอฟเฟ็กต์จากการฉายรังสีรักษามะเร็ง ผิวไม่คล้ำเสีย ผมไม่ร่วง ไม่มีอาการอิดโรย เป็นเพราะในช่วงเวลา 2 เดือนก่อนการฉายรังสีเธอเตรียมร่างกายมาเป็นอย่างดี ทั้งเรื่องอาหารการกินที่มีประโยชน์ การพักผ่อนให้เพียงพอ และการเลือกดื่มน้ำแร่ด่างธรรมชาติไอซ์แลนด์ สปริง ซึ่งค่าความเป็นด่างธรรมชาติที่สูงถึง pH8.88 ช่วย ลดการอักเสบของเซลล์และขับกรดออกจากร่างกาย ตอนที่ต้องฉายรังสี น้องอรดื่มน้ำเยอะมาก วันละ 5-6 ลิตร เวลาเข้าห้องน้ำรู้สึกได้เลยว่าเหมือนมีไอร้อนออกมาตอนปัสสาวะ

“เวลาออกไปเจอใครทุกคนจะบอกว่าน้องอรดูไม่เหมือนคนป่วยเป็นมะเร็งที่กำลังฉายแสงเลย จึงมีกำลังใจและคิดว่า
สิ่งที่เราทำ เลือกรับประทานและเลือกดื่มนั้นดีต่อสุขภาพอย่างแท้จริง”

น้องอรได้มีโอกาสเดินทางไปถึงจุดที่เป็นแหล่งน้ำของน้ำแร่ไอซ์แลนด์ สปริง ประเทศไอซ์แลนด์ อยู่บริเวณเขตอนุรักษ์ธรรมชาติ ซึ่งไม่สามารถเข้าไปได้หากไม่ได้รับอนุญาตและมีรั้วล้อมรอบ 3 ชั้นเพื่อป้องกันสัตว์ ทำให้มั่นใจได้ว่าน้ำที่นี่สะอาด ปลอดภัย ปราศจากมลภาวะ มีค่าความบริสุทธิ์มากที่สุด ดื่มได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องสารตกค้างในร่างกาย

ซึ่งแหล่งน้ำของน้ำแร่ไอซ์แลนด์ สปริง มีต้นกำเนิดจากฝนและหิมะที่ตกลงมาเมื่อหลายร้อยล้านปีก่อน ฟอร์มตัวกลายเป็นธารน้ำแข็งที่ค่อยๆ หลอมละลายไหลผ่านชั้นหินลาวา เรียกว่า “Basaltic Lava Rock” ที่มีคุณสมบัติพิเศษ มีค่า pH สูงมากๆ โดยใช้เวลากว่า 40 ปีในการกรองแบบธรรมชาติ ก่อนผุดขึ้นมาเป็นน้ำพุร้อน ซึ่งน้ำแร่ที่มีค่า pH สูง จะช่วยปรับสมดุลและขับกรดออกจากร่างกายมากขึ้น

“คนส่วนใหญ่เลือกรับประทานอาหารดีๆ แล้วทำไมจะเลือกดื่มน้ำที่ดีเข้าสู่ร่างกายบ้างไม่ได้ ไอซ์แลนด์ สปริงจึงเป็นคำตอบที่เหมาะสำหรับทุกคน ยิ่งปัจจุบันกระแสความนิยมการบริโภคเครื่องดื่มประเภทน้ำชง ทั้งชา กาแฟหรือเครื่องดื่มบรรจุขวดต่างๆ เป็นที่ชื่นชอบของคนทุกวัยจนมองข้ามน้ำตาลแฝงที่เป็นอันตรายและก่อโรคมากมายในเครื่องดื่มเหล่านี้ ยอมจ่ายเงินเป็นหลักร้อยเพื่อแลกกับความเอร็ดอร่อย แต่น้ำดื่มที่มีการรับรองว่าดีต่อสุขภาพอย่างน้ำแร่ไอซ์แลนด์ สปริงในราคา 60 บาทกลับถูกมองข้ามดังนั้นเวลาใครถาม น้องอรก็จะเปรียบเทียบให้เห็นว่าคุ้มค่า”

น้ำแร่…ปรับสมดุลร่างกาย

สิ่งที่เป็นปัจจัยภายนอก รูปร่างหน้าตา สามารถปรุงแต่งได้ แต่อวัยวะในร่างกายไม่สามารถบอกว่าช่วยดูแลฉันหน่อย ตรงนี้กำลังสึกหรอนะ การหมั่นเติมเต็มสิ่งที่ดีเข้าร่างกายอย่างสม่ำเสมอจึงช่วยยึดอายุการใช้งาน ช่วยลดความเสื่อม แต่ถ้าเกิดการเจ็บป่วยขึ้นแล้ว ทั้งในระยะการดูแลฟื้นฟูร่างกาย ต้องพักฟื้นหลังการผ่าตัด หรือเป็นผู้ป่วยที่กำลังเตรียมตัวเข้ารับการรักษา การดื่มน้ำที่มีคุณภาพอย่างน้ำแร่ไอซ์แลนด์ สปริงจึงช่วยฟื้นฟูซ่อมแซมจากภายในและสร้างสมดุลให้ร่างกาย

“เรายังต้องใช้ร่างกายทำงาน ยังอยากอยู่กับครอบครัวและคนที่เรารักให้นานที่สุด จึงต้องยอมลงทุนเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับร่างกาย”

ติดตามชีวจิตได้ที่
Instagram Cheewajitmedia
Facebook นิตยสารชีวจิต


© COPYRIGHT 2025 AME IMAGINATIVE COMPANY LIMITED.